พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 6 สิงหาคม 2567
เมื่อคืนวานถนนหนทางในกรุงเทพฯ รวมทั้งเมืองใหญ่ ๆ คงจะโล่ง เพราะว่าผู้คนจำนวนมากอยู่บ้านกัน ไม่ได้ไปไหน อยู่บ้านเพราะอะไร เพราะว่าจับจ้องมองดูโทรทัศน์หรือว่าโทรศัพท์มือถือ เพราะมีการแข่งขันโอลิมปิกรอบชิงชนะเลิศแบดมินตัน คนไทยเราก็ลุ้นเพราะว่าคู่ชิงคนหนึ่งก็คือคนไทย วิว กุลวุฒิ เชียร์อยากให้ชนะ จะได้เหรียญทอง แต่หลายคนก็รู้สึกผิดหวังเพราะว่าวิวแพ้ได้เหรียญเงิน
แต่ว่าในความพ่ายแพ้นี่มันก็มีอะไรดี ๆ หลายอย่างเกิดขึ้น ที่จริงการที่ไทยได้เหรียญเงินนี่ก็ถือว่าเป็นสิ่งดี ๆ อย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการแข่งขันเมื่อวาน เพราะว่าก่อนที่จะมีการแข่งขันโอลิมปิก น้อยคนจะคิดว่าไทยจะได้เหรียญจากแบดมินตัน โดยเฉพาะแบดมินตันชาย เราไม่เคยได้เหรียญมาเลย หลายคนที่สนใจก็คงคิดว่าแค่ได้เหรียญทองแดงนี่ก็ถือว่ายอดแล้ว แต่นี่เราได้เหรียญเงิน เพราะฉะนั้นมันก็เป็นสิ่งที่ดีเกินกว่าที่คาดคิด
แต่ถ้ามองไม่เป็นก็เสียใจ แหมไม่ได้เหรียญทอง ทั้งที่ก่อนหน้านั้นแค่ได้เหรียญทองแดงก็ดีใจแล้ว พอได้เหรียญเงินกลับไม่ดีใจ กลับไม่คิดว่าเป็นสิ่งที่ดี
แต่ว่าที่ดีกว่านั้นก็คือความเห็นหรือว่าบทเรียนจากเกมเมื่อวาน ที่น่าประทับใจก็คือคำแนะนำของโค้ช โค้ชไทยชื่อโค้ชเป้ แกบอกวิวตอนที่พักครึ่งว่า เอ็งแพ้ชนะไม่เป็นไร ให้เอ็งเอาความรู้ วิธีคิด วิธีเล่นของเขาไปใช้ เขานี่สุดยอดแล้ว เขานี่คือนักกีฬาเดนมาร์ก เขาสุดยอด เราเอาความรู้จากเขาไปใช้
นี่มันเป็นคำแนะนำที่ดีมาก คือคนเราจะแพ้ชนะไม่สำคัญ หรือแม้แต่จะแพ้ก็ตาม แต่เราสามารถจะเรียนรู้อะไรได้มากมายจากความพ่ายแพ้ แพ้ชนะเป็นของชั่วคราว แต่ถ้าเรารู้จักหาบทเรียนหรือความรู้จากเกมกีฬาแม้กระทั่งเมื่อพ่ายแพ้นี่มันจะมีประโยชน์ยั่งยืน เพราะว่าเอาไปใช้กับชีวิตได้ ไม่ใช่เอาไปใช้กับการแข่งขันเท่านั้น
ฉะนั้นการเรียนรู้จากความพ่ายแพ้ในแง่หนึ่งก็หมายความว่า ให้เรารู้จักเรียนรู้จากความล้มเหลวด้วย
ในชีวิตเรานี่ เราจะต้องเจอกับความล้มเหลวอีกมากมาย แต่ว่าความล้มเหลวจะกลายเป็นของดี เป็นครู ถ้าเรารู้จักเก็บเกี่ยวบทเรียนเอามาใช้ ไม่ใช่เพื่อประสบความสำเร็จเท่านั้น แต่ว่าเอามาใช้เพื่อแก้ทุกข์ด้วย เพราะจริง ๆ ความทุกข์แม้คนส่วนใหญ่ไม่ชอบ แต่ว่ามันก็มีอะไรดี ๆ ให้เราเรียนรู้ได้มากมาย เราสามารถเรียนรู้จากความทุกข์ได้มากกว่าความสุข เราสามารถจะเรียนรู้จากความล้มเหลวได้มากกว่าความสำเร็จ เราสามารถจะเรียนรู้จากความพ่ายแพ้ได้มากกว่าชัยชนะ
เอาง่าย ๆ ที่เราเดินเป็นตั้งแต่ยังเป็นทารกก็เพราะเราล้มบ่อย และเราตอนที่เป็นทารกเรียนรู้ว่าจะทรงตัวอย่างไรถึงจะไม่ล้ม หรือว่าจะทำตัวอย่างไรเป็นเหตุให้ล้มได้
ถ้าเราไม่ล้มบ่อยเราก็ยืนไม่เป็น เดินไม่เป็น แล้วก็วิ่งไม่เป็น เพราะฉะนั้นทัศนคติที่ว่าเราสามารถจะเรียนรู้ได้มากมายจากประสบการณ์ชีวิต ไม่ว่าแพ้ชนะ ไม่ว่าสำเร็จหรือล้มเหลว อันนี้เป็นวิชาชีวิตที่สำคัญมาก
แล้วเราก็ได้เรียนรู้ถ้าเรารู้จักมองว่านี่คือสิ่งดี ๆ อย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการแข่งขันเมื่อวาน ถึงแม้ว่าผลลัพธ์จะลงเอยด้วยการพ่ายแพ้ของวิว แต่เชื่อว่าเขาจะได้บทเรียนที่สำคัญ และไม่ใช่เขาอย่างเดียว คนไทยด้วย แล้วบทเรียนนี้มันเป็นสากล จะเป็นไทย จะเป็นพม่า จะเป็นลาว เขมร ฝรั่ง บทเรียนนี้ก็ยังมีความสำคัญ
บทเรียนอีกอย่างหนึ่งที่น่าสนใจแล้วก็สำคัญมากก็คือ บทเรียนที่วิวเขาได้รับเอง ได้รับด้วยตัวเอง เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าใจเรานิ่ง เราก็มีโอกาสได้เปรียบคู่ต่อสู้ แต่ถ้าใจเราเกิดวอกแวก คิดถึงผลลัพธ์มากเกินไป รูปเกมก็อาจจะเปลี่ยน อาจจะเสียแต้มติด ๆ กันเลย
แล้วคนก็ถามว่าเวลาเสียแต้มติด ๆ กัน ทำไมถึงใจไม่นิ่ง วิวก็ตอบว่าเป็นเพราะว่าตอนนั้นไปคิดถึงผลลัพธ์มากเกินไป ทั้งที่ตอนนั้นอาจจะนำอยู่ แต่พอคิดถึงชัยชนะ อยากจะได้คว้าชัยชนะก็เลยเร่ง หรือกดดันตัวเอง รูปเกมมันก็เลยเปลี่ยน ก็กลายเป็นเปิดช่องให้คู่ต่อสู้เขาเอาชนะได้
เขาบอกว่า บทเรียนที่ได้ก็คือว่า อย่าคิดถึงอนาคตมากเกินไป พยายามอยู่กับปัจจุบัน เขาบอกว่าอนาคตก็หมายถึงว่าผลลัพธ์ เพราะถ้าคนเราไปคิดถึงผลลัพธ์มากเกินไป มันจะเครียด มันจะเกร็ง แต่ถ้าอยู่กับปัจจุบันความเครียดก็จะน้อยลง
บทเรียนอีกอย่างหนึ่งที่เขาได้รับหรือที่จริงก็เป็นสิ่งที่เขาเรียนรู้จากความพ่ายแพ้ก่อนหน้านี้ก็คือว่า เวลาเล่นให้คิดทีละรอบ อย่าเพิ่งจินตนาการถึงรอบต่อไปว่าจะเจอใคร คือไม่ต้องคิดข้ามช็อตนั่นเอง
คนเรานี่ถ้าทำอะไรแลีวคิดข้ามช็อต เช่น ไปคิดถึงความสำเร็จ ความล้มเหลว ทั้ง ๆ ที่กำลังแข่งอยู่ อันนี้มันคือหนทางแห่งความพ่ายแพ้ เพราะทำให้ใจไม่นิ่ง ทำให้ใจวอกแวก และกีฬานี่สิ่งสำคัญนั้นก็คือการที่ใจนิ่ง ไม่ใช่อยู่ที่สมรรถนะทางร่างกาย ที่จริงการอยู่กับปัจจุบันไม่คิดถึงอนาคตมากเกินไปมันก็เป็นบทเรียนสำหรับการทำสิ่งสำคัญ สิ่งที่ยาก ทุกอย่างเลย
นักปีนเขาที่มีชื่อเสียงหลายคนที่พิชิตเอเวอเรสต์ได้ เขาบอกเคล็ดลับในการปีนเขาก็คือว่า อย่าไปสนใจยอดเขาที่ต้องการพิชิต ให้สนใจพื้นที่ใต้ฝ่าเท้า แล้วก็เดินทีละก้าว ทีละก้าว ถ้าเดินไม่หยุดนี่ถึงแน่ มันเป็นเคล็ดลับที่ง่ายมาก แต่ว่าอาจจะทำยากเพราะคนเราชอบไปนึกถึงอนาคต ไปได้ถึงจุดหมายที่ต้องการพิชิต แล้วก็ลืมสิ่งที่กำลังทำในปัจจุบัน
แต่นี่คือสิ่งที่วิวเขาได้เรียนรู้ว่า จะแข่งนัดสำคัญอะไร สำคัญแค่ไหนก็ตาม อย่าไปสนใจผลลัพธ์ อย่าไปสนใจว่ารอบต่อไปจะเจอใคร สนใจทีละรอบ ๆ
เหมือนกับ บรูซ เคิร์คบี้ นักปีนเขาคนที่ว่า เขาบอกว่าสนใจแต่แค่เดินทีละก้าว ๆ ก็พอ เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าเราไม่ไปสนใจเรื่องผลการแข่งขันมากเกินไป ชนะก็ดีใจ แพ้ก็เสียใจ แต่เรามาดูว่าเราได้เรียนรู้อะไรบ้างจากกีฬา เราได้เรียนรู้อะไรบ้างจากความสำเร็จ หรือความล้มเหลวของนักกีฬาไทย แล้วก็นักกีฬาคนอื่น ๆ เราจะได้บทเรียน บทเรียนที่สำคัญ สำหรับตัวเราเองด้วย
เวลาทำงานหรือเวลาทำอะไรที่สำคัญให้กลับมาอยู่กับปัจจุบัน ลืมผลลัพธ์ให้หมด ไม่ใช่ไม่สำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือบทเรียนที่เราจะเอามาใช้เพราะมันสำคัญไม่ใช่เฉพาะกับเกมกีฬา แต่ยังสำคัญกับการใช้ชีวิตของเราด้วย.