พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้า วันที่ 13 สิงหาคม 2567
มหกรรมโอลิมปิกได้จบลงไปแล้วอย่างราบรื่น อย่างน้อย ๆ ก็ไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรง เช่น การก่อการร้ายซึ่งหลายคนกลัว หลายคน หลายประเทศก็ชื่นมื่นกับผลการแข่งขัน บางประเทศไม่เคยได้เหรียญทองเลยคราวนี้ก็ได้ บางประเทศเคยได้น้อยแต่คราวนี้ได้มาก
ที่จริงคุณค่าของมหกรรมโอลิมปิกไม่ได้อยู่เพียงแค่ว่าแสดงถึงสมรรถนะความสามารถทางกายของมนุษย์ที่น่าทึ่งเท่านั้น นั่นอาจจะยังไม่สำคัญเท่ากับว่าเป็นโอกาสที่จะแสดงให้เห็นถึงคุณภาพจิตของผู้คน โดยเฉพาะนักกีฬา ไม่ว่าจะเป็นความมีน้ำใจ ความเสียสละ ความอดทน หรือว่าความเด็ดเดี่ยวใจสู้
คุณภาพของใจสามารถจะแสดงออกท่ามกลางสายตาของผู้คนได้จากมหกรรมแบบนี้ ซึ่งไม่ควรที่จะถูกมองข้าม ไม่ใช่ไปสนใจแต่ว่านักกีฬาชาตินั้นชาตินี้ คนนั้นคนนี้ เขามีความสามารถทางกายที่น่าทึ่ง ไม่ว่าการวิ่ง การว่ายน้ำ อันนั้นก็สำคัญอยู่ แต่ว่าคุณภาพจิต โดยเฉพาะเรื่องของความมีน้ำใจนักกีฬา ความเสียสละ ไม่ใช่แค่ความอดทนอย่างเดียว และคุณค่าของกีฬาทุกชนิดอยู่ที่ตรงนี้ ซึ่งทำให้กีฬาในบางนัดเป็นที่จดจํา
ที่มีคนพูดถึงกันมากก็คือการแข่งขันมาราธอน ไม่ใช่โอลิมปิก แต่ว่าเป็นมาราธอนระดับโลก เมื่อ 11 ปีที่แล้ว มีเหตุการณ์ที่น่าประทับใจและน่าทึ่งคือ ตอนที่การแข่งขันใกล้จะยุติ นักวิ่งชาวเคนย่าคนหนึ่ง ชื่อ อาเบล มูไต (Abel Mutai)วิ่งนําหน้าเลย เกือบถึงเส้นชัยแล้ว อีกไม่กี่สิบเมตรเท่านั้น ปรากฏว่าจู่ ๆ ก็หยุด เพราะว่าเห็นป้ายบอกหรือป้ายสัญญานแล้วไม่เข้าใจว่าหมายความว่าอะไร หยุดเฉยเลย
ปรากฏว่ามีนักวิ่งชาวสเปน อีวาน เฟร์นันเดซ (Ivan Fernandez) แทนที่จะวิ่งแซงเพราะว่าอาเบล มูไตหยุดแล้ว กลับบอกตะโกนว่า วิ่งต่อไป วิ่งไปข้างหน้าเลย แต่มูไตฟังภาษาสเปนไม่ออก ทำหน้างง เฟร์นันเดซยังไม่ลดละความพยายามดุนหลัง มูไตให้วิ่งต่อไป ปรากฏว่ามูไตได้ถึงเส้นชัยเป็นที่หนึ่ง ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นท่ามกลางสายตาผู้คนเป็นล้าน คนสงสัยว่าทำไมเฟร์นันเดซไม่ฉวยโอกาสวิ่งแซงมูไตไปเลย
เพราะฉะนั้น พอมีการสัมภาษณ์หลังจากการแข่งขันยุติ นักข่าวถามเลย “ทำไมคุณทำแบบนั้น” เฟร์นันเดซบอกว่า “ผมมีความฝันว่าสักวันหนึ่งผมจะได้มีชีวิตอยู่ในสังคมที่ผู้คนช่วยเหลือกัน ผลักดันกัน เพื่อให้ประสบชัยชนะ”
เขาตอบดี แต่ว่านักข่าวยังไม่พอใจยังถามอีกว่า “ทำไมคุณปล่อยให้นักวิ่งชาวเคนยาชนะ” เฟร์นันเดซบอกว่า “ผมไม่ได้ปล่อย ผมไม่ได้ยอมให้เขาชนะ เขาจะชนะอยู่แล้ว” และมีอีกคนถามว่า “แต่คุณก็ชนะได้นะ” ถามแบบนี้เฟร์นันเดซ ตอบว่าอย่างไร เขาตอบว่า “ถ้าผมชนะ ชัยชนะแบบนี้จะมีคุณค่าอะไร เหรียญรางวัลที่ได้จากการชนะแบบนี้จะมีเกียรติอะไร และแม่ผมจะมองเรื่องแบบนี้อย่างไร”
คือเขารู้สึกว่ามันเป็นชัยชนะที่ไม่มีคุณค่าถ้าหากเขาว่าเขาฉวยโอกาส ในเมื่อนักวิ่งเคนยาหยุดชะงักเพราะว่าไม่รู้ว่าจะไปต่อดีหรือว่าอย่างไร ถ้า เฟร์นันเดซฉวยโอกาสเอาชนะ วิ่งถึงเส้นชัย ก็เป็นชัยชนะที่ไม่มีคุณค่า เพราะว่าแสดงถึงความเห็นแก่ตัว
แต่สิ่งที่เขาต้องการคือ เมื่อแข่งกีฬา อย่าคิดถึงแต่ชัยชนะ อย่าคิดถึงแต่เหรียญอย่างเดียว ต้องคิดถึงความยุติธรรม คิดถึงคุณธรรม อย่าให้ความอยากได้เหรียญหรือชัยชนะมาบดบังคุณธรรม ความมีน้ำใจ หรือว่าความรู้สึกแฟร์
เคยมีโอลิมปิกเมื่อปี 2531 หรือ 36 ปีที่แล้ว แข่งขันเรือใบ เต็งหนึ่งคือนักกีฬาชาวแคนาดา แต่ปรากฏว่าระหว่างที่แข่งเรือใบ นักกีฬาคนนี้ชื่อ Larry lemix เหลือบไปมองเห็นเรือของสิงคโปร์ล่ม และนักกีฬาสิงคโปร์ก็ลอยคออยู่ในทะเล และถูกน้ำถูกคลื่นซัดไปไกลเรื่อย ๆ เขาเห็นว่าไม่ได้การ ทำอย่างไร จะไปต่อหรือไปช่วย
เขาตัดสินใจไปช่วย พายเรือออกนอกเส้นทาง ไปช่วยนักกีฬาสิงคโปร์ แล้วจึงไปต่อ ปรากฎว่าได้ที่ 11 แต่เขาไม่เสียใจเลย เพราะว่ากีฬาไม่ใช่เครื่องวัดสมรรถนะทางกายอย่างเดียว มันเป็นเครื่องวัดคุณธรรมด้วย
คราวนี้ก็เหมือนกัน โอลิมปิกคราวนี้มีการแข่งขันมาราธอนวันสุดท้าย เหตุการณ์ที่คนทึ่งมากคือว่า มีนักวิ่งชาวภูฏานผู้หญิง วิ่งมาเป็นอันดับสุดท้าย แต่ที่คนเขายกย่องนับถือมากเพราะว่า ทั้ง ๆ ที่เธอรู้ว่าแพ้แล้ว ไปไม่ถึงเส้นชัยแล้ว แต่เธอยังวิ่งต่อ
นักกีฬาหลายคนพอรู้ว่าไม่ถึงเส้นชัยคนแรก ไม่ได้รางวัลแล้ว ไม่ได้เหรียญแล้ว เลิกเลย หยุดวิ่งแล้ว เพราะมันเหนื่อยมาก วิ่งมาราธอน 42 กิโล ในเมื่อวิ่งแล้วไม่ได้ชัยชนะ ไม่ได้เหรียญ จะวิ่งต่อทำไม
แต่ว่านักกีฬาคนที่พูดถึงนี้ชื่อกินซัง ทั้งที่รู้ว่าไม่ได้เหรียญอะไรแล้วแต่ยังวิ่งต่อ กว่าจะถึงเส้นชัยก็หลังจากอันดับ 1 ถึงชั่วโมงกว่า แต่คนชื่นชมมากว่าเธอมีน้ำใจนักกีฬา เพราะว่าอย่างน้อยแม้จะไม่ได้เหรียญ แต่ว่าสิ่งที่เธอแสดงคือว่า ทำเต็มที่ ทำให้ดีที่สุด
เวลานี้ใคร ๆ ก็พูดว่า ฉันจะทำให้ดีที่สุด แต่ทำให้ดีที่สุดนี่หมายความว่าอย่างไร ทำให้ดีที่สุดในความหมายที่กินซังแสดงคือว่า ไม่ว่าจะได้เหรียญหรือไม่ ฉันจะต้องวิ่งให้ถึงเส้นชัย หรือทำให้สำเร็จ
คนเราถ้าหากว่าไม่เอารางวัลเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตหรือเป็นสิ่งสำคัญในเกมกีฬา แต่ให้ความสำคัญกับสิ่งอื่นมากกว่า เช่น คุณธรรม หรือการทำเต็มที่ให้ดีที่สุด อันนี้จะช่วยบํารุงน้ำใจคน เพราะเดี๋ยวนี้คนไปให้คุณค่ากับรางวัล คุณค่ากับเหรียญมาก จนมองข้ามสิ่งอื่นที่มีความสำคัญกว่า เช่น คุณธรรม ความซื่อสัตย์ หรือว่าการทำหน้าที่ให้ครบถ้วนสมบูรณ์
แต่ว่านักกีฬาอย่างกินซังเห็นว่า สิ่งสำคัญที่สุดของกีฬา อย่างน้อยมาราธอน ไม่ใช่เหรียญ ไม่ใช่ที่หนึ่ง ไม่ใช่ที่สอง แต่คือการทำให้สำเร็จ ทำให้ถึง วิ่งให้ถึงที่หมาย ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม
ผู้คนเดี๋ยวนี้พอรู้ว่าทำอะไรไม่ได้รางวัล ไม่ได้คําชื่นชม ก็ไม่ทำแล้ว หรือทำแล้วแพ้ก็ไม่ทำ ทั้งที่อาจจะเป็นความถูกต้องก็ได้ อันนี้เป็นค่านิยมที่แพร่ระบาดจากกีฬาไปสู่การใช้ชีวิต พ่อแม่ก็สอนลูกว่า ถ้าไม่ได้ที่หนึ่งก็เสียเกียรติ ลูกไม่ได้ที่หนึ่งหรือแพ้กลับมาก็ด่าลูกว่าทำไมถึงแพ้เขา ไม่ได้ดูว่าลูกเขาทำเต็มที่แล้ว ทำดีที่สุดแล้ว
ฉะนั้นถ้าคนเราให้คุณค่ากับสิ่งนี้มากกว่าชื่อเสียง เหรียญทอง หรือว่าความร่ำรวย ชีวิตของคนเราก็จะเป็นไปในทางที่งอกงาม และสังคมเราก็จะน่าอยู่มากขึ้น ไม่ใช่คิดแต่จะเอาเปรียบกันเพื่อที่จะได้รางวัล เพื่อที่จะได้ร่ำรวย เพื่อจะได้มีชื่อเสียง จนลืมคุณธรรมหรือว่าสิ่งสำคัญเรื่องอื่น.