พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 10 สิงหาคม 2567
ที่ประเทศแอฟริกาใต้มีชายหาดแห่งหนึ่งซึ่งมีแมวน้ำมาอยู่เป็นฝูง มาอยู่ใกล้ๆทะเล สงสัยว่ามาตากแดด เพราะอากาศมันหนาว แต่มีลูกแมวน้ำตัวหนึ่งอายุคงจะไม่ถึงเดือน น่ารักมาก แตกฝูงมายืนอยู่ตรงใกล้ๆทางเดินที่คนเดินเข้าเดินออก คนที่ไปเที่ยวทะเลก็เดินผ่านไปผ่านมา อาจจะมีการทักทายลูกแมวน้ำตัวนี้บ้าง แต่ทักทายเสร็จก็เดินไปที่ชายหาด
ลูกแมวน้ำตัวนี้ก็นั่งเฝ้ามองผู้คนที่เดินผ่านเขาไป สีหน้าเศร้าและดูเหมือนจะมีน้ำตาด้วย แต่คนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมายแค่เดินทักทายเล็กน้อยแล้วก็เดินไปที่ชายหาด บางช่วงลูกแมวน้ำก็มองไปที่ฝูงแมวน้ำแล้วก็หันกลับมามองคน แต่คนก็ไม่ได้ทำอะไรที่จะช่วยทำให้ลูกแมวน้ำตัวนี้หายเศร้าได้เลย
จนกระทั่งมีชายหนุ่มคนหนึ่งสังเกตเห็นสีหน้าที่เศร้าแววตาที่เศร้าของลูกแมวน้ำตัวนี้ ก็เลยเอะใจว่าคงจะมีอะไรผิดปกติ เพราะลำพังการที่ลูกแมวน้ำแตกฝูงก็เป็นเรื่องที่แปลกอยู่แล้ว ปกติลูกแมวน้ำจะต้องอยู่กับแม่และแม่ก็อยู่แต่ในฝูง ทำไมจึงแยกออกมาห่างจากฝูงไกลเช่นนี้ จึงเดินไปที่ฝูงแมวน้ำ
ลูกแมวน้ำพอเห็นคนเดินไปทางนั้นก็รีบวิ่งนำ ต้วมเตี้ยมๆ นำชายคนนี้ไป ชายคนนี้พอเดินใกล้ถึงฝูงแมวน้ำ ฝูงแมวน้ำก็แตกตื่นเพราะระแวงคน ถึงแม้ว่าชายหาดนั้นจะมีคนมากแต่มันก็เลือกที่จะอยู่ห่างๆคน แต่พอมีชายคนนี้เดินไปที่ฝูงแมวน้ำ ทุกตัวก็แตกตื่นหนีลงทะเลไปเลย
แต่มีตัวหนึ่งหนีช้ากว่าฝูง ที่หนีช้ากว่าเพราะอะไร เพราะมีอวนคลุมอยู่ มันจึงวิ่งได้ช้ามากแถมกลัวลนลาน ชายหนุ่มคนนั้นก็รีบวิ่งเพราะรู้ว่าแมวน้ำตัวนี้เดือดร้อนแน่เพราะมีอวนมัดเอาไว้ทั้งตัว แล้วจึงรู้ได้ว่าที่ลูกแมวน้ำมายืนเฝ้ามองคนก็เพื่อขอความช่วยเหลือ ช่วยเหลืออะไร ช่วยเหลือแม่ของมันที่ถูกอวนมัดอยู่
ชายคนนั้นก็รีบวิ่งไปจับแม่แมวน้ำตัวที่มีอวน เพราะไม่เช่นนั้นมันจะวิ่งลงทะเลแน่ๆ และถ้ามันวิ่งลงทะเลมันตายแน่ๆ พอจับมันเอาไว้ได้แล้วก็หาทางช่วยด้วยการตัดอวนออก แม่แมวน้ำก็ดิ้นเพราะตกใจ แต่ตอนหลังรู้ว่าคนมาช่วยก็เลยสงบ คนก็ค่อยๆตัดอวนทีละเส้นๆ จนกระทั่งอวนหลุดออกจากร่างของแมวน้ำ
ตอนนี้พอเป็นอิสระแล้วมันก็ดีใจรีบวิ่งลงน้ำไป ลูกแมวน้ำที่ยืนอยู่ใกล้ๆก็วิ่งตามแม่ลงทะเลไป พอดีมีคนถ่ายคลิปเอาไว้ทำให้เห็นเลยว่าลูกแมวน้ำตัวนี้มีความรักความผูกพันกับแม่มาก เรียกว่ามีความกตัญญู ความกตัญญูนั้นไม่ได้เป็นคุณสมบัติของมนุษย์เท่านั้น สัตว์นานาชนิดก็มี
อย่างที่เคยเล่าให้ฟังมากมาย ไม่ว่าจะเป็นหมาป่า ปลาวาฬ โลมา หมูหรือสัตว์เช่น ช้างพวกนี้มีวีรกรรมมากมายอันเป็นวีรกรรมที่เป็นไปเพื่อช่วยบ้างแม่บ้าง ช่วยเพื่อนบ้าง แสดงถึงความมีน้ำใจ แสดงถึงความรักความผูกพันที่มีอยู่ในจิตใจของสัตว์เหล่านี้ รวมทั้งลูกแมวน้ำตัวนี้ด้วย
แต่ไม่ใช่แค่นั้น นอกจากน้ำใจ ความผูกพัน ความกตัญญู ความรักแล้ว อีกอย่างที่สำคัญคือความกล้า ลูกแมวน้ำอยากช่วยแม่ ร้อนใจที่แม่ประสบอันตรายแต่ถ้าไม่มีความกล้าก็คงไม่มายืนอยู่ตรงที่ใกล้ๆคน เพราะธรรมชาติของสัตว์เหล่านี้เป็นสัตว์ป่า เป็นสัตว์ที่ตามธรรมชาติจะกลัวคนอยู่แล้ว แต่ลูกแมวน้ำตัวนี้ก็เรียกว่าใช้ความกล้าเอาชนะความกลัว เพื่ออะไร เพื่อช่วยแม่
สัตว์ชนิดอื่นๆที่พูดมาทั้งหมดก็เหมือนกัน ไม่ใช่เป็นสัตว์ที่คนเลี้ยงแต่เป็นสัตว์ที่เกิดในธรรมชาติ โตในธรรมชาติ ไม่ว่าปลาวาฬ ไม่ว่าจะเป็นช้าง ไม่ว่าจะเป็นหมูป่าหรือกวาง ล้วนกลัวคนทั้งนั้น แต่ว่าต้องการช่วยเพื่อน ต้องการช่วยแม่ ต้องการช่วยลูก จึงกล้าที่จะมาขอความช่วยเหลือจากคนโดยไม่รู้ว่าเจออันตรายจากคนหรือเปล่า
ที่จริงคนช่วยคนก็เหมือนกัน คนเราเวลาเห็นใครเดือดร้อนอยากจะช่วย นอกจากความมีน้ำใจ ความเมตตาแล้ว อย่างหนึ่งที่สำคัญมากคือความกล้า โดยเฉพาะในยุคนี้ เพราะว่าเดี๋ยวนี้มีการหลอกกันมาก บางคนเวลาจะช่วยใคร เช่น ต้องการจะช่วยคนที่ประสบอุบัติเหตุหรือคนที่ล้มบนถนน อยากจะช่วย มีเมตตาแต่ไม่กล้า เพราะอะไร เพราะกลัวถูกหลอก คนที่แกล้งทำเป็นเหยื่ออาจจะมาหลอก
การจะลงมือช่วยได้นั้นต้องอาศัยความกล้า ความกล้าในที่นี้คือเอาชนะความกลัว กลัวอะไร กลัวถูกหลอก แต่บางทีไม่ได้กลัวถูกหลอก แต่กลัวถูกล้อ ใครล้อ คนที่อยู่ในเหตุการณ์ บางทีกลัวเพื่อนล้อหรือกลัวคนเขม่นหาว่าอยากดัง
บางคนจะช่วยใครก็อาย หลายคนเวลาเห็นผู้หญิงท้องหรือคนแก่ยืนอยู่บนรถไฟฟ้าหรือรถเมล์อยากจะลุกให้ที่นั่งแก่คนเหล่านั้น แต่ไม่กล้า กลัวเพื่อนล้อ กลัวเพื่อนแซว หรือกลัวไม่เหมือนคนอื่น เดี๋ยวนี้เป็นแบบนี้กันมาก
แต่เวลาให้ทำชั่วกลับกล้ากันมากโดยเฉพาะวัยรุ่น เวลาจะให้ยกพวกตีกันหรือไปแซวไปโทรมผู้หญิงกลับกล้า แต่เวลาจะให้ช่วยคนที่เดือดร้อนกลับกลัว เรียกว่ากล้าทำชั่วกลัวทำดี เรื่องนี้เป็นกันเยอะ
สมัยนี้เวลาใครทำดีก็จะถูกล้อ ถูกเพื่อนล้อหรือบางทีถูกเขม่น เช่น เป็นตำรวจ เป็นข้าราชการอยากจะรักษาความซื่อสัตย์สุจริต ไม่รีดไม่ไถ ต้องอาศัยความกล้า เพราะว่าทำตัวไม่เหมือนหลายคนที่อยู่แวดล้อม คนเหล่านั้นเขาจะดูถูก เขาจะล้อ เขาจะหาทางพูดหรือเขม่น หาว่าอยากดังบ้าง ทำตัวแปลกแยกจากคนอื่น
ทั้งหมดนี้ต้องอาศัยความกล้า เพราะถ้าไม่มีความกล้าก็จะเกิดความกลัว กลัวไม่เหมือนคนอื่น กลัวแปลกแยก กลัวถูกล้อ สมัยนี้การทำความดีนั้นต้องนอกจากจะมีคุณธรรมแล้วต้องมีความกล้าด้วย และถ้าจะให้ดีต้องใช้คติ “Noสน Noแคร์” เดี๋ยวนี้วัยรุ่นเค้ามีสโลแกนว่า “Noสน Noแคร์”
“Noสน Noแคร์” ในที่นี้หมายความว่าอย่าไปสนใจใคร ใครเขาเดือดร้อนอย่าไปสนใจ ตรงนี้ต้องเปลี่ยนใหม่คือ ถ้าจะช่วยใครก็ช่วยเลยถ้าแน่ใจว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แน่ใจว่าเหยื่อไม่ใช่คนที่มาหลอกลวงเราแต่เขาต้องการความช่วยเหลือจริงๆ เขาเดือดร้อนจริงๆ ก็เข้าไปช่วยเลย โดยที่ดูอะไรให้รอบคอบเสียก่อน
เช่น จะลงไปช่วยคนที่เขาเดือดร้อนเพราะถูกรถชน ก็ต้องดูว่าก่อนจะลงจากรถว่าปลอดภัยไหม มีรถสวนหรือเปล่า นี่ก็เป็นเรื่องหนึ่ง อีกเรื่องหนึ่งก็คือว่าอย่าไปสนคำพูดของคนอื่น “Noสน Noแคร์” ในที่นี้ก็หมายความว่าใครเขาจะพูดล้อ พูดอย่างไรอย่าไปสน “Noสน Noแคร์” แบบนี้ดีกว่า
ดีกว่าประเภท “Noสน Noแคร์” ที่ใครเดือดร้อนไม่ช่วย แต่ที่ดีก็คือว่าใครเดือดร้อนก็ช่วยไม่ว่าใครเค้าจะพูดอย่างไร ใครเขาจะเขม่นอย่างไร ใครเขาจะล้ออย่างไรก็อย่าไปสนอย่าไปแคร์ ต้องใช้ “Noสน Noแคร์” แบบนี้จึงจะทำให้ชีวิตเราเจริญงอกงามมีความเป็นมนุษย์ที่ได้รับการบำรุงรักษา มีคุณธรรมที่จะช่วยทำให้ชีวิตของเรามีความสุขได้ง่าย.