พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 16 กันยายน 2567
ตอนนี้มีปรากฏการณ์หนึ่งที่กำลังแพร่หลายไปเรื่อยๆ กระจายไปทั่วโลกเลยนั่นคือ การรื้อพื้นถนน ไม่ว่าจะเป็นถนนปูน เทยางมะตอยหรือว่าถนนคอนกรีต หลายเมืองในอเมริกา ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม อังกฤษ ออสเตรเลีย เขารื้อพื้นถนน รื้อไปทำไม รื้อเพื่อให้ต้นไม้ที่ปลูกตามเมืองต่างๆ สร้างความเขียวขจี
มันไม่ใช่แค่ความสวย แต่เขาพบว่าหลายเมืองพอเอาปูนมาเทเป็นถนน หรือยางมะตอยเวลาน้ำฝนตกลงมา มันไม่ซึมสู่ดิน มันทำให้เกิดน้ำท่วมได้ง่ายขึ้น ตอนนี้หลายเมืองมีปัญหาน้ำท่วมเพราะฝน ฝนตกมาแล้วไม่สามารถจะซึมลงดินได้ เพราะว่าคอนกรีตขวางเอาไว้
กรุงเทพฯเหมือนกัน เห็นได้ชัดว่าที่น้ำท่วมเยอะ ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าเราเอาปูนมาเทบนพื้น แถมยังถมคลองอีกเพื่อทำถนน แต่อันนั้นมันไม่ใช่แค่ช่วยลดน้ำท่วม เขาพบว่าการมีพื้นที่สีเขียวในเมืองเป็นสิ่งสำคัญมาก หลายๆ เมืองพื้นที่ว่างๆ ถูกเทด้วยปูน ด้วยยางมะตอย กลายเป็นถนน อันนี้เมืองไทยเราเห็นภาพชัด
แต่เดี๋ยวนี้ต้นไม้สำคัญมาก เขาพบว่าโลกนับวันจะร้อนขึ้น ถ้าในเมืองมีแต่ปูนหรือคอนกรีตทั้งข้างบนข้างล่างยิ่งร้อนเข้าไปใหญ่ ความร้อนนี้พอมันกระทบกับพื้นโดยเฉพาะพื้นคอนกรีต พื้นยางมะตอย มันก็แผ่สู่บรรยากาศรอบข้าง และเดี๋ยวนี้เมืองในยุโรป อเมริกาพบว่าคลื่นความร้อนแรงมาก วิธีหนึ่งที่จะช่วยได้คือ ปลูกต้นไม้เพื่อให้ร่มเงา
ต้นไม้นี่จะปลูกยังไงในเมื่อมันไม่มีพื้นที่เหลือแล้ว เพราะว่าพื้นที่เหลือกลายเป็นปูนไปหมด หรือเป็นยางมะตอย จึงต้องรื้อ รื้อพื้นถนนมาปลูกต้นไม้ พอปลูกต้นไม้แล้วมันก็ได้ให้ความสดชื่นความผ่องใสแก่ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมา แล้วต้นไม้ก็ช่วยลดมลภาวะได้ ช่วยกรองฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ได้ไม่น้อย โดยเฉพาะต้นไม้ที่มีใบเยอะๆ ใบหนาๆ
ตอนนี้นี่คือแนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก สมัยสัก 40-50 ปีก่อน เราไปชื่นชมนิยมคอนกรีตมาก เพราะว่ามันทำให้เกิดความสะดวกสบาย เดินทางได้สะดวก แต่ว่าการทำเช่นนั้นก็ต้องแลกกับพื้นที่สีเขียวที่เลือนหายไปเรื่อย ๆ
ตอนนี้คนเขาก็เห็นความสำคัญของพื้นที่สีเขียวมาก บางแห่งทำกันเป็นจริงเป็นจัง อย่างในบางเมืองในฮอลแลนด์ หรือว่าในโซล เมืองหลวงเกาหลี ทางด่วนที่คร่อมคลอง ตอนนี้เขารื้อเรียบร้อยไปแล้ว
แต่ก่อนนี้ใครๆ ก็อยากให้สร้างทางด่วนหรือถนน เพิ่มพื้นที่ผิวถนน จะทำยังไงดีมันมีคลองขวางอยู่ บางทีก็ถมถนนถมคลองเลย หรือไม่ก็สร้างถนนคร่อมเอาไว้ เดินทางสะดวก แต่ตอนนี้ก็รู้แล้วว่าสิ่งที่สำคัญกว่าความสะดวกสบายก็คือ ความสดชื่นแจ่มใส ความผ่อนคลาย ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ง่ายเพราะว่ามีต้นไม้ มีสวน
ในหลายเมืองที่ว่าเขารื้อเลย รื้อถนนที่คร่อมคลอง แล้วก็รื้อฟื้นคลองให้มีน้ำใส ทำสวนสองฟากฝั่งของคลองให้คนได้มาพักผ่อนหย่อนใจ เพราะตอนนี้เขาเห็นความสำคัญของการมีสุขภาพจิตที่ดี แล้วก็สุขภาพกายด้วย
แต่ก่อนสมัยที่เราไปเน้นเรื่องการพัฒนามากๆ แล้วก็เน้นในเรื่องเศรษฐกิจ เน้นในเรื่องความสะดวกสบาย เดี๋ยวนี้หลายประเทศเขาบอกว่าสิ่งสำคัญกว่าเศรษฐกิจและความสะดวกสบายก็คือสุขภาพจิตและสุขภาพกาย
เพราะฉะนั้นเขายอม ยอมให้รื้อถนน หรือไม่ก็รื้อพื้นถนนเพื่อเปลี่ยนให้กลายเป็นพื้นที่สีเขียว อันนี้เป็นแนวโน้มใหม่ เมืองไทยเราทุกวันนี้เรายังให้ความสำคัญกับเรื่องความสะดวกสบาย แล้วก็เรื่องของเศรษฐกิจมาก เราก็เลยตัดไม้ทำลายป่า หรือไม่ก็สร้างถนนถมคลอง มันก็ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น ทำให้สะดวกสบายเดินทางได้ดี
แต่ว่าสิ่งที่เราเสียไปคือว่า ธรรมชาติที่ช่วยทำให้จิตใจของเราผ่องใสเบิกบาน ตอนนี้หลายประเทศก็พบหรือตระหนักว่าเศรษฐกิจสำคัญ ความสะดวกสบายสำคัญ แต่ที่สำคัญกว่า ก็คือสุขภาพ ความสดชื่นแจ่มใส ความผ่อนคลาย เพราะได้อยู่ใกล้ธรรมชาติ
แล้วมันไม่ใช่แค่สุขภาพจิตที่ดี สุขภาพกายก็ดีด้วย อย่างที่เคยเล่าแล้วว่า คนที่อาศัยในรัศมีหนึ่งกิโลเมตรรอบพื้นที่สีเขียว โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ที่เป็นกับคนส่วนใหญ่ในเมืองนั้นน้อยลง โรคหัวใจ เบาหวาน ไมเกรน โรคหอบ โรคซึมเศร้าที่เป็นกันเยอะ แต่ว่าคนที่อยู่รอบๆ พื้นที่สีเขียว เช่น สวนสาธารณะ หรือป่า โรคพวกนี้น้อยลง อันนี้ยังไม่นับโรคปอด หรือมะเร็งปอดที่เกิดจากมลภาวะโดยเฉพาะ pm 2.5
โลกยุคนี้ผู้คนมาให้ความสำคัญกับเรื่องของสุขภาพจิต สุขภาพกายมาก ความสะดวกสบายก็สำคัญอยู่แต่ว่าให้ความสำคัญลดลง อันนี้ก็เป็นเรื่องเป็นแนวโน้มใหม่ที่แสดงให้เห็นว่าคนหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องของสุขภาพจิตมากขึ้น
เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ งานแบบนี้ก็คงจะเกิดขึ้นที่เมืองไทยบ้าง อยากจะเห็นวัดจำนวนมากที่มีแต่พื้นคอนกรีตจนแทบไม่มีต้นไม้ให้เห็นเลย น่าจะรื้อคอนกรีตออกไปบ้าง รื้อออกไปเยอะๆ เพื่อปลูกต้นไม้ ตอนนี้ก็มีบางวัดทำแล้ว ยังไม่ใช่เป็นวัดในเมือง เป็นวัดที่อยู่ชานเมือง
แต่ก่อนนิยมคอนกรีตมาก มีพื้นที่ว่างเมื่อไหร่ ถ้ามีดินอยู่นี่ไม่ชอบ ต้องเอาคอนกรีตทับ เอายางมะตอยทับ ตอนนี้หลายวัดเขากำลังรื้อเอาคอนกรีตออก เอาตัวหนอนออก เพื่ออะไร เพื่อปลูกต้นไม้ เพื่อสร้างพื้นที่สีเขียว ทำให้วัดเป็นถิ่นรมณีย์ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
เพราะว่าสมัยก่อนวัดเป็นถิ่นรมณีย์ แต่พอเราไปนิยมคอนกรีต เรียกหรือว่าศาสนาคอนกรีต เราก็เลยเทคอนกรีตกัน จนวัดโดยเฉพาะวัดในเมืองแทบจะไม่มีต้นไม้ หรือไม่มีสวน ไม่มีแม้กระทั่งพื้นดินที่จะให้เราได้สัมผัส
เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าเรามีวัดที่ตื่นตัวในเรื่องนี้มากขึ้น เห็นความสำคัญของการสร้างถิ่นรมณีย์ ก็คงต้องรื้อพื้นคอนกรีต หรือพื้นยางมะตอยออกไป อันนี้ก็เป็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นไปทั่วโลกแล้ว.