พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 26 สิงหาคม 2567
ขงจื๊อ ชื่อนี้เราคงคุ้นเคยดี เพราะว่าเป็นชื่อของปราชญ์จีนคนสำคัญ เรียกว่าในยุคของขงจื๊อนี้ไม่มีใครที่ฉลาดเท่าขงจื๊อ จวบจนมาถึงทุกวันนี้ 2500 กว่าปี คนที่ฉลาดกว่าขงจื๊อก็มีน้อย
มีเรื่องเล่าว่า วันหนึ่งขงจื๊อเดินเข้าไปในตลาด ระหว่างทางก็มีเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังเล่นกันอยู่สนุกสนาน ผู้ใหญ่เห็นขงจื๊อเดินผ่านมาก็บอกให้เด็กหลีกทาง ปราชญ์คนสำคัญกำลังจะมาแล้ว หลีกทางให้ท่านหน่อย เด็กไม่ยอมหลีก เด็กบอกว่า ก็อยากจะรู้ว่านี่ฉลาดจริงหรือเปล่า
พอขงจื๊อเดินมาถึง เด็กก็ถามขงจื๊อว่า ดวงอาทิตย์นี้อยู่ใกล้โลกที่สุดตอนไหน เช้า? สาย? บ่าย? เย็น? ขงจื๊อบอก “ก็ตอนเช้ายังไงล่ะ” “ทำไมล่ะ !” เพราะตอนเช้า ดวงอาทิตย์จะกลมโต จะใหญ่กว่าช่วงเวลาอื่น ยกเว้นช่วงเวลาเย็น การที่เราเห็นดวงอาทิตย์กลมโตกว่าช่วงอื่นแสดงว่า ตอนนั้นแหละคือดวงอาทิตย์อยู่ใกล้โลกมากที่สุด
แถมยังจะเห็นชัดเลยว่าดวงอาทิตย์สีอะไร คือสีแดง สีแดงเพลิง เด็กบอกไม่ใช่ ใครว่าดวงอาทิตย์ใกล้โลกที่สุดคือตอนกลางวัน เพราะอะไร? ก็เพราะว่ากลางวันนี้มันร้อนมากเลย การที่กลางวันเรารู้สึกร้อนกว่าตอนเช้าก็เพราะว่า ดวงอาทิตย์มันใกล้โลกที่สุด
เหตุผลของเด็กนี้ก็น่าฟังนะ ที่จริงทั้งสองคนก็มีเหตุผลที่ดีนะ แต่ว่าคำตอบที่ได้นี้มันตรงข้ามกัน มันต้องมีใครสักคนที่ผิด และใครสักคนที่ถูก ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะมีเหตุผลที่ดีทั้งนั้น แต่เหตุผลของคนหนึ่งนี้คงจะไม่ถูก
แต่ในความจริงก็คือว่า ผิดทั้งสองคนกับเหตุผลที่ว่านี้ เพราะว่าไม่ว่าตอนเช้าหรือตอนบ่ายนี้ ดวงอาทิตย์ก็อยู่ห่างจากโลกพอๆ กัน แล้วทำไมตอนเช้าดวงอาทิตย์ถึงกลมโตกว่าตอนบ่าย ก็เพราะว่าดวงอาทิตย์ แสงอาทิตย์มันจะเฉียดผิวโลกได้นานกว่าถ้าเป็นตอนเช้า
พูดง่ายๆ ก็คือ ต้องผ่านชั้นบรรยากาศที่หนากว่าตอนกลางวัน เพราะฉะนั้น ก็จะเกิดการหักเหของแสง แสงเวลาหักเหนี้มันจะทำให้ภาพที่เราเห็นนี้มันเปลี่ยนไป อย่างเช่น เวลาเราดูปลาในน้ำ หรือดูหอย ดูหินในน้ำ มันจะใหญ่กว่าความจริงเพราะว่าแสงหักเห แม้แต่มือเราถ้าแช่ลงไปในน้ำ มันจะดูใหญ่กว่าความจริง ถ้าเรามองจากเหนือน้ำนะ อันนี้เพราะว่าแสงหักเห นี่คือข้อเท็จจริงที่ว่าทำไมดวงอาทิตย์นี้จึงกลมโตกว่าในเวลาเช้า
ไม่ใช่เพราะว่ามันอยู่ใกล้โลกมากกว่า แต่เพราะว่ามันมีการหักเหของแสงมากกว่า อ้าว แล้วสีแดงล่ะ สีแดงของดวงอาทิตย์ล่ะ ก็เพราะว่าพอผ่านชั้นบรรยากาศที่หนา มันก็ต้องเจอกับฝุ่นละออง อนุภาคต่างๆ แสงนี้มันเป็นคลื่น พอมันเจอกับอนุภาค มันก็จะเกิดสิ่งที่เรียกว่า การกระเจิง
แสงมี 7 สี สีที่กระเจิงน้อยที่สุดคือสีแดง ส่วนสีอื่นนี้กระเจิงกว่าเพราะว่าความยาวคลื่นมันสั้นกว่า ก็กระเจิงหมด เพราะฉะนั้นเมื่อมาถึงสายตาของเราก็จะเหลือแต่แสงสีแดง เพราะฉะนั้น ที่ดวงอาทิตย์สีแดงไม่ใช่เพราะว่ามันอยู่ใกล้โลกมากกว่าตอนบ่าย แต่เพราะว่ามันมีการกระเจิงของแสงมากกว่า สรุปก็คือ ดวงอาทิตย์นี้ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องของเวลาเช้าหรือบ่าย ซึ่งมันก็อยู่ห่างจากโลกพอๆ กัน
แต่เหตุผลของขงจื๊อก็ดี เหตุผลของเด็กก็ดี แม้จะดูดี แต่ว่าบทสรุปแล้วมันก็ผิดนะ อันนี้มันแปลว่าอะไร แปลว่าเหตุผลนี้แม้จะดูดี แต่ไม่สามารถจะพาเราไปถึงข้อเท็จจริงหรือความจริงได้เสมอไป
พูดง่ายๆ ก็คือ เหตุผลแม้จะดูดี แต่ว่ามันไม่สามารถจะบอกความจริงให้กับเราได้เสมอไป เหตุผลที่ดีแต่ว่าพาเราไปสู่ข้อสรุปที่ผิดก็ได้ เพราะว่าเหตุผลส่วนใหญ่ก็เป็นแค่ความเห็น ไม่ใช่ข้อเท็จจริง หรือแม้แต่จะเป็นข้อเท็จจริงก็เป็นข้อเท็จจริงบางแง่บางมุมเท่านั้น
เพราะฉะนั้น คนเราแม้จะรู้จักใช้เหตุผลแต่ก็ต้องระมัดระวังด้วยนะว่า เหตุผลที่เราใช้อธิบายหรือตีความเหตุการณ์ต่างๆ นี้อาจจะผิดก็ได้ อย่างเช่น ผู้หญิงคนหนึ่งตื่นมาเช้าก็ไปที่สำนักงาน เห็นเพื่อนสองคนกำลังซุบซิบกัน พอเพื่อนสองคนเห็นเธอเดินเข้ามาในห้อง ก็หยุดคุย แล้วก็แยกย้ายกันไป
ผู้หญิงที่เห็นเหตุการณ์นี้ก็สรุปว่า สงสัยเขานินทาเรา พอเขาเห็นเราเขาก็เลยเลิกคุย ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ นี่ก็เป็นเหตุผลนะ ก็ดูดีด้วย แต่ว่าอาจจะไม่ใช่สิ่งที่พาเราหรือพาผู้หญิงคนนั้นเข้าไปสู่ความจริง คือไม่สามารถจะบอกความจริงกับผู้หญิงคนนั้นได้
เพราะว่าสองคนที่เขาซุบซิบกัน เขาอาจจะซุบซิบกันถึงคนอื่น ถึงเพื่อนร่วมงานคนอื่น หรือถึงเจ้านายคนอื่น แต่กลัวคนที่มาใหม่จะได้ยิน เดี๋ยวได้ยินแล้วอาจจะไปพูดต่อ ให้คนที่ถูกนินทาได้ยิน ก็จะเกิดความไม่พอใจ หรือไปพูดต่อจนกระทั่งเข้าหูเจ้านาย เจ้านายก็จะโกรธ สองคนนั้นก็เลยเลิกคุย เหตุผลนี้แม้มันจะดูดีนะ แต่ว่าเราก็ต้องรู้ว่ามันมีข้อจำกัดนะ ไม่สามารถบอกความจริงให้กับเราได้อย่างครบถ้วน บางทีก็พาเราเข้ารกเข้าพงก็ได้
เหมือนกับคนหนุ่มสาวจำนวนไม่น้อย ตอนนี้เขาบอกว่า เขามีความเชื่อว่าพ่อแม่ไม่ได้มีบุญคุณกับเรา ที่เขาเลี้ยงดูเราเขาทำไปตามหน้าที่ หรือที่เขาให้กำเนิดเราเป็นเพราะความบังเอิญ ไม่ได้ตั้งใจ นี่ก็ใช้เหตุผลอธิบาย แต่ว่าเป็นเหตุผลที่พาไปสู่ความคิดหรือข้อสรุปที่เรียกว่า เข้ารกเข้าพง
หรือบางคนก็บอกว่าทำดีไม่ได้ดีหรอก ทำดีไม่ได้ดีมีถมไป คนที่พูดแบบนี้เขาก็มีเหตุผลนะ แต่เหตุผลของเขานี้มันยังคับแคบ มันยังไม่รอบด้าน มันยังไม่ถี่ถ้วน เพราะฉะนั้น คนเรานี้มีเหตุมีผลนี้ดีอย่างน้อยก็ดีกว่าใช้ความรู้สึกหรือใช้อารมณ์ แต่ว่าต้องระวังอย่าไปหลงเชื่อเหตุผลของตัวเองมากเกินไป เพราะจะทำให้ติดกับดักที่เหตุผลมันสร้างขึ้นมา
คนที่เชื่อเหตุผลหรือคนที่มีเหตุมีผลนี้ ถ้าหากว่ามีเหตุผลมากเกินไปและก็ไม่ระวังนี้ มันจะติดยึดในเหตุผล แล้วก็กลายเป็นติดกับดักที่เหตุผลมันสร้างขึ้นมา และบางทีมันไม่ใช่เป็นเหตุผลของคนมีปัญญานะ แต่เป็นเหตุผลของกิเลส เพราะกิเลสมันก็มีเหตุผล คนที่ติดเหล้าติดยา ติดการพนันก็ล้วนมีเหตุผล แต่เป็นเหตุผลของผีสุรา ผียาเสพติด ผีการพนัน พอไปหลงเชื่อมัน มันก็พาเข้ารกเข้าพงไปเลย
ฉะนั้น คนเราแม้จะมีเหตุผล ฉลาดในการใช้เหตุผล ก็ต้องรู้ข้อจำกัดของเหตุผล อย่าไปหลงเชื่อมันเสมอไป อย่าไปคิดว่ามันจะพาเราให้เข้าใจความจริง หรืออธิบายความจริงได้อย่างถูกต้อง หรือว่าพาเราไปสู่สิ่งที่ดีงามได้
เราจึงต้องรู้จักทักท้วงมันบ้าง อย่าไปหลงเชื่อ คนฉลาดนี้เป็นเพราะเขามีเหตุมีผล แต่ถ้าเขายึดติดเหตุผลมากไป เขาก็จะตกเป็นทาสของกิเลส ซึ่งรู้จักใช้เหตุผลมาล่อหลอกให้เขาทำชั่ว หรือทำให้หลงไปกับอคติของตัว
ที่ครอบครัวทะเลาะกันเรื่องการเมือง ก็เพราะต่างคนต่างเชื่อในเหตุผลของตัว เหตุผลของแต่ละคนก็ดีทั้งนั้นแหละ แต่ว่ามันก็อาจจะไม่ครบถ้วน อาจจะพาเราไปสู่ข้อสรุปที่ผิดทั้งคู่ก็ได้ เหมือนกับที่ขงจื๊อกับเด็ก เหตุผลของทั้งสองคนนี้ดูดีทั้งนั้นเลย แต่มันผิดทั้งคู่เลย เพราะว่าจริงๆ แล้วดวงอาทิตย์นี้ ไม่ว่าเช้า หรือบ่าย หรือเย็น ก็อยู่ห่างจากโลกเท่าๆ กัน.