แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
วันนี้วันที่ 11 กันยายน 2549 เมื่อ 15 ปีที่แล้ว เราคงจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุการณ์เกิดขึ้นที่อเมริกา มีเครื่องบิน 2 ลำไปชนตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ คนตาย 2-3 พันคน เป็นเหตุการณ์ที่ว่าเขย่าโลกสะเทือนขวัญ ทุกวันนี้ผลกระทบยังปรากฏแผ่กระจายไปทั่วโลก แล้วก็คงจะส่งผลเป็นลูกโซ่อีกมากมาย เหมือนกับโยนก้อนหินลงไปในสระก็เกิดคลื่นที่แผ่กระจายไปกว้าง ทุกวันนี้คลื่นของผลกระทบของ 11 กันยาก็ยังไม่หมดเลย ยังแผ่ไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่ามันจะจางคลายไปเมื่อไหร่ ไม่มีที่ไหนที่ไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ อย่างบ้านเรา อยู่ไกลจากอเมริกาตั้งครึ่งโลก แต่ว่าก็ได้รับผลกระทบไปเต็มๆ เหมือนกัน ความวุ่นวายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็เกิดจากหรือเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ 11 กันยาเมื่อ 15 ปีที่แล้ว บางคนรู้สึกว่าไกลตัวไปหน่อย 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ที่จริงทุกวันนี้ ทุกครั้งที่เราขึ้นเครื่องบิน เราจะพบว่า มีการตรวจ ตรวจกันอย่างแน่นหนามาก แม้แต่เจล ของเหลว หรือว่าน้ำขวด ซึ่งดูไม่มีพิษไม่มีภัย เดี๋ยวนี้เขาก็ห้ามขึ้นแล้วถูกตรวจอย่างเข้มงวด หยิบเอาอะไรไปก็ไม่ได้แม้กระทั่งคัตเตอร์ ก็เพราะเหตุการณ์ 11 กันยา เหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่ข่าวสะเทือนขวัญแล้วก็เป็นแค่สนองความอยากรู้อยากเห็นความตื่นตาตื่นใจเท่านั้นนะ แต่จริงๆ มันให้แง่คิดแล้วก็บทเรียนมากมาย
ตอนที่เกิดเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นตอนเช้าที่กรุงนิวยอร์กวันอังคาร เขาว่าที่นั่นตอนนั้นฟ้าใส ฟ้าใส แดดก็ใส ฟ้าสวยแดดใส เป็นช่วงเวลาที่น่าจะเดินเล่น สบายๆ แต่ปรากฏว่า จู่ๆ กรุงนิวยอร์กกลายเป็นนรกขึ้นมาทันที โดยเฉพาะตึกเวิลด์เทรด ความตายมาแบบไม่ทันคาดคิด มาในวันที่สบายๆ แดดดี คล้ายๆ กับสึนามิ ตอนที่เกิดสึนามิที่เมืองไทยเมื่อ 26 ธันวา 2547 เป็นวันอาทิตย์ คนก็กำลังพักผ่อน เล่นน้ำทะเล แดดก็สวย ฟ้าก็ใส จู่ๆ ก็กลายเป็นนรกทันทีเลย ไม่ว่าที่พังงา ภูเก็ต ความตายหรือว่าภัยพิบัติ บ่อยครั้งมันก็มาในช่วงเวลาที่เราคาดไม่ถึง เป็นช่วงเวลาที่เรารู้สึกสบาย ไม่มีใครเตรียมพร้อมหรือระแวดระวัง ตอนเกิดระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิม่าก็เหมือนกัน ตอนเช้าอากาศดี จู่ๆทั้งเมืองกลายเป็นนรกเลย คนตายเป็นแสน
ความตายหรือว่าภัยพิบัติ มักจะมาในเวลาที่เราคาดไม่ถึง หรือไม่ทันเตรียมตัว ดังนั้นถ้าเราโยงมาถึงตัวเรา ก็ต้องเผื่อใจไว้ด้วยว่าความตายของเราเองก็อาจจะมาในช่วงเวลาที่คาดไม่ถึงด้วยเหมือนกัน เพราะความตายเกิดขึ้นได้ทุกเวลา และพญายมก็มักจะมาจู่โจมในช่วงเวลาที่เราเผลอ ในช่วงเวลาที่เรากำลังเพลิน สบาย ถ้าเรามองเหตุการณ์ 11 กันยาและโยงมาถึงตัวเรา ก็ทำให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาณ จริงๆ แล้วยิ่งถ้าเรานึกภาพคนที่เขากำลังอยู่ในห้องแอร์ กำลังจิบกาแฟในตึกเวิลด์เทรด กำลังฟังเพลง จู่ๆ ก็เกิดเสียงระเบิด ไฟลุกไหม้เผาคนตายทั้งเป็น อันนี้มันก็ยิ่งทำให้ยิ่งต้องตั้งอยู่ในความไม่ประมาท เหตุการณ์ 11 กันยาสร้างความฉิบหายได้มากมาย ทั้งๆที่คนที่ก่อเหตุเขาไม่มีอาวุธเลย เท่าที่จำได้เขามีแค่คัตเตอร์นะ เพื่อใช้ในการขู่บังคับให้คนยอม ให้ตัวเองเข้าไปในห้องเครื่องบินห้องคนขับแล้วก็บังคับเครื่องบินให้พุ่งชนตึกเวิลด์เทรด ไม่มีอาวุธอะไรนอกจากแค่คัตเตอร์ แต่ว่าสามารถจะเปลี่ยนเครื่องบินให้กลายเป็นระเบิด สามารถจะโค่นทำลายตึกทั้ง ๒ ตึกให้พังพินาศได้ อันนี้มันทำให้นึกถึงความพูดของท่านติช นัท ฮันห์ ท่านเป็นพระเซน ชาวเวียดนาม ท่านเคยเขียนเป็นบทกวีสั้นๆ ว่า ระเบิดมากมายยังไม่แผดก้อง ยังนิ่งสงบอยู่ในใจคน เมื่อไหร่มันจะระเบิดแล้วก็ผลาญพร่าชีวิตผู้คน คือท่านพูด ท่านเปรียบเพื่อให้เราตระหนักว่า ทุกคนนี้เปรียบเหมือนกับระเบิดที่ยังไม่ได้จุด เราแต่ละคนๆเปรียบเหมือนกับระเบิด คือสามารถจะก่อความฉิบหายให้กับคนอื่นได้ แม้จะไม่มีอาวุธเลย ก็สามารถจะเปลี่ยนสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวให้กลายเป็นอาวุธอานุภาพแรงสูงได้อย่างพวกที่ยึดเครื่องบิน 2 ลำแล้วก็อาศัยเครื่องบินนั่น เปลี่ยนให้กลายเป็นระเบิด ระเบิดทำลายตึกแล้วก็ฆ่าผู้คน
ทำไมถึงว่าเราแต่ละคนเปรียบเหมือนกับระเบิดยังไม่ได้จุดนะ ก็เพราะคนเรา ปุถุชนก็ยังมีความโกรธ ความเกลียด ความโกรธ ความเกลียดนี้ มันสามารถจะทำให้ทุกอย่างที่เรามีหรืออยู่รอบตัวเรา กลายเป็นอาวุธได้ สามารถจะทำให้มือของเรานี้ใช้ทำร้ายผู้คนได้ อาจจะใช้ทำร้ายคนรัก ทำร้ายพี่น้อง ใช้ทำร้ายคน ผัวเมีย หรือแม้กระทั่งพ่อแม่ก็ได้ ไม่ใช่แค่ทุบตีนะ อาจจะทำให้ถึงตายได้ ไม่มีอาวุธแต่ฆ่าคนได้ เพราะความโกรธความเกลียดมันเปลี่ยนอวัยวะในตัวเรา ให้กลายเป็นอาวุธ ก็เปรียบเหมือนกับระเบิดที่ยังไม่จุดก็จริงแต่พอมีความโกรธความเกลียดเข้า ระเบิดมันก็แตกเลย คนเราแต่ละคนนี้ให้เราตระหนักว่า ตราบใดที่ยังมีความโกรธความเกลียดอยู่ แสดงว่า ยังมีระเบิดอยู่ในใจเรา ยังมีอาวุธร้ายอยู่ในใจเรา และมันก็พร้อมที่จะระเบิดได้ วันดีคืนดีก็ตูม ทำร้ายผู้คน อาจจะแค่บาดเจ็บหรืออาจถึงล้มตาย อาจจะแค่คนเดียว หรืออาจจะหลายคนก็ได้ อันนี้ไม่ได้ยกเว้น จะเป็นผู้หญิงผู้ชาย จะเป็นเด็ก หรือแม้แต่พระ ตราบใดที่ยังมีความโกรธความเกลียด ระเบิดที่ยังไม่จุดนี้ มันก็สามารถจะตูมขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ และทำไมถึงมีความโกรธความเกลียด ก็มีหลายปัจจัยนะ ความโลภก็เป็นเหตุ มีความโลภ ไม่ได้อย่างที่ต้องการ มีราคะ มันก็ทำให้เกิดความโกรธความเกลียดเวลาไม่ได้ดั่งใจ
อย่างพวกที่เป็นฆาตกรฆ่าข่มขืน ก็เริ่มต้นจากราคะ มีราคะเป็นตัวนำก่อน เสร็จแล้วพอราคะมันผลักดันให้ทำตามกิเลส พอมีอีกฝ่ายหนึ่งขัดใจ เหยื่อต่อสู้ มันก็โกรธ พอเหยื่อข่วน หรือตบตี มันก็กลายเป็นเกลียด แล้วก็ทำร้ายเหยื่อจนถึงตาย คนธรรมดาก็สามารถกลายเป็นฆาตกรได้ก็เพราะความโกรธความเกลียด เพราะเริ่มต้นมาจากราคะหรือโลภะ ลูกบางคนก็ฆ่าพ่อฆ่าแม่ได้ เพราะอยากได้มรดก อิจฉาเสียใจที่พ่อแม่ให้น้องมากกว่าตัวเอง คนที่เป็นพี่ก็เลยหาทางฆ่าทั้งน้องทั้งพ่อทั้งแม่ เพื่อที่จะฮุบมรดกคนเดียว อันนี้ก็เป็นข่าวมาแล้ว คนที่ทำอย่างนี้ได้ไม่ได้ทำด้วยความรักแต่ ทำด้วยความโกรธความเกลียด และที่โกรธเกลียดเพราะมันมีความอยากเป็นมูลความโลภนั่นเอง ความโลภ สาวไปจริงๆ ก็คือความยึดติดถือมั่น และคนเราไม่ได้ยึดติดถือมั่น เฉพาะวัตถุ สิ่งของ เงินทอง เรายังยึดติดถือมั่นในความคิด ในทฤษฎี ในอุดมการณ์ด้วย
คนที่เขาไปยึดเครื่องบินแล้วก็บังคับเครื่องบินไปถล่มตึกเวิลด์เทรด เขาก็ไม่ใช่เป็นฆาตกรหรือผู้ร้ายโดยนิสัยสันดาน ส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่มีฐานะแล้วก็ความพฤติดี แต่เขามีอุดมการณ์ เขามีความยึดติดถือมั่นในศาสนาของตัวและเขาคิดว่าเขาทำเพื่อพระเจ้า การยึดติดถือมั่นแม้แต่การยึดติดในความดีในศาสนา ก็สามารถจะทำให้คนทำชั่วได้ ยึดติดความดีก็ทำให้เราทำชั่วได้ เพราะว่าเวลาที่เรายึดติดถือมั่นในความดีมากๆ ใครที่ไม่ดีเหมือนเรา ไม่ดีอย่างที่เราคิด ไม่ดีอย่างที่เราคาดหวัง เราก็จะเกลียดเขา และถ้าเกลียดเขามากๆ ก็จะเห็นเขาเป็นมารร้ายที่จะต้องกำจัด ตรงนี้แหละที่มันเปิดช่องให้ความโกรธความเกลียดเข้ามาเล่นเข้ามาครอบงำใจ เกลียดคนที่ไม่ดีเหมือนเรา ซึ่งอาจจะไม่ใช่เป็นคนไกลตัวอาจจะเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง เป็นลูกก็ได้
พ่อแม่บางคนก็เกลียดลูกที่ประพฤติตัวเกกมะเหรกเกเร เดิมทีก็โกรธก่อนแล้วก็เกลียด ลูกไม่ดีเหมือนพ่อแม่ ลูกเถียงพ่อแม่ ก็ตบเลยนะ หรือว่าใช้กำลัง บางทีหนักกว่านั้น ถึงกับฆ่าก็มี ขนาดคนใกล้ตัว นับประสาอะไรกับคนที่อยู่ไกลตัว ต่างชาติ ต่างศาสนามันถ้ายึดติดถือมั่นในความคิด ทฤษฎี อุดมการณ์ ยึดติดในชาติ ในเผ่า ในภาษา ก็ทำให้เกลียดคนที่มีภาษา มีศาสนา มีชาติ มีอุดมการณ์ต่างจากเรา และพร้อมที่จะฆ่าเขาจะทำลายได้ เพราะฉะนั้นความยึดติดถือมั่นเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก โดยเฉพาะยึดติดถือมั่นในอุดมการณ์ ในศาสนา
ศาสนาทุกศาสนาก็สอนไว้ดีนะ แต่ถ้ายึดติดถือมั่นหรือว่าปฏิบัติไม่ถูกก็สามารถทำให้เกิดความฉิบหายหรือนำไปสู่ความชั่วร้ายได้ อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า หญ้าคาถือไว้ไม่ดีย่อมบาดมือ ความเป็นสมณะถ้าปฏิบัติไม่ถูกต้องย่อมฉุดไปนรก อันนี้ก็รวมถึง ความคิด ศาสนา อุดมการณ์ดีๆด้วย ถ้าใช้ไม่ถูกเกี่ยวข้องไม่เป็น ก็พาให้เราทำชั่วกลายเป็นระเบิดที่ทำร้ายผู้คน เหตุการณ์ 11 กันยานี้ต้องมองให้โยงมาถึงตัวเรา ถ้าโยงก็จะได้ประโยชน์ และถ้าโยงมาให้เห็นว่ามันสอนธรรมอะไรให้กับเราบ้าง เราจะได้ระมัดระวังไม่ประมาท