พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้า วันที่ 3 สิงหาคม 2567
ช่วงนี้หลายคนพอตื่นขึ้นมาอย่างแรก ๆ ที่ทำก็คือติดตามข่าวกีฬาโอลิมปิก เป็นกันทั้งโลกรวมทั้งเมืองไทยด้วย เพราะว่าเวลาแข่งขันที่สำคัญ ๆ ที่ฝรั่งเศสเป็นเวลาที่เรานอน แต่บางคนก็ติดตามจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน
เทศกาลโอลิมปิกเป็นมหกรรมกีฬาระดับโลก ยิ่งใหญ่มาก เฉพาะนักกีฬาที่ร่วมแข่งขันครั้งนี้ก็หมื่นกว่าคน ยังไม่นับทีมสนับสนุนซึ่งคงมีจำนวนมากเป็นเท่าตัวหรือสองเท่าตัว ไม่นับนักข่าวอีกหลายพัน
และทีมสนับสนุนนักกีฬามีมากมาย ทั้งโค้ช ทั้งนักกายภาพบําบัด ทั้งหมอ ทั้งโภชนากร และนักวิทยาศาสตร์การกีฬา มีเยอะมากกว่านี้ แต่ที่แปลกคือของอเมริกา มีหมามาด้วย หมาโกลเด้นชื่อ บีคอน (Beacon) มาทําไม มาเพื่อช่วยคลายเครียดให้กับนักกีฬา บีคอนเป็นหมาที่อารมณ์ดี แทบจะยิ้มตลอดเวลา นักกีฬาส่วนใหญ่จะเครียดก่อนแข่ง พอเจอบีคอนเขาก็อารมณ์ดี ได้ลูบหัว ได้จับเนื้อต้องตัวบีคอน ช่วยทำให้คลายความเครียดได้
ถามว่าทําไมถึงเครียด เพราะไปคิดถึงการแข่งขัน ไม่ใช่การแข่งขันที่จะเกิดขึ้นข้างหน้าเท่านั้น แต่รวมถึงการแข่งขันที่ผ่านไปแล้วด้วย บางคนอาจจะเคยผิดพลาดล้มเหลว อาจจะเคยตกรอบ อาจจะเคยพ่ายแพ้ในการแข่งขันนัดก่อน ๆ หรือว่าถึงแม้ไม่พ่ายแพ้ แต่ทำเวลาไม่ได้ดีเท่าที่ควร พอนึกแล้วทำให้เกิดความไม่มั่นใจ ความไม่มั่นใจทำให้เครียดได้เหมือนกัน
แต่ไม่ใช่เฉพาะคนที่พ่ายแพ้ ได้คะแนนไม่ดีในการแข่งขันที่ผ่านมาเท่านั้น แม้แต่บางคนทำคะแนนได้ดีมาก เคยชนะมาก่อน ประสบความสำเร็จในการแข่งขันที่ผ่านมา แต่พอนึกถึงก็เครียด เครียดเพราะอะไร เพราะกลัวว่าจะทำได้ไม่ดีเหมือนครั้งที่ผ่านมา พอไปนึกถึงการแข่งขันที่จะตามมาจึงเกิดความเครียดว่าเราจะทำได้ดีเหมือนที่ผ่านมาไหม เกิดความเกร็งขึ้นมา
พูดง่าย ๆ คือว่า ไม่ว่าใครจะประสบความสำเร็จหรือความล้มเหลวในการแข่งขันที่ผ่านมาก็ทำให้เครียดทั้งนั้นสำหรับคนที่จะต้องแข่งขันในนัดต่อไป
อันนี้น่าเห็นใจมาก นักกีฬาไม่ว่าชาติไหนที่ทำคะแนนดีเมื่อนัดที่แล้ว ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นเมื่อสองสามวันก่อน คนยกย่องชื่นชมมาก คราวนี้จะแข่งต่อไป เครียดแล้วว่าจะทำได้ดีเหมือนครั้งที่แล้วไหม แล้วคิดต่อไปว่าถ้าทำได้ไม่ดีเหมือนครั้งที่แล้วฉันคงแย่แน่ ๆ เลย คงจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ อันนี้ทำให้นักกีฬาแทบทั้งหมดเครียด
เพราะฉะนั้น จึงต้องมีอุบายที่จะช่วยทำให้คลายเครียด ส่วนใหญ่จะใช้จิตแพทย์มาให้คำแนะนํา แต่ว่าของอเมริกาเขามาแปลก เอาหมามาด้วยเพื่อคลายเครียด ซึ่งชี้เห็นว่าการแข่งกีฬา แม้ว่าจะเก่งแค่ไหน สิ่งสำคัญไม่น้อยคือการรู้จักทำใจด้วย
ถ้าหากว่าทำใจให้อยู่เหนือการแพ้การชนะได้ คือไม่สนใจว่าผลการแข่งขันนัดหน้านี้จะแพ้หรือชนะ ความเครียดจะลดลง และเมื่อความเครียดลดลงแล้วการแข่งขันมักจะออกมาดีเพราะว่าพอผ่อนคลายแล้ว ความสามารถที่สะสมมาจะออกมาเต็มร้อย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้สนใจชัยชนะ แต่ในที่สุดก็มักจะประสบชัยชนะ เพราะว่าไม่ได้หวังชัยชนะหรือไม่สนใจชัยชนะ
เหมือนกับคนที่เข้าห้องสอบ ถ้าหากว่าไม่สนใจผลการสอบ มักจะสอบได้ดี เจอข้อสอบยาก ๆ ก็ตอบได้ แต่คนที่เป็นห่วงว่าผลการสอบจะดีไหม หรือว่าตั้งใจว่าจะสอบให้ได้อันดับต้น ๆ เพราะว่าถ้าสอบได้วิชานี้ A จะได้เกียรตินิยมเหรียญทองหรือเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง มีสิทธิมากที่จะผิดหวัง เพราะว่าเมื่อเครียดแล้ว ข้อสอบง่าย ๆ ตอบไม่ได้
อาตมาเคยเจอมาแล้วสมัยเป็นนักเรียน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้หวังเกียรตินิยม แต่ว่าแค่หวังว่าจะได้คะแนนดี ๆ จากวิชานั้น ปรากฏว่าเกร็ง สมองตื้อเลย ข้อสอบง่าย ๆ ตอบไม่ได้ ตอบผิด อันนี้เพราะความเกร็ง เก่งแค่ไหน แต่ถ้าเครียด ถ้าเกร็งแล้ว ความสามารถที่มีก็ถูกบล็อกเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬา ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนนักศึกษา หรือว่าคนทํางานก็ตาม
เพราะฉะนั้น การรู้จักทำใจถ้าหากว่าสามารถปล่อยวางได้ ไม่สนใจว่าผลจะเป็นอย่างไร ความเครียดจะน้อยลง ความผ่อนคลายจะมากขึ้น แล้วสมองจะโล่ง คิดอะไรรวดเร็วฉับไว
แต่ว่าคนเราจะปล่อยวางเรื่องผลการสอบ ผลการแข่งขันได้ อย่างหนึ่งที่ต้องทำคือ ใส่ใจกับคําวิพากษ์วิจารณ์ที่ตามมาให้น้อยที่สุด เพราะว่าถึงแม้เราไม่สนใจผล แพ้เราก็ไม่เสียใจ แต่ว่าถ้าเจอเสียงวิพากษ์วิจารณ์ใจก็หวั่นไหว เพราะฉะนั้น จะให้ใจอยู่เหนือแพ้ชนะ ต้องไม่ใส่ใจกับคําวิพากษ์วิจารณ์
แต่ว่าก่อนอื่นต้องทำใจไม่ให้กังวลกับผลการแข่งขัน นั่นคือว่า ใจอยู่กับปัจจุบัน และสนุกกับการละเล่นหรือการแข่งให้ดีที่สุด ถ้าสนุกกับการแข่งขันจะไม่พะวงกับผลการแข่งขัน ผลการแข่งขันจะเป็นอย่างไร ฉันขอสนุกก็แล้วกัน พอเล่นด้วยความสนุกแล้ว ออกมาดีได้เหมือนกัน
เรื่องการทำใจของนักกีฬานี้สำคัญไม่น้อยไปกว่าการฝึกสมรรถนะทางกาย เวลาพูดถึงการแข่งขัน เรานึกถึงความสามารถทางกาย แต่ที่จริงแล้วความสามารถทางกายไม่พอ ไม่ว่าจะแข่งกีฬาประเภทไหน อย่างหนึ่งที่สำคัญคือ การรู้จักคิด คือฉลาดในการมองเกม จับทางคู่ต่อสู้ได้ เห็นจุดอ่อนของเขาและเห็นจุดอ่อนของตัวเอง อันนี้เขาเรียกว่าใช้หัวเป็น นักกีฬา นอกจากสมรรถนะทางกายหรือทักษะทางกายแล้ว ต้องมีความฉลาด รู้จักใช้หัวด้วย
แต่สองอย่างนี้ยังไม่พอ เพราะถึงแม้ทักษะทางกายจะดีเหนือคนอื่นเขา มองเกมออกทะลุปุโปร่ง แต่เกิดเครียดขึ้นมา แย่เลย บางคนได้คะแนนนําตลอด เรียกว่าอีกคะแนนสองคะแนน อีกลูกสองลูกก็จะชนะแล้ว ไม่ว่าจะเล่นแบดมินตัน หรือว่ากอล์ฟ หรือว่าปิงปอง แต่ปรากฏว่าอยู่ ๆ สะดุดเลย เล่นไม่ออก คู่แข่งเขาตีตื้นมาจนชนะเลย แบบนี้ในวงการกีฬาเขาเรียกว่าโช้ค เพราะอะไร เพราะว่าเกร็ง
เก่งแค่ไหนถ้าเกร็งแล้วก็แพ้ได้เหมือนกัน แม้จะมีทักษะดี ฉลาด แต่ว่าใจไม่ไป
สามอย่างนี้จำง่าย ๆ คือ 3 H – Hand, Head และ Heart
Hand หมายถึง ทักษะทางกาย Head หมายถึง หัว ความฉลาด Heart หมายถึง อารมณ์ จิตใจ ไม่เฉพาะกีฬา เล่นดนตรี หรือว่าทำงานเขียนหนังสือ สอนหนังสือ หรือว่าทำงานอะไรก็ตาม สามอย่างนี้ต้องไปด้วยกัน
แต่เดี๋ยวนี้เราไปเน้นเรื่องทักษะทางกาย กลับไปเน้นเรื่องสมอง ความฉลาด แต่ลืมเรื่องของจิตใจ จึงเกิดความเครียด เมื่อเกิดความเครียดแล้ว ความสามารถทั้งหมดที่มีทางกายก็ดี ทางความคิดก็ดี ถูกบล็อกหมด
เพราะฉะนั้น แม้กระทั่งในวงการกีฬา เดี๋ยวนี้เขาหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องการฝึกสมาธิ การทำใจให้สงบ วันนี้มีตัวช่วย มีหมามาช่วยทำให้ผ่อนคลาย แต่ถ้าหากว่าใจไม่อยู่กับปัจจุบัน ฟุ้งซ่าน ขาดสมาธิ ไปอยู่กับอดีต อนาคต ก็เสร็จเหมือนกัน
นี่ก็เป็นข้อคิดว่า เรื่องทางโลก กับ เรื่องทางธรรม แยกจากกันไม่ออก ทางธรรม หมายถึง เรื่องของการฝึกจิต ปล่อยวางความสำเร็จหรือความล้มเหลว ไม่ว่าแพ้หรือชนะก็ไม่สนใจ อันนี้ถือว่าเป็นเรื่องทางธรรมได้เหมือนกัน.