พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 31 สิงหาคม 2567
มีหลายคน พ่อแม่ซึ่งแก่ชรามากป่วยหนัก จนเข้าโรงพยาบาล แล้วก็ดูเหมือนไม่รู้สึกตัวเลย อาจจะเป็นเพราะโคม่า หรือบางคนก็เป็นเจ้าชายนิทรา เป็นผัก
หลายคนก็สงสัยว่าจะช่วยให้พ่อแม่ซึ่งป่วยนี้ เขาจะทำบุญทำกุศลอย่างไร ทำอย่างไรใจเขาจะรับรู้ถึงบุญกุศลที่ลูกหลานทำให้กับพ่อแม่
ที่จริงนี้แม้ผู้ป่วยจะไม่ตอบสนอง พูดอะไรไป เขาก็ไม่ตอบ หรือแม้เขาจะหลับตาเวลานี้ จริงๆ เขายังสามารถรับรู้ได้ อาจจะไม่ตลอดเวลา หรือไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เขายังรับรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเขา หรือได้ยินคนที่อยู่รอบเตียงนี้พูด ไม่ว่าจะพูดกันเองหรือพูดกับเขา
เพราะฉะนั้น ถ้าอยากให้ผู้ป่วยได้มีโอกาสทำบุญ ก็ไม่ยากนะ อาจจะนิมนต์พระมารับสังฆทานจากผู้ป่วย บอกผู้ป่วยว่ามีพระมารับสังฆทาน ให้พ่อให้แม่ช่วยถวายให้กับพระท่านด้วย แม้มือพ่อหรือแม่จะขยับไม่ได้ ก็จับมือให้ท่านประเคนผ้าหรือว่าสังฆทาน เพื่อให้แน่ใจว่าท่านทำอะไรอยู่ ก็บอกท่านนะว่าตอนนี้กำลังถวายสังฆทาน มีพระรับอยู่ ให้พ่อแม่ได้น้อมใจรับอานิสงส์แห่งบุญที่ได้ทำด้วย
อย่าไปคิดว่าท่านไม่ได้ยิน มีโอกาสที่จะได้ยิน และอาจจะเห็นด้วยนะ แต่ไม่ได้เห็นด้วยตา การกระทำเช่นนี้ทำให้ท่านได้บุญนะเรียกว่าทานมัย แล้วถ้าเกิดว่าเราบอกท่านว่า อุทิศบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร ให้กับเทวดาที่ล่วงลับ หรือว่าให้แก่สรรพสัตว์ อันนี้ก็เรียกว่าได้บุญเหมือนกันเรียกว่าปัตติทานมัย
บุญที่แผ่ไปให้ผู้อื่นนี้ไม่เหมือนเงิน เงินนี้เราให้คนอื่นไป เงินในกระเป๋าเราก็น้อยลง แต่บุญนี้เราแผ่ให้ใคร บุญที่มีอยู่กับเราก็ไม่ได้น้อยลงเลย หรือไม่ลูกหลานไปทำบุญที่ไหนมาไปถวายสังฆทานที่วัดนั้นวัดนี้ หรือไปทำความดีไปปฏิบัติธรรมมา กลับมาก็บอกพ่อบอกแม่ที่ป่วยว่า ให้พ่อแม่ได้ร่วมอนุโมทนาบุญด้วยนะ อันนี้เรียกว่าปัตตานุโมทนามัย บุญที่เกิดจากการอนุโมทนา หรือชื่นชมความดีที่ผู้อื่นได้ทำ
คนป่วยนี้แม้จะไม่ได้รับรู้อะไรในสายตาของเรา แต่เขาก็ยังสามารถจะรับรู้มากกว่าที่เราคิด แต่ว่าเขาอาจจะตอบสนองไม่ได้ เพราะฉะนั้นอย่าไปคิดว่า ป่วยติดเตียง โคม่าเป็นผักแล้วจะไม่มีโอกาสทำบุญนะ
และนอกจากการทำบุญด้วยอาการถวายสังฆทาน หรือการร่วมอนุโมทนาบุญเมื่อลูกหลานไปทำบุญที่ไหนมา แม้กระทั่งการน้อมจิตของผู้ป่วยให้เป็นกุศล รวมไปถึงว่าตอนที่อยู่ในระยะท้ายสุดนี้ น้อมจิตให้เป็นกุศลเพื่อให้จิตสุดท้ายเป็นกุศลนี้ก็ทำได้นะ
หลายคนเป็นห่วงนะ พ่อแม่สมองเสื่อมแล้ว ป่วยนอนติดเตียง หมอบอกว่าสมองไม่สามารถจะรับรู้อะไรได้ ฟังเสียงอาจจะไม่ได้ยิน แต่ไม่รู้ความหมาย อันนั้นเป็นเรื่องของสมองนะ แต่ใจเป็นอีกเรื่องหนึ่ง สมองกับจิตเป็นคนละส่วน สมองเป็นเรื่องรูป แต่สามารถจะรับรู้ได้นะ
เพราะฉะนั้น เวลาผู้ป่วยอาการหนักใกล้จะตายแล้ว สัญญาณชีพมันบ่งบอกแล้วว่า กำลังจะหมดลม หัวใจหยุดเต้นในอีกไม่นาน ถามว่าจะน้อมจิตท่านให้เป็นกุศลได้อย่างไรในเมื่อท่านไม่ได้รับรู้อะไรหรือไม่สามารถจะรับรู้อะไร นั่นเป็นความเข้าใจของเรา ซึ่งอาจจะไม่ใช่ความจริงก็ได้
เพราะฉะนั้น ตอนนั้นแหละที่เรายังสามารถทำอะไรให้กับท่านได้ หรือทำก่อนหน้านั้นได้ด้วยก็ยิ่งดีนะ พูดสิ่งดีๆที่ท่านภาคภูมิใจ น้อมใจท่านให้นึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ถ้าท่านมีใจในทางศาสนา หรือถ้าเป็นคนจีนศรัทธาในพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม ก็น้อมจิตให้นึกถึงเจ้าแม่กวนอิม และก็นึกถึงความดีที่ได้ทำ รวมทั้งปล่อยวางทุกอย่าง
พูดสั้นๆ ว่า “ให้นึกถึงพระ ละทุกสิ่ง” อาจจะเปิดเทปธรรมะถ้าเกิดว่าท่านมีความผูกพันกับครูบาอาจารย์สำหรับบางท่าน แต่ถ้าท่านไม่ชอบเรื่องพิธีกรรม ไม่ชอบฟังพระสวดมนต์ก็ไม่ต้องไปยัดเยียดท่าน พูดถึงสิ่งดีๆ ที่ท่านภาคภูมิใจ พูดถึงความดีที่ได้ทำกับลูกกับหลาน พูดถึงความสุขที่เคยมีร่วมกัน
แล้วก็น้อมใจนึกถึงบุญกุศล ถ้ามีใจใฝ่ธรรมก็ให้ปล่อยวางละทุกสิ่ง อย่างน้อยก็ให้นึกถึงพระรัตนตรัยเอาไว้ ใจจะเป็นกุศล
อันนี้ก็ช่วยท่านได้นะ ถึงแม้ว่าดูภายนอกนี้ท่านจะไม่ตอบสนองอะไร แต่ว่ารับรู้ได้ มีผู้ป่วยหลายคนนะที่หมอบอกว่าเป็นผักแล้ว ไม่รับรู้อะไรแล้ว แต่บางรายนี้ภรรยามาตัดพ้อว่า ชีวิตลำบากอย่างไรบ้าง พอสามีไม่อยู่แล้วนี้ชีวิตลำบากเหลือเกิน ลูกก็ลำบาก ตัดพ้อไปก็ร้องไห้ไป ปรากฏว่าคนไข้น้ำตาซึมนะ และก็น้ำตาซึมเฉพาะเวลาภรรยามาตัดพ้อ
ภรรยาเล่าให้หมอฟัง หมอไม่เชื่อ ภรรยาบอกเดี๋ยวจะทำให้ดู แล้วก็ตัดพ้อว่าชีวิตลำบากอย่างไรบ้าง สักพักน้ำตาของคนไข้ก็ไหล บางรายนี้เป็นผัก ไม่ตอบสนอง แต่เวลาเพื่อนสนิทมาคุยเรื่องตลก หัวเราะนะ เรื่องที่เคยหัวเราะเรื่องที่เคยขำตอนที่ยังไม่ป่วย พอป่วยแล้วเพื่อนมาเล่าอีกก็ยังหัวเราะเลย ทั้งที่หมอบอกว่าเป็นผัก
นี่แสดงว่าไม่ใช่เป็นผักจริงนะ ยังมีความรับรู้ได้ และประเภทว่าเป็นผักมา 4 ปีไม่ตอบสนองอะไรเลย อย่างคุณยายของอาจารย์อมโร เป็นผักมา 4 ปี คุณยายก็อายุร้อยกว่าแล้วนะ อาจารย์อมโรเป็นเจ้าอาวาสวัดอมราวดี ปัจจุบันนี้ก็ 60 กว่าเข้าไปแล้ว
วันหนึ่งหมอบอกว่า คุณยายอาการไม่ดีนะจะต้องผ่า ลูกๆ ของคุณยายก็คือโยมแม่โยมน้าของอาจารย์อมโรปรึกษากันแล้ว บอกว่าอย่าเลย คุณแม่ก็อายุมากแล้ว ผ่าไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร คุยกันในห้องรอบเตียง ตกลงว่าไม่ผ่า พอตกลงว่าไม่ผ่านะ
คุณยายจู่ ๆ แกก็พูดขึ้นมาเลย Thank you ขอบคุณ แปลว่าอะไร? แปลว่าได้ยิน ได้ยินที่ลูกๆ คุยกัน แล้วก็ขอบคุณที่ไม่ไปยื้อด้วยการผ่า 4 ปีนี้คุณยายพูดแค่คำเดียวนะว่า Thank you นี่หมอว่าเป็นผักนะ แต่ที่จริงนี้มันแสดงว่ายังรับรู้ได้ ยังไม่ได้พูดถึงที่ว่าหัวใจหยุดเต้น
แล้วพอฟื้นขึ้นมาขึ้นมา เขาบอกว่าเขาเห็น เห็นคนรอบข้าง เห็นเขากำลังถูกปั๊ม เห็นพยาบาลถอดฟันปลอมเขาอยู่ เห็นได้อย่างไร? สลบอยู่ ตาปิดแต่ว่าจิตนี้มันยังรับรู้ได้
มีเรื่องแบบนี้เยอะนะ บางทีอาตมาก็เจอคนไข้ที่ไม่พูดไม่คุยกับหลานเลย แต่พอพระไปเยี่ยม สวดมนต์ให้ฟัง บางทีลืมตาเลยนะ แต่พอหลานมาลูกมาก็หลับต่อ
เพราะฉะนั้น เวลาเจอคนป่วยที่ติดเตียง ไม่รู้ตัว หมอบอกว่าเป็นโคม่า หรือ หมอบอกว่าเป็นผักนี้ อย่าไปคิดว่าเขาไม่รับรู้อะไร เขารับรู้อาจจะไม่ครบร้อยเปอร์เซ็นต์ หรือไม่ตลอดเวลา
แล้วถามว่าควรทำอย่างไรกับเขา?
ควรทำอย่างไรกับผู้ป่วยที่รู้ตัว ก็ทำอย่างนั้นแหละกับผู้ป่วยที่เป็นผัก โคม่า
มีบางรายนะเป็นผักนี้แล้วฟื้นขึ้นมา อัศจรรย์มาก แล้วเขาเล่าเลยนะว่า ตอนที่เขาเป็นผักนี้ แม่พูดอะไรกับเขา แม่ต่อว่าเขาอย่างไรบ้าง บอกคนบอกว่าทำไมแกไม่ตายสักทีนะ ฉันจะได้มีเวลาไปดูแลลูกคนอื่น พอฟื้นขึ้นมาก็ถามว่า แม่พูดอย่างนี้จริงไหมในหลายเดือนก่อนหน้าหน้านั้น แม่ร้องไห้เลย บอกว่าแม่พูดจริง แม่ขอโทษ
เพราะฉะนั้น ตราบใดที่ยังไม่หมดลม หรือจิตยังไม่ออกจากร่าง ยังรับรู้ได้นะ หมดลมแล้วจิตยังไม่ออกจากร่างนี้ยังรับรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะฉะนั้น มีโอกาสที่เราจะได้ทำดีๆ กับคนที่เรารัก ที่เขาป่วยหนักหรือกำลังจะจากไป.