แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
หลวงพ่อฝากไว้ ลำดับที่ 91
วันที่ 27 กันยายน 2557
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของตัวเราเองให้ชัดเจน ให้ต่อเนื่อง ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมา เราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง เราได้สำรวจใจของเราแล้วหรือยัง นั่งตามให้สบาย วางกายให้สบาย แล้วก็วางใจให้สบาย ไม่ต้องพนมมือ
อย่าไปเกร็งร่างกาย วางกายของเราให้เป็นระเบียบสวยงาม นั่งตัวตรง ให้เป็นธรรมชาติ แล้วก็ลอง กระตุ้น สำเหนียก สร้างความรู้สึกรับรู้ สัมผัสของลมหายให้ชัดเจน สูดลมหายใจเข้าไปยาว ๆ ลึก ๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาว ๆ ทั้งที่เราก็หายใจอยู่ตลอดเวลา เป็นเรื่องของทุกคน ไม่ใช่เรื่องของคนใดคนหนึ่ง เป็นเรื่องของเรา หายใจเข้าเป็นอย่างไร หายใจออกเป็นอย่างไร ไม่หายใจเข้าชีวิตจะเป็นอย่างไร หยุดลมหายใจแล้วจะเป็นอย่างไร ทั้งที่เราก็หายใจตั้งแต่เกิด จะหยุดหายใจไม่ได้เลย
แต่การสร้างความรู้ตัว ลมเข้าลมออก ซึ่งเรียกว่า ‘อานาปานสติ’ เราไม่ค่อยจะสนใจกัน ทั้งที่ใจก็ฝักใฝ่ในบุญ อยากได้บุญ อยากรู้ธรรม อยากเห็นธรรม เขาปิดกั้นตัวเขาเอาไว้หมด เขาหลงมานาน หลงเกิดมานาน ถ้าไม่เกิดก็ไม่หลง หลงเกิดอยู่ในภพ มาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ มาสร้างกายเนื้อ ซึ่งมีขันธ์ห้าเข้ามาปิดบังเอาไว้ หรือว่ามีตัววิญญาณตัวสุดท้ายหรือว่าตัวใจ มาสร้างกายเนื้อ มาสร้างขันธ์ห้าปิดตัวเขาเอาไว้ ขณะเขายังมีกายอยู่ เขายังหนีไปเที่ยวต่ออีก ไปเที่ยวแล้วก็กลับมาอยู่ที่กาย คือ ‘ความคิด’ นั่นแหละ ซึ่งเป็นส่วนนามธรรม คิดไปเรื่องอดีตบ้าง เรื่องอนาคตบ้าง สารพัดเรื่องที่เขาจะคิดจะปรุงจะแต่ง คิดแล้วก็ไปเสวย ไปยินดียินร้าย ไปทุกข์ไปสุข หมุนวนเวียนอยู่อย่างงั้น เหมือนกับวงกลม ไม่มีที่สิ้นสุด
นอกจากปัญญาของพระพุทธองค์ที่ได้ค้นพบ แล้วก็เอามาเปิดเผย การเจริญสติ การสร้างความรู้ตัว การสร้างตบะ การสร้างบารมี เพื่อที่จะเข้าไปแก้ไขจิตวิญญาณของเรา ไม่ให้จิตวิญญาณของเราหลง จิตวิญญาณของเรานี้หลงมานาน เขาชอบด้วย เขาชอบด้วย สร้างขันธ์ห้ามาเป็นมิตรไปด้วยกัน บางทีก็ผสมโรงกันไปทั้งสติทั้งปัญญา ผิดก็ผิดหมด ถูกก็ถูกหมด ถูกก็ถูกอยู่ในระดับของสมมติ ผิดก็ผิดหมดไปเลย
ในภาพรวมนั้นยังหลงอยู่ เพราะว่าตัวใจยังคลายออกจากความคิด ออกจากขันธ์ห้าไม่ได้ กำลังสติตามดู รู้เห็นตามความเป็นจริงทุกอย่างยังไม่ได้ อาจจะเห็นแค่ความถูกต้องของสมมติ ว่าอะไรผิดอะไรถูก การสร้างบุญ สร้างบารมีอยู่ระดับของสมมติ นอกจากบุคคลที่มีความเพียรเป็นเลิศ ความขยันเป็นเลิศ ในการขัดเกลากิเลส ในการสร้างพรหมวิหาร เห็นเหตุเห็นผลจนวิญญาณคลายออกจากความคิด ออกจากอารมณ์ ตามดูรู้ ให้ตัววิญญาณหรือว่าตัวใจรับรู้ความเป็นจริงได้ทุกเรื่อง
การทำความเข้าใจแล้วค่อยละ ค่อยละ ค่อยดับ ว่าอะไรควรละ อะไรควรเจริญ มีความเป็นกลาง ไม่เข้าข้างตัวเอง ความว่าง ความเป็นกลาง รับรู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก แยกแยะได้ นั่นแหละเราถึงจะมองเห็นทางเดิน แต่ทุกวันนี้เราก็เดินอยู่ แต่เรายังเดินปัญญาขั้นสูง คลายใจออกจากความคิดซึ่งเป็นฝ่ายนามธรรมไม่ได้ แต่การควบคุมใจก็อาจจะมีอยู่บ้าง อาจจะได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
สมมติของเราก็ยังครอบงำวิมุตติอยู่ นอกจากบุคคลที่คลายได้ แยกได้ ตามดูให้รู้ เห็นเหตุเห็นผลทุกเรื่อง หมดความสงสัยทุกอย่าง ละ ดับความเกิด ถึงจะมองเห็นหนทางเดินที่แท้จริงว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่ได้กลับมาเกิดกัน ก็ต้องพยายาม ไม่ว่าพระ ว่าโยม ว่าชี
เรามีโอกาสมากในกายเนื้อ มีกายเนื้อในการทำความเข้าใจ ท่านถึงให้เจริญสติลงที่กายของเราให้ได้เสียก่อน อะไรคือสติความรู้ตัว ความรู้ตัวที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงเป็นอย่างไร ความรู้ตัวตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ตั้งแต่ยังไม่ลุกออกจากที่ ความรับผิดชอบของเรามีอยู่ในระดับไหน ความรับผิดชอบต่อส่วนตัว ต่อส่วนรวม จนล้นออกไป สู่หมู่ สู่คณะ สู่สังคม
คำว่า ‘อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา’ ในหลักธรรม นั้นมีอยู่สองอย่าง อนิจจังทางด้านรูปธรรม คือกายเนื้อของเรานี่แหละ อนิจจังทางด้านจิตวิญญาณ ทางด้านนามธรรมเขาก็เกิด ๆ ดับ ๆ ต้องให้รู้แจ้งเห็นจริง ทั้งรูปทั้งนาม ทำความเข้าใจให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น อย่าไปปิดกั้นตัวเราเอง ว่าไม่มีโอกาส ว่าไม่มีเวลา
ทุกคนนั้นฝักใฝ่ในการทำบุญมาตั้งนาน ตั้งแต่พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย มีศรัทธาเชื่อมั่นในพระรัตนตรัย ฝักใฝ่ในการทำบุญ แต่ไม่ฝักใฝ่ในการสังเกต ในการวิเคราะห์ว่าการเกิดของใจเขาก่อตัวอย่างไร อาการเป็นอย่างไร การเกิดของความคิดเขาเกิดอย่างไร เขาก่อตัวอย่างไร กิเลสหยาบกิเลสละเอียดเขาเกิดขึ้นได้อย่างไร ต้องให้รู้ให้เห็นอาการ หน้าตาอาการจริง ๆ ทำความเข้าใจให้ได้จริง ๆ รู้ไม่ทันต้นเหตุ เราก็หยุดเอาไว้ ดับเอาไว้ เริ่มใหม่ เพราะว่ามันมีอยู่ตลอดเวลา
กายของเราทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร หลวงพ่อก็จะพูดตั้งแต่เรื่องเก่า ๆ ของเก่าอยู่นี่แหละ เพราะว่าคนเรามองข้ามกัน หาตั้งแต่เรื่องมาปกปิดดวงใจ ดวงวิญญาณของตัวเอง เหมือนกับดินพอกหางหมู เราค่อยขูดค่อยขัดค่อยเกลา จนกว่าจะถึงความบริสุทธิ์ ความสะอาด คือความไม่เกิด ก็ต้องพยายามกันนะ ไม่ว่าพระ ว่าโยม ว่าชี
อันนี้ก็ใกล้จะออกพรรษาเต็มที เหลืออีกไม่นาน วันเดือนผ่านไปเร็วไว แต่ละวัน ๆ เราก็ต้องพยายามดู รู้ เห็นความเกิดความดับของใจ ของวิญญาณ ของความคิดของเรา แล้วก็รอบรู้ในกองสังขาร รอบรู้ในโลกธรรม ขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่ หมดลมหายใจแล้วก็ไปตามวิบากที่เราได้สร้างทำมา ถ้าเราปล่อยวาง ทำความเข้าใจได้หมด เราก็ไม่ได้กลับมาเกิดกัน
สร้างความรู้สึกรับรู้ สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน แล้วก็ให้ต่อเนื่อง ทำใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวขณะนี้ก็ให้รู้ว่าลมหายใจวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกันนะ
พากันไหว้พระพร้อม ๆ กัน ค่อยไปสร้างศึกษาทำความเข้าใจต่อให้รู้ทุกอิริยาบถนะ