พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 30 กรกฎาคม 2567
มีนักเขียนคนหนึ่งใช้นามปากกาว่าหนุ่มเมืองจันท์ เล่าว่าไปคุยกับนักธุรกิจไทยที่เป็นเจ้าของโรงงานประกอบรถไฟฟ้า หรือที่เรียกว่ารถ EV นี้ นักธุรกิจคนนี้เล่าว่าเคยจ้างคนงานที่เป็นคนไทยมาประกอบรถ ประมาณว่า 50 คน ประกอบรถได้เดือนละ 5 คัน ต่อมาเขาลองจ้างคนจีนมาทำงานบ้าง ปรากฏว่าคนจีน 10 คนนี้ประกอบรถได้เดือนละ 6 คัน คือมากกว่าคนไทย 50 คนที่ว่านั้น
คนจีน 10 คนทำงานได้มากกว่าคนไทย 50 คน นับเป็น 1 ต่อ 5 เลย ตอนหลังก็เลยจ้างคนจีนมาทำงาน หนุ่มเมืองจันท์เล่าว่าได้เจอนักธุรกิจที่ทำกิจการเกี่ยวกับ SME นักธุรกิจนี้ไปสอบถามนักศึกษาจีนที่มาเรียนที่เมืองไทย คำถามคือว่า เรียนจบแล้วจะไปทำงานที่ไหน ส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดเลยตอบว่าเรียนจบแล้วก็จะทำงานที่เมืองไทย พอถามถึงเหตุผล พบว่า
เหตุผลข้อ 1 บอกว่าเมืองไทยน่าอยู่ อันนี้เราก็ภูมิใจที่เขาบอกเมืองไทยน่าอยู่ น่าอยู่กว่าเมืองจีน ข้อ 2 ที่อยากมาทำงานที่เมืองไทยก็เพราะว่า พวกนักศึกษาจีนเหล่านี้เขารู้ภาษาจีน อันนี้ถือว่าได้เปรียบกว่าคนไทย เพราะเดี๋ยวนี้บริษัทหรือเจ้าของกิจการจำนวนมากต้องการคนที่รู้ภาษาจีน พวกเขาย่อมรู้ภาษาจีนดีกว่าคนไทยอยู่แล้ว ฉะนั้นถ้าทำงานที่เมืองไทยก็จะได้เปรียบกว่า
ข้อที่ 3 ก็คือว่า เมืองจีนมีการแข่งขันมันสูงมาก นักศึกษาเหล่านี้ถ้ากลับไปทำงานที่เมืองจีนโอกาสที่จะติดอยู่แค่ระดับล่างระดับกลางมีสูงมาก ยากที่จะขึ้นไปถึงระดับบน ระดับบริหารหรือผู้จัดการ แต่ถ้าทำงานที่เมืองไทยนี้ โอกาสที่จะได้ขึ้นถึงระดับบนระดับสูงย่อมเป็นไปได้มากกว่า เพราะการแข่งขันน้อยกว่า
ที่น่าสนใจคือ ข้อสุดท้าย ส่วนใหญ่บอกว่าทำงานที่เมืองไทย จะแข่งกับคนไทยได้สบาย เพราะว่าคนจีนขยันกว่า อันนี้คือเหตุผลสำคัญที่นักศึกษาจีนที่มาเรียนเมืองไทยอยากจะทำงานที่เมืองไทย
ที่เขาว่ามาน่าคิด เขาบอกว่าแข่งกับคนไทยนี้ง่าย สบาย เพราะคนจีนขยันกว่า พูดอีกอย่างหนึ่งคือคนไทยขี้เกียจกว่า คำตอบนี้เขาไม่ได้ตอบตรงๆแบบนั้น เขาบอกเพราะคนจีนขยันกว่า ก็เลยแข่งกับคนไทยได้สบาย
ซึ่งเป็นเรื่องน่าคิด เพราะว่ามันเป็นความเห็นของคนหลายวงการ โดยเฉพาะวงการที่เกี่ยวกับธุรกิจ อุตสาหกรรม มีนักธุรกิจคนหนึ่งเคยทำโรงงานผลิตไม้อัด ปรากฏว่าตอนหลังนี้สู้ไม้อัดจากเมืองจีนไม่ได้ เพราะไม้อัดจากเมืองจีนนี้ถูกกว่า สุดท้ายก็เลยต้องปิดโรงงาน
พอปิดโรงงานก็ปรากฏว่ามีนักธุรกิจจีนมาขอซื้อที่ เอาไปทำอะไร เอาไปทำโรงงานไม้อัด กว่าจะตั้งโรงงานได้ผลิตไม้อัดได้ก็เสียเงินเสียทองไปเยอะ ค่าเบี้ยบ้ายรายทางต้องให้เงินข้าราชการไทยคนโน้นคนนี้ แต่พอผลิตไม้อัดได้ปรากฏว่าไม้อัดที่เขาผลิตได้นี้ราคาถูกกว่าไม้อัดจากเมืองจีน ทั้งๆที่ต้นทุนนี้สูงเพราะว่าเสียไปกับเรื่องไม่ใช่เฉพาะที่ดินอย่างเดียว แต่ว่าเสียให้กับค่าน้ำร้อนน้ำชา
นักธุรกิจไทยคนนี้ก็สงสัยว่าทำไมโรงงานของนักธุรกิจจีนในเมืองไทยนี้ จึงผลิตไม้อัดได้ถูกกว่าไม้อัดจากจีน ก็ขนาดโรงงานของเขาเองยังผลิตได้แพงกว่า ทำไมเราองผลิตได้แพงกว่าไม้อัดจีน แต่ว่านักธุรกิจจีนนี้ผลิตไม้อัดต้นทุนก็สูง แต่กลับขายในราคาที่ต่ำกว่าไม้อัดจากเมืองจีน เป็นเพราะว่าได้ทุนอุดหนุนจากรัฐบาลหรือเปล่า ก็ไม่ใช่ คำตอบคือเพราะคนจีนทำงานมีประสิทธิภาพกว่า
ประสิทธิภาพสูงกว่าแม้ต้นทุนสูง ต้นทุนหมายถึงว่าต้นทุนในการสร้างโรงงาน แต่รวมแล้วต้นทุนต่ำกว่าเพราะว่าคนงานมีประสิทธิภาพมากกว่า ทำงานได้เยอะกว่า อันนี้ก็เป็นเรื่องที่หลายคนวิตกกันมากว่า ทำไมคนไทยหรือแรงงานไทยนี้จึงมีประสิทธิภาพต่ำ หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือว่าไม่ค่อยขยัน
ก็บังเอิญมีข้อมูลมากมายที่บอกว่าเดี๋ยวนี้คนหนุ่มสาวไทยนี้เป็นโรคซึมเศร้า มีความเครียด มีความห่อเหี่ยว กลัดกลุ้มกันเยอะ เราก็ได้ยินได้ฟังกันอยู่ว่าเป็นเพราะเหตุนี้หรือเปล่าจึงทำให้คนงานไทยไม่ค่อยขยัน ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ คงไม่ใช่ มันน่าจะเป็นเพราะอีกสาเหตุหนึ่งมากกว่า เพราะว่าคนไทยชอบสนุก ใช้จ่ายไปกับเรื่องการกินดื่มเที่ยวเล่นเยอะ โดยเฉพาะการเล่นพนัน ติดเกม ติดอบายมุข บางทีรวมไปถึงติดเหล้าด้วย ไม่นับติดยา อันนี้น่าจะเป็นเหตุผลมากกว่าที่ทำให้คนไทยนี้ทำงานไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ
หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือว่า คนไทยเดี๋ยวนี้ใฝ่เสพมากกว่าใฝ่ทำ คนจีนก็ใฝ่เสพเหมือนกัน แต่ว่าเขายังมีความใฝ่ทำอยู่ไม่น้อย มีความขยัน อาจจะเป็นเพราะคนไทยจำนวนมากทุกวันนี้จะใฝ่เสพมากขึ้น ใฝ่เสพก็ทำให้ไม่อยากทำอะไร รอแต่ว่าจะได้มีเงินเดือนออกเมื่อไหร่ รอแต่วันเงินเดือนออก พอได้เงินมาก็ใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย หรือเป็นเพราะใฝ่เสพจนกระทั่งไม่เป็นอันทำงาน ติดเกมจนกระทั่งอย่าว่าแต่ทำงานเลยเรียนก็เรียนไม่ไหว เป็นกันมาก
แล้วก็มีความสงสัยว่า คนไทยใฝ่เสพแล้วทำไมจึงเป็นโรคซึมเศร้า เครียด วิตกกังวลเยอะ ที่จริงใฝ่เสพมันน่าจะมีความสุข นี้เป็นความเข้าใจของคนทั่วไป แต่เพราะใฝ่เสพนั่นแหละมันทำให้กลายเป็นโรคซึมเศร้าได้ง่าย เหมือนกับคนที่ติดเกมส์ หรือว่าติดโทรศัพท์มือถือนี้ ติดแล้วก็อาจจะมีความสนุกสนาน ตื่นเต้นชั่วครั้งชั่วคราว แต่สุดท้ายก็ซึมเศร้า เครียด เพราะว่าความใฝ่เสพ ทำให้อยากไม่รู้จักพอ
และสร้างปัญหามากมาย รู้สึกด้อย รู้สึกว่าตัวเองไม่มี สู้คนอื่นไม่ได้เพราะว่าไม่มีรถราคาแพง ไม่มีของใช้ที่ราคาสูง เกิดความห่อเหี่ยว ยิ่งถ้าติดการพนันด้วยแล้วนี่ซึมเศร้าได้ง่ายมาก เพราะว่ามันมีแต่เสียกับเสีย คนที่ติดเกมส์ก็เหมือนกัน ไม่ได้มีความสดชื่นอะไรเลย เพราะว่ากินไม่เป็นเวลา นอนไม่เป็นเวลา เครียด ไม่เป็นอันทำงาน
อันนี้เป็นคุณภาพของคนไทยที่น่าเป็นห่วงมาก ซึ่งมันก็สะท้อนถึงคุณภาพของการศึกษา รวมทั้งการเลี้ยงดูตั้งแต่ในครอบครัวด้วย และก็อาจจะรวมถึงบทบาทของศาสนาด้วย พุทธศาสนาไม่ได้ช่วยให้คนไทยหรือว่าคนรุ่นใหม่นี้มีความใฝ่เสพน้อยลงใฝ่ทำมากขึ้น กลับตรงข้าม อันนี้ก็เป็นการบ้านที่ต้องไปพิจารณา เพราะไม่เช่นนั้นเมืองไทยเราก็จะถอยหลัง และย่ำแย่ไปเรื่อย ๆ.