แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
หลวงพ่อฝากไว้ ลำดับที่ 72
วันที่ 12 สิงหาคม 2557
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ ทำความสงบให้มี ให้เกิดขึ้นที่ใจของเรา ด้วยการสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย ไม่ต้องพนมมือ
ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมา เราได้รู้จักวิธีการเจริญสติแล้วหรือยัง เราได้สำรวจกายของเรา สำรวจใจของเราแล้วหรือยัง ใจของเราปกติ ใจของเราสงบ ใจของเราปราศจากกิเลส หรือว่าใจของเรามีความกังวล มีความฟุ้งซ่าน หรือว่ามีความทะเยอทะยานอยาก เรารู้จักวิธีแก้ไขใจของเราแล้วหรือยัง เราได้เจริญสติเข้าไปอบรมใจของเราหรือเปล่า
ทุกเรื่องในชีวิต ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา การดำเนินชีวิตทั้งทางสมมติทั้งทางวิมุตติ เป็นเรื่องของตัวเราเอง ไม่ใช่เรื่องของคนอื่น อะไรควรทำก่อน อะไรควรทำหลัง มองให้เห็นตามความเป็นจริง เราไม่เข้าใจความเป็นจริง เราถึงอาศัยปัญญาของผู้รู้ อาศัยปัญญาของพระพุทธองค์ที่ท่านได้ค้นพบ ลักษณะของสติที่รู้ตัวอยู่ปัจจุบัน รู้กายอยู่ปัจจุบันที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงเป็นอย่างนี้ การควบคุมจิตควบคุมอารมณ์เป็นอย่างนี้ จนกว่าใจของเราจะคลายออกจากความคิด หรือว่าวิญญาณในขันธ์ห้าของเรา แยกออกคลายออก คลายความหลง แล้วก็ละกิเลสออกจากจิตจากใจของเรา
ทุกคนก็หลงกันหมดทุกคน ถ้าไม่หลงไม่เกิด เพียงแค่การเกิด อันนี้ก็หลง ถ้าไม่หลงไม่เกิด เกิดมาสร้างภพมนุษย์ สร้างขันธ์ห้ามาปิดกั้นตัวใจ ตัววิญญาณเอาไว้ ในหลักธรรมท่านถึงให้เจริญสติเข้าไปคอยวิเคราะห์ คอยสังเกต ว่าวิญญาณในกายของเราเป็นลักษณะอย่างไร การเกิดของวิญญาณเป็นอย่างไร การเกิดอาการของวิญญาณเป็นอย่างไร ทำไมวิญญาณถึงเกิดกิเลส บางคนก็เรียกว่า ‘วิญญาณ’ บางคนก็เรียกว่า ‘ใจ’ ในหลักธรรมเขาเรียกว่า ‘วิญญาณในขันธ์ห้าของเรา’ ซึ่งเป็นฝ่ายนามธรรม อะไรคือส่วนรูป อะไรคือส่วนนาม
ใจทุกดวงปรารถนาอยากจะได้บุญ อยากจะรู้ธรรม ถึงได้พากันมาทำบุญ ถวายทานกัน ฝักใฝ่ในการทำบุญ ในการให้ทาน เราอย่าหยุดอยู่เพียงแค่นี้ จงพยายามเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ เห็นเหตุเห็นผล ชี้เหตุชี้ผล มองให้เห็นความเป็นจริง ว่าในกายของเรานี้มีอะไรดี ๆ เยอะ กายของเราทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร การเกิดของจิตของวิญญาณเป็นอย่างไร มีเรื่องเดียวเท่านี้แหละ ที่จะต้องศึกษา ถ้าออกนอกตัว นอกกาย นอกใจแล้วก็เป็นอานิสงส์บุญระดับของสมมติเท่านั้นเอง เราจงพยายามเข้าให้ถึงตัวใจของเราให้ได้เสียก่อน ค่อยยังสมมติทุกอย่างให้เป็นประโยชน์ ให้เป็นบุญ ก็จะได้ไม่เสียทีเสียเที่ยวที่ได้เกิดมา แล้วก็อย่าไปปิดกั้นตัวเราเอง ว่าไม่มีโอกาส ว่าไม่มีเวลา ทุกคนมีโอกาส ทุกคนมีเวลา ทุกคนก็มีบุญ จะมีมากมีน้อย ก็ค่อยมาสร้างสะสม มาทำความเข้าใจต่อกันเอา
บุญระดับใกล้ ระดับไกล ประโยชน์ใกล้ ประโยชน์ไกล กายของเราทำหน้าที่อย่าไร โลกธรรมเขามีอย่างไร เขาเป็นอย่างไร ทำไมใจของเราถึงเกิดความทุกข์ ทำไมใจของเราถึงเกิดกิเลส เราค่อยขัดเกลาตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา อบรมตัวเรา บอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น แต่วิธีการบอก วิธีการใช้นี่แหละ การเจริญสตินี่แหละ คำว่า ‘สติรู้ตัวอยู่ปัจจุบัน’ ทุกขณะลมหายใจเข้า แล้วก็หายใจออก ให้ต่อเนื่อง เชื่อมโยง เขาเรียกว่า ‘ปัจจุบันธรรม’ ต่อไปข้างหน้าก็ ‘ปัจจุบันจิต’ คือทุกขณะจิต จิตหรือว่าวิญญาณรับรู้ทุกขณะ ทุกเวลา เขาเรียกว่า ‘ปัจจุบัน’
แต่เวลานี้จิตของเราทั้งเกิดด้วย หลงด้วย วิ่งด้วย ทั้งสติปัญญาของเราเนี่ยจะมีอยู่บ้าง แต่มันไม่เชื่อมโยง ไม่ต่อเนื่อง ไม่สามารถที่จะเอาไปอบรมใจ ไปแก้ไขใจ ไปขัดเกลากิเลสได้ เราถึงให้มาฝึก ท่านถึงให้มาฝึก มาฝึก มาสร้างตบะ สร้างบารมี ให้มีให้เกิดขึ้น เรามีความเกียจคร้าน เราก็พยายามละความเกียจคร้าน เพิ่มความขยันหมั่นเพียร เพิ่มความรับผิดชอบ เรามีความโลภ เราก็พยายามละความโลภ คลายความโลภด้วยการเอาออก ด้วยการให้ เรามีความโกรธ เราก็พยายามละความโกรธ รู้จักดับ รู้จักหยุด แล้วก็รู้จักให้อภัย อโหสิกรรม จัดระบบระเบียบของความคิด ของอารมณ์ ตั้งแต่กาย แล้วก็วาจา แล้วก็ใจ ในเรื่องตัวใจนั้นต้องแยกต้องคลายอีก จากความคิด ออกจากอารมณ์อีก ให้เขารับรู้ ไม่ให้เขาเกิด ไม่ให้เขาส่งออกไปปรุงแต่ง ส่งออกไปภายนอก
แต่ละวันตื่นขึ้นมา กิเลสเกิดขึ้นกับเราสักกี่ครั้ง เกิดขึ้นที่ตัวใจโดยตรงหรือเหตุจากภายนอกมาทำให้เกิด หรือเกิดขึ้นจากภายใน กิเลสหยาบหรือว่ากิเลสละเอียด กุศลหรือว่าอกุศล เราต้องศึกษาให้ละเอียด เพราะมันมีอยู่ในกายของเรา เราพยายามเจริญสติเข้าไปอบรมใจ หมั่นพร่ำสอนใจของเรา ไม่เข้าใจวิธี ไม่เข้าใจแนวทาง ครูบาอาจารย์ ตำราก็มีชี้บอก แล้วก็ปฏิบัติให้มี ให้เห็น ให้เกิดขึ้นที่ใจของเรา หมดความสงสัย หมดความลังเล มีตั้งแต่จะเดินให้ถึงจุดหมายปลายทางกัน
การได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน ทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม แต่การลงมือล่ะ เราต้องพยายามลงมือ ดู รู้ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา กายวิเวกเป็นอย่างนี้นะ ใจวิเวกเป็นอย่างนี้นะ ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างนี้นะ เอาการงานเป็นการปฏิบัติ ทำงานไปด้วย ใจรับรู้ไปด้วย ผิดพลาดแก้ไข ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ สักวันหนึ่งเราก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง เสียดายเวลา เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออกก็ขาดการสนใจกันมากเลยทีเดียว
สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจให้ชัดเจน อยู่หลายคนก็เหมือนอยู่กับคนเดียว อยู่คนเดียวขณะนี้ก็ให้รู้ว่าลมวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกันนะ
พากันไหว้พระพร้อม ๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจกันเอานะ