แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
หลวงพ่อฝากไว้ ลำดับที่ 89
วันที่ 26 กันยายน 2557
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง เราได้วิเคราะห์กาย วิเคราะห์ใจของเราแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสียนะ ลูก ๆ หลาน ๆ นักเรียนก็เหมือนกัน นั่งตามสบาย อย่าไปหยอกล้อ พูดเล่น คุยกัน
หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่าง ๆ เอาไว้ แล้วก็ควบคุมกายให้อยู่ในความสงบ ตั้งมั่น ฟังไปด้วย น้อมสำเหนียก ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาว ๆ ลึก ๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาว ๆ พยายามฝึกให้เกิดความเคยชิน ความเคยชินเก่า ๆ ความคิดเก่า ปัญญาเก่าที่เราศึกษาเล่าเรียนมา อันนั้นก็เป็นปัญญาของสมมติ ปัญญาของโลกียะ
ก็ต้องพยายามศึกษาทั้งโลกทั้งธรรม ปัญญาของสมมติก็เพื่อที่จะไปทำความเข้าใจของปัญญาธรรม ปัญญาวิมุตติ ถ้าปัญญาทางสมมติไม่มี เราก็ไม่เข้าใจในทางปัญญาธรรม เพราะว่าต่างฝ่ายต่างอิงต่างอาศัยกันอยู่ ใจของทุกคนนี้เป็นบุญ ถึงได้เกิดมาอยู่ในภพของมนุษย์ แต่ก็ยังหลงอยู่ มาหลงเกิด ความเกิดนั้นมีอยู่ ถ้าไม่เกิดก็ไม่หลง แต่มาหลงเกิดอยู่ในภพของมนุษย์
ภพของมนุษย์นี้มีอานิสงส์มากมาย ที่จะทำความเข้าใจให้รู้แจ้งเห็นจริงได้ พระพุทธองค์ท่านถึงได้เกิดมาอยู่ในภพของมนุษย์ แล้วก็มาค้นพบ ทำความเข้าใจ รู้แจ้งเห็นจริง แล้วก็มาแนะแนวทาง สอนให้กับสัตว์โลกได้เดินตาม การที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์นี้ก็นับว่าเป็นสัตว์ที่ประเสริฐ เราต้องพยายามทำความเข้าใจ ดำเนินชีวิตของเรา จากน้อย ๆ ไปหามาก ๆ ค่อยพัฒนาขึ้นไปเรื่อย ๆ กำลังสติกำลังปัญญาของเราก็จะค่อยพัฒนาขึ้นไปเรื่อย ๆ ไม่ใช่ว่าจะทำปุ๊บมันจะได้ปั๊บ ค่อยเป็นค่อยไป
แต่ละวันความขยันหมั่นเพียรของเรามีเพียงพอหรือไม่ ความเสียสละ ความอดทน รู้จักอบรมกาย อบรมวาจา อบรมใจของเราอยู่ตลอดเวลา ไม่ปล่อยเวลาทิ้ง ไม่ใช่เอาตั้งแต่เล่นสนุกสนานกัน อะไรที่จะเป็นประโยชน์ เราก็พยายามทำ ใหม่ ๆ ก็อาจจะเป็นการฝืน เป็นการทวนกระแสกิเลส เพราะว่าใจแต่ละดวงเขาชอบคิด เขาชอบเที่ยว เขาหลงเที่ยว เขาหลงมาตั้งนาน เขาถึงเกิด เขาถึงหลงมาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ ขณะยังอยู่ในกายเนื้อของเรา เขาก็ยังหนีไปเที่ยวต่อ เขาก็ยังมีเพื่อนคืออาการของขันธ์ห้า เข้ามาชวนกันไปเที่ยวต่อ บางทีก็ถูกบ้างผิดบ้างในระดับของสมมติ แล้วก็ส่งเสริมกันไป
แต่ในหลักธรรมแล้ว เราต้องเจริญสติเข้าไปอบรมใจ ชี้เหตุชี้ผล มองเห็นความเป็นจริง เขาเรียกว่า ‘สัมมาทิฏฐิ’ ใจที่คลายออกจากขันธ์ห้า ออกจากความคิด ใจว่างรับรู้ ใจเกิดกิเลสเราก็รู้จักหยุดรู้จักดับ เปลี่ยนจากความอยากที่เกิดจากตัวใจ เป็นความต้องการของสติปัญญาเข้าไปทำหน้าที่แทน แม้แต่สติปัญญาถ้าเป็นอกุศล เราก็ยังไม่ให้เกิดอีก กว่าจะเข้าใจได้ เราก็ต้องพยายามดำเนิน สร้างความเพียรอยู่ตลอดเวลา จนถึงจุดหมายปลายทาง
ใหม่ ๆ นี่ก็ต้องขยัน มีความเพียรเป็นเลิศในการวิเคราะห์ ในการสังเกต ในการละกิเลส ผิดบ้างถูกบ้าง ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ เพียงแค่ระดับสมมติเราก็พยายามขยันหมั่นเพียรให้เต็มที่ เรามาฝึกฝนตัวเรา แก้ไขตัวเรา ตื่นขึ้นมาเราจะควรทำอะไรก่อนอะไรหลัง อะไรที่เรารับผิดชอบ รับผิดชอบต่อตัวเรา ต่อคนอื่น ต่อครอบครัว จนล้นออกไปสู่หมู่สู่คณะ
แม้แต่วาจาของเรา พูดออกไปแล้วกระทบกระทั่งคนโน้นคนนี้ กระทบกระทั่งตัวเราเองหรือไม่ มีความเป็นกลาง มีประโยชน์หรือไม่ บุคคลเช่นนี้แหละ ถ้าพิจารณาดูอยู่บ่อย ๆ ซักวันหนึ่งกำลังสติปัญญาแก่กล้าขึ้นมา ก็จะถึงเข้าถึงธรรม รู้จักธรรม รู้จักใจตัวเอง รู้จักควบคุมใจตัวเอง แล้วก็รู้จักแก้ไขสมมติให้เกิดประโยชน์ ประโยชน์ใกล้ ประโยชน์ไกล ประโยชน์ในทางสมมติ ประโยชน์ในทางวิมุตติ
อย่าพากันเกียจคร้าน จงพยายามพากันขยันหมั่นเพียร ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน อยู่บ้าน อยู่ไร่ อยู่นา อยู่โรงเรียน ที่ทำการทำงานต่าง ๆ เราก็ดูใจของเรา แก้ไขใจของเรา จงเป็นบุคคลที่มีความเป็นระเบียบ รักความสะอาด ช่วยเหลือตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น จนล้นออกไปสู่หมู่สู่คณะ มันจะเป็นลูกโซ่ จนกระทั่งหมดลมหายใจนั่นแหละ เราก็ต้องพยายามกัน ไม่ว่าพระ ว่าโยม ว่าชี ก็ขอให้ทุกคนจงพยายาม ซักวันหนึ่งก็คงจะถึงจุดหมายปลายทางกันทุกคน
เอาล่ะวันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อม ๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจกันเอานะ