แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ตามความเป็นจริง ลำดับที่ 89
วันที่ 15 พฤศจิกายน 2557
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมา เราได้สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง ให้เชื่อมโยงกันแล้วหรือยัง เพียงแค่การสร้างให้ต่อเนื่อง ตรงนี้ก็ยังพากันทำกันลำบากอยู่ ทั้งที่ความคิดสติปัญญา ทางโลกทางสมมตินั้นเต็มเปี่ยม อาจจะถูกอยู่ในระดับของสมมติ แต่เรายังดูรู้ไม่ลึกถึงฐานของใจ ใจที่ปราศจากการเกิดเป็นอย่างไร ใจที่ไม่มีกิเลสเป็นอย่างไร ใจทำไมถึงเกิด ทำไมถึงหลง คำว่าความหลง นี่หลงอะไรอีก
นอกจากบุคคลที่มาเจริญสติให้ต่อเนื่อง ให้เชื่อมโยงแล้วก็รู้เท่าทัน จนใจของเราคลายออกจากความคิด คลายออกจากขันธ์ห้า ซึ่งเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’ ใจก็จะว่าง กายก็จะเบา ความรู้ตัวนี่ก็จะตามดู เห็นการเกิดการดับของความคิด ซึ่งเรียกว่า ‘เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในขันธ์ห้า’ ของตัวเราเองจริง ๆ ว่าเขาเกิดอย่างไร เขาตั้งอยู่อย่างไร เขาดับลงไปอย่างไร เขาดับลงไปแล้ว ความว่างเปล่าเข้ามาปรากฏ เรื่องใหม่เข้ามาอีก ทำไมใจถึงเข้าไปรวมจนเป็นสิ่งเดียวไปด้วยกัน
บุคคลที่มีความเพียรที่ต่อเนื่อง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ลักษณะของคำว่า ‘ปัจจุบัน’ เป็นลักษณะอย่างไร ต้องแยกให้ได้ ให้รู้ให้ชัดเจน รู้ลักษณะของใจให้ชัดเจน จนกว่าเราจะละกิเลสได้หมดจด วางใจของเราให้เป็นอิสระภาพจริง ๆ ก็ต้องพยายามกัน เพราะว่าทุกดวงวิญญาณนั้นปรารถนาที่จะหาทางดับทุกข์ บางทีก็ถึงช้า บางทีก็ถึงเร็ว บางทีก็ไปแวะที่โน่นบ้าง บางทีก็หลงจมปลักไปเลยก็มี เราต้องมาแก้ไข ได้เท่าไร เราก็รีบแก้ไข อย่าไปปิดกั้นตัวเรา ว่าไม่มีโอกาส ว่าไม่มีวาสนา ทุกคนมีบุญกันหมด แต่มีมาก มีน้อย ทำความเข้าใจมาก ทำความเข้าใจน้อย ก็ขึ้นอยู่กับความเพียรที่ถูกต้อง
เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างก็ตกอยู่ในไตรลักษณ์ นอกจากนิพพานเท่านั้นแหละที่ไม่ต้องเกิดกัน คือความเที่ยงของจิตวิญญาณ การไม่เกิด
วิญญาณเที่ยง วิญญาณที่ปราศจากการเกิด คลายความหลง สติปัญญาทางโลกีย์มี เราพยายามเจริญสติเข้าไปแยก เข้าไปคลาย กลับเอาสติปัญญาทางโลกีย์เปลี่ยนเป็นปัญญาธรรม
ให้ใจของเรารับรู้ ถ้าเรายังคิดพิจารณาในธรรม ใจยังเกิดอยู่ ก็ยังเป็นกิเลสธรรมอยู่ อยากจะคิดพิจารณาให้ใจรับรู้ จะคิดเรื่องโลก คิดพิจารณาเรื่องโลก เรื่องธรรม ก็เป็นปัญญาธรรม ถ้าใจของเราวาง ว่าง รับรู้อยู่ แต่เวลานี้ใจของเราทั้งเกิด ทั้งหลง บางทีอาจจะควบคุมอยู่ได้ในแค่ความสงบ ก็เพียงแค่ความอยู่ ก็ต้องรู้ความจริงให้ได้ ทำความจริงให้ปรากฏขึ้นที่ใจของตัวเรา จะละได้หรือละไม่ได้ก็ค่อยว่ากัน ขยันหมั่นเพียรทั้งสมมติ ทั้งวิมุตติ อย่าพากันเกียจคร้าน เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างก็เอื้ออาศัยกันอยู่ อิงอาศัยกันอยู่ ต้นไม้ใหญ่ ก็มีทั้งราก ทั้งต้น ทั้งแก่น ทั้งกระพี้
ขันธ์ห้าของเราก็มีหมด มีเหมือนกันหมดนั่นแหละ เราต้องทำความเข้าใจจนกว่าจะถึงวาระเวลา ที่จะต้องได้พลัดพรากจากกัน ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนเป็น ก็ต้องได้พลักพรากจากกันตอนตาย แต่เราต้องแก้ไขตัวใจของเราให้วาง ให้ว่าง ให้คลายจากความยึดมั่นถือมั่นให้ได้ ความจริงนั้นมีมาตั้งนาน ท่านก็สอนเรื่องชีวิตของเรา ก็ต้องพยายาม
สร้างความรู้สึกรับรู้ ตามความรู้สึกรับรู้ สัมผัสของลมหายใจให้ชัดเจน วางภาระหน้าที่ สมมติเราก็วางมาแล้ว ดับความคิด เราหยุดความคิดเสียก่อน สูดลมหายใจยาว ๆ ทำกายให้โล่ง สมองให้โปร่ง อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวขณะนี้ก็ให้รู้ว่าลมหายใจวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน
อันนี้เพียงแค่การสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องกันสักนาที สองนาทีก็ยังดี ถึงจะเอาไปใช้การใช้งานไม่ได้ ก็ให้สร้างตรงนี้ให้เกิดความเคยชิน สักวันนึงเราก็คงจะเห็นการเกิด การดับของใจของเราได้ชัดเจน
พากันไหว้พระพร้อม ๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจให้รู้เท่าทันทุกอิริยาบถ