PAGODA

  • Create an account
  • Forgot your username?
  • Forgot your password?
or

Connection

Your e-mail is required to ensure the proper functioning of the Website and its services and we make a commitment not to reveal it to third parties

  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ
PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ

เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก

เข้าสู่ระบบ

  • สมัครสมาชิก
  • ลืมชื่อผู้ใช้?
  • ลืมรหัสผ่าน?

Search

  • หน้าแรก
  • เสียง
  • พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
  • หลวงพ่อฝากไว้68
หลวงพ่อฝากไว้68 รูปภาพ 1
  • Title
    หลวงพ่อฝากไว้68
  • เสียง
  • 11911 หลวงพ่อฝากไว้68 /aj-sumran/68-2.html
    Click to subscribe
    • Share
    • Tweet
    • Email
    • Share
    • Share

ผู้ให้ธรรม
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
วันที่นำเข้าข้อมูล
วันศุกร์, 30 มิถุนายน 2566
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้
  • แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]

  • หลวงพ่อฝากไว้  ลำดับที่ 68

    วันที่ 3 สิงหาคม 2557

    เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสียนะ หยุดความนึกนิดปรุงแต่งต่าง ๆ เอาไว้ชั่วคราว ดับความคิด ดับความกังวล ความฟุ้งซ่านต่าง ๆ เอาไว้ ชั่วครั้งชั่วคราว ถึงเราละไม่ได้เด็ดขาด ฟังไปด้วย น้อมสำเหนียก

    ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาว ๆ ลึก ๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาว ๆ ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรานั่นแหละ เขาเรียกว่า ‘สติรู้กาย’ ถ้ารู้ให้ต่อเนื่อง เขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ มีความรู้ตัวทั่วพร้อม เราพยายามสร้างขึ้นมาให้เกิดความเคยชินตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ ยืน เดิน นั่ง นอน กิน อยู่ ขับถ่าย ให้เป็นแค่เพียงอิริยาบถ

    ถ้าเรามีความรู้ตัวที่ต่อเนื่อง เราก็จะรู้ลึกลงไปอีก ว่าความปกติของใจเป็นอย่างไร ลักษณะของใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างไร อาการของขันธ์ห้าหรือว่าความคิดที่เราไม่ได้ปรุงแต่ง วิญญาณในกายของเราเป็นอย่าง เราก็จะเห็นเข้าไปเรื่อย ๆ ว่าในกายของเรานี้มีอะไรดีเยอะ เป็นละครโรงใหญ่เลยทีเดียว ซึ่งมีวิญญาณเข้ามาสร้าง มาครอบครอง เราต้องมาสร้างผู้รู้ มาเจริญสติให้ต่อเนื่อง แล้วก็เอาไปใช้การใช้งาน เห็นเหตุเห็นผล ตามดูรู้เหตุรู้ผล ชี้เหตุชี้ผลว่าพระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องอะไร

    คำว่า ‘สัมมาทิฏฐิ’ ความรู้แจ้งเห็นจริง ความเห็นถูกเป็นอย่างไร ‘มิจฉาทิฏฐิ’ ความเห็นผิด เห็นผิดอะไร เห็นถูกอะไร เห็นถูกในกายของเรา เห็นถูกในขันธ์ห้าของเรา การพูดจา การดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง การบริหารกายบริหารใจที่ถูกต้องเป็นลักษณะอย่างไร มีหมดอยู่ในกายในคำสอนของพระพุทธองค์

    ท่านสอนวิธีการที่จะเข้าถึง ท่านสอนวิธีการที่จะขัดเกลากิเลส แต่พวกเราทั่วไปนั้นอาจเห็นถูกอยู่ในระดับปัญญาของโลกีย์ แต่ในทางธรรมแล้ว เราต้องมาเจริญสติเข้าไปแยก เข้าไปคลาย เข้าไปตามดู รู้เหตุรู้ผลทุกเรื่อง ในกายของเรา ว่าวิญญาณในกายของเรา วิญญาณในขันธ์ห้าของเรา หรือที่เรียกว่า ‘ใจ’ นั่นแหละเป็นลักษณะอย่างไร ทำไมใจถึงเกิด ทำไมใจถึงหลง ทำไมใจถึงเป็นทาสของกิเลส ‘กิเลสหยาบ กิเลสละเอียด’ เป็นอย่างไร คำว่า ‘ภพ’ ว่า ‘ชาติ’ เป็นอย่างไร

    ความหมายการพูดการจาก็เป็นแค่เพียงการสื่อ สื่อความหมาย สื่อแนวทาง การได้ยินได้ฟัง ได้อ่าน ก็เป็นแค่เพียงการสื่อสารกันเท่านั้น ในหลักธรรมจริง ๆ แล้ว เราต้องพยายามสร้างขึ้นมาให้รู้ให้เห็น แล้วทำความเข้าใจ ขัดเกลากิเลสออกจากจิตจากใจของเราให้หมด ทำความเข้าใจกับสมมติ ทำความเข้าใจกับโลกธรรม ให้ปรากฏขึ้นที่ใจของเรา ท่านถึงบอกให้เชื่อ มองเห็นหนทางเดินของตัวเราว่า กายแตกดับแล้วเราจะไปอย่างไร จิตวิญญาณของเราจะไปอย่างไร มาอย่างไร เราก็ต้องพยายาม

    ไม่เข้าใจเราก็ยิ่งเพิ่มความเพียรให้เป็นทวีคูณ ยิ่งไม่เข้าใจเท่าไหร่ เราก็ยิ่งเพิ่มความเพียร อย่าไปมองข้ามในสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ การสร้างตบะ สร้างอานิสงส์ สร้างบุญ สร้างบารมี ความเสียสละ เสียสละวัตถุทาน กิเลสทานต่าง ๆ จนกว่าจะเข้าถึงปรมัตถทาน สมมติ ความจริงของสมมติก็มีอยู่ ความจริงของวิมุตติก็มีอยู่

    บุคคลที่มีบุญมีอานิสงส์ ฟังนิดเดียว การเจริญสติที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างนี้ การละกิเลสเป็นอย่างนี้ การดับความเกิดเป็นอย่างนี้ กายวิเวกเป็นอย่างนี้ ใจวิเวกเป็นอย่างนี้ ทวารทั้งหกของเราทำหน้าที่อย่างนี้ หมดความสงสัย หมดความลังเล มีตั้งแต่จะขัดเกลากิเลสออกจากจิตจากใจของตัวเราให้หมดจด ก่อนที่ธาตุขันธ์ของเราจะแตกจะดับ

    อย่าไปปิดกั้นตัวเราเองว่าไม่มีโอกาส ทุกคนมีโอกาส ทุกคนมีเวลา พยายามปรับสภาพใจของเราให้ถูกตามแนวทางของพระพุทธองค์เท่านั้นเอง รู้ด้วย เห็นด้วย เข้าถึงด้วย หมดความสงสัยได้ด้วย เราก็จะได้อยู่กับบุญ ใจก็จะเป็นบุญ กายก็จะเป็นบุญตลอดเวลา

    สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจน ให้ต่อเนื่องกัน อันนี้เป็นแค่เพียงอุบาย เป็นแค่เพียงการชี้แนะแนวทางให้เท่านั้นเอง อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวขณะนี้ก็ให้รู้ว่าลมหายใจวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกันนะ

    พากันไหว้พระพร้อม ๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจกันเอา

logo

  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • จดหมายข่าว
  • Privacy Policy
  • Terms of Service