แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ตามความเป็นจริง ลำดับที่ 87
วันที่ 12 พฤศจิกายน 2557
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้ สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจน แล้วก็ให้ต่อเนื่อง ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมา ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ พวกท่านได้สร้างความรู้ตัว พวกท่านได้วิเคราะห์ใจของตัวเอง แล้วหรือยัง อะไรคือสติ ความรู้ตัวอยู่ปัจจุบันที่ต่อเนื่องเป็นลักษณะอย่างไร ใจที่ปกติเป็นลักษณะอย่างไร การเกิดของใจ อาการของใจเป็นลักษณะอย่างไร ต้องรู้ให้ชัดเจน
ซึ่งส่วนใจนั้นเป็นส่วนนามธรรม เรารู้ด้วยลักษณะอาการของการเกิด รู้ลักษณะของความปกติ รู้ด้วยความว่าง ความรู้สึกรับรู้ ใจนี้เป็นธาตุรู้ แต่เขายังหลงอยู่ เพราะเค้ายังเกิดอยู่ ยังหลงเกิด บางทีก็มีความอยาก ความยินดียินร้าย บางทีก็มีความอิจฉาริษยาเข้าไปเจือปนอยู่ เราต้องมาสร้างผู้รู้ สตินี่แหละ เขาเรียกว่า ‘ผู้รู้’ แล้วก็รู้ให้ต่อเนื่อง แล้วก็ไปอบรมใจของตัวเรา แต่ผู้รู้ของเรามีกำลังไม่เพียงพอ ก็เลยเอาตั้งแต่ความคิด ปัญญาที่เกิดจากตัววิญญาณ กับอาการของวิญญาณ เข้าไปครอบงำ เข้าไปบงการ ถูกก็ถูกเลย ผิดก็ผิดเลย ทั้งที่ความหลงอยู่ในกองนี้อยู่ ก็มาเจริญสติเข้าไปสังเกต เข้าไปวิเคราะห์ จนกว่าใจของเราจะคลายออกจากความคิด พลิกหงายจากของที่คว่ำ แยกรูปแยกนาม ตามดูรู้เห็น ตามความเป็นจริง ชี้เหตุชี้ผลทุกอย่าง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา จนกระทั่งนอนหลับ จนหมดความสงสัยได้ ทีนี้เราจะละได้หรือละไม่ได้ ก็จัดการด้วยปัญญาของเรา
ทุกคนก็มีใจที่ปรารถนาจะหาทางหลุดพ้น หาทางดับทุกข์ กลับคืนสู่สภาพเดิม คือความสะอาด ความบริสุทธิ์ บางคนก็หลงไปบ้าง บางคนก็พลั้งเผลอไปบ้าง ก็เริ่มต้นใหม่ เริ่มต้นอยู่บ่อย ๆ จนกว่าจะดำเนินให้ถึงจุดหมายปลายทาง บอกตัวให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น แก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเราอยู่ตลอดเวลา
พระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องของเราทั้งนั้น ไม่ได้สอนเรื่องของคนอื่น
ถ้าเราไม่รู้จักแก้ไขตัวเรา บอกตัวเองไม่ได้ ใช้ตัวเองไม่เป็น แล้วก็อย่าไปเที่ยวให้คนอื่นเขาสอน ไม่มีประโยชน์ จงสอนตัวเอง แก้ไขตัวเอง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาว่าเราขาดตกบกพร่องอะไร แล้วก็รีบแก้ไขกิเลสหยาบ กิเลสละเอียดเป็นอย่างไร กายวิเวกเป็นอย่างไร ใจวิเวกเป็นอย่างไร ภาระหน้าที่การงานเป็นอย่างไร อะไรคือโลกธรรม อะไรคือสมมติ อะไรคือวิมุตติมีหมด
สมัยก่อนนี้หายากอยู่ ตำราครูบาอาจารย์ก็หายากอยู่ ทุกวันนี้มีกันเต็มพรืดเลย เว้นแต่ว่าเราจะหยิบจะยก จะเอาฉวยมาพิจารณาตัวเราหรือไม่เท่านั้นเอง ถ้าคนมีอานิสงส์ มีบุญ มีความขยัน หมั่นเพียร อยู่ป่าอยู่เขา อยู่ดงกลางเมืองกลางเขาอะไร ก็ย่อมจะเข้าใจตัวเอง
ถ้ารู้จักวิเคราะห์พิจารณา อะไรคือสติ อะไรคือปัญญา การละกิเลสหยาบเป็นอย่างนี้ ละกิเลสละเอียดเป็นอย่างนี้ สมมติเป็นอย่างนี้ วิมุตติเป็นอย่างนี้ ลักษณะใจที่ปราศจากเป็นลักษณะอย่างนี้ การพัฒนาเขาก็จะค่อยพัฒนาไปเรื่อย ๆ การได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน ก็เป็นแค่เพียงสื่อภาษาสมมติเท่านั้นเอง
เราจงพยายามทำปรากฏให้เห็นที่ใจของเรา ก็จะเข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์ ว่าพระพุทธเจ้ายังอยู่ ท่านยังอยู่กับเราอยู่ ใครเห็นธรรมคนนั้นเห็นพระพุทธเจ้า ใครเห็นพระพุทธเจ้าคนนั้นเห็นธรรม หมายถึงเห็นใจของเรา เราก็พยายามละกิเลสออกให้ใจสะอาดบริสุทธิ์ เราก็จะอยู่กับพระพุทธองค์ หมดความสงสัย หมดความลังเล มองเห็นหนทางเดิน
ก็ต้องพยายามนะ ทำทุกอย่างที่เป็นบุญเป็นกุศล ทั้งสมมติทั้งวิมุตติ สร้างเข้าพกเข้าห่อของเรา สักวันหนึ่งเราก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน
สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจให้ชัดเจน
พากันไหว้พระพร้อม ๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถนะ