แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ตามความเป็นจริง ลำดับที่ 84
วันที่ 20 กันยายน 2557
ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจน แล้วก็ให้ต่อเนื่องกันสักพักนึง ไม่สักพักหรอก เริ่มเลย
นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย ทำใจให้ปกติ ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาว ๆ ลึก ๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาว ๆ เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออก ความรู้สึกรับรู้ที่ต่อเนื่องเชื่อมโยง พวกเราก็ขาดการสร้างความรู้ตัวตรงนี้
เพราะว่าความเคยชิน ความคิดที่เกิดจากใจเขาคิดไปก่อน หรือความคิดที่เกิดจากอาการของขันธ์ห้ากับใจเขารวมกันไปก่อน เราไปมั่นหมายเอาความคิดตรงนั้น ว่าเป็นความคิดของเรา เขาเป็นของเราอยู่ในระดับของสมมติ เพียงแค่การเกิด ใจเขาก็หลงอยู่ เขามาสร้างกายเนื้อ มาสร้างภพของมนุษย์ มาสร้างขันธ์ห้า นี่เขาหลง ความหลงตรงนี้ปิดเอาไว้ เขาเรียกว่า ‘สมมติครอบงำวิมุตติ’ ไว้อยู่ เราถึงมาเจริญสติเน้นลงอยู่ที่กายของเรา
แล้วก็ให้ต่อเนื่อง แล้วก็ทำให้ต่อเนื่อง ความรู้ตัวพลั้งเผลอเริ่มใหม่
เพียงแค่หายใจเข้าออกให้เป็นธรรมชาติ เราก็ขาดการสังเกต ขาดการวิเคราะห์ ก็เลยพลาดโอกาสที่จะรู้การเกิดของใจ รู้ลักษณะอาการของใจ อาการของขันธ์ห้า ที่ท่านว่าเป็นกองเป็นขันธ์ เป็นเรื่องเป็นราว
เราต้องวิเคราะห์ตัวของเรา บอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น หมั่นพร่ำสอนใจ ปัญญา เจริญสติจนกลายเป็นมหาสติ จากมหาสติ ถ้าแยกได้ ตามทำความเข้าใจได้ ก็จะกลายเป็นปัญญา จากการตามทำความเข้าใจให้รู้เรื่องทุกเรื่อง ก็จะกลายเป็นมหาปัญญา จนเป็นปกติ สติ สมาธิ ปัญญา
ใจที่สงบปราศจากการเกิด ปราศจากขันธ์ห้า ปราศจากกิเลส กิเลสหยาบ กิเลสละเอียด ความเป็นกลาง ความว่าง คำว่า ‘อัตตากับอนัตตา’ เราจะต้องทำความเข้าใจให้หมดทุกเรื่อง แต่เวลานี้การเจริญสติ ที่จะเข้าไปรู้ต้นเหตุของการเกิดของใจ ของการคลายของใจกับขันธ์ห้าตรงนี้ยังมีไม่เพียงพอ ทั้งที่ตบะบารมีส่วนอื่นนั้นก็ทำกันมาดี ศรัทธาความเชื่อ ความเสียสละ ความอดทน ผ่านการผ่านเวลา ทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม แต่การสังเกต อดทนอดกลั้น ตบะที่จะเข้าไปดูรู้ฐานของใจตรงนี้แหละ พากันพลั้งเผลอ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาใจส่งออกไปภายนอกสักกี่เรื่อง ใจปรุงแต่งสักกี่ครั้ง เหตุจากภายนอกทำให้ใจเกิดสักกี่ครั้ง ตรงนี้ไม่ค่อยจะสนใจกัน
ไม่ต้องไปกลัวว่าจะไม่ได้คิด ไม่ต้องไปกลัวว่าจะไม่มีปัญญา ขอให้เจริญสติเข้าไปดู ไปรู้ ไปเห็น ไปวิเคราะห์ ไปทำความเข้าใจ อะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรที่จะเอาไปดำเนินกับชีวิต มันมีหมดนั่นแหละ ขอให้พวกท่านจงพากันไปทำเถอะ อย่าพากันไปมองข้าม ดูรู้ต้นเหตุให้ทัน แต่เวลานี้กำลังสติมันไม่ต่อเนื่อง เราก็ยังไม่รู้จักเอาสติไปใช้ เอาปัญญาไปใช้ไปวิเคราะห์ให้ได้เต็มที่ ก็ต้องอดทนอดกลั้น ค่อยทำค่อยเป็น ค่อยไป ไม่ว่าพระ ว่าโยม ว่าชี
สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจเข้าออกให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงกันนะ
พากันไหว้พระพร้อม ๆ กันค่อยไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ