แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ตามความเป็นจริง ลำดับที่ 61
วันที่ 23 กรกฎาคม 2557
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ ตั้งแต่เช้าขึ้นมา เราได้สร้างความรู้ตัว เราได้วิเคราะห์กายวิเคราะห์ใจของเราแล้วหรือยัง เป็นเรื่องของเราทุกคนที่จะต้องศึกษาตัวเราเอง ศึกษาใจของเราเอง ว่าการเกิดการดับของใจนี้ มีมาตั้งนาน
ทำไมใจถึงเกิด ทำไมใจถึงหลง ไอ้ตัวรู้ สร้างความรู้ตัวอยู่ปัจจุบันตัวใหม่ เราต้องสร้างขึ้นมาให้เกิดความเคยชิน แล้วก็ให้ต่อเนื่อง รู้ไม่ทันต้นเหตุการเกิดของใจก็รู้จักหยุด รู้จักดับเอาไว้ ถ้ากำลังความรู้ตัวของเรามีมาก ก็จะเห็นใจคลายออกจากอาการของใจ มองเห็นชัดเจน เข้าใจในเรื่องคำสอนของพระพุทธองค์ ปรากฏขึ้นที่ใจของเรา
แต่เวลานี้ใจของเราทั้งเกิดด้วย ทั้งหลงด้วย ทั้งยึดด้วย ทั้งเป็นทาสของความทะเยอทะยานอยาก ความไม่อยาก สารพัดเรื่องที่เขาเกิด ถ้าเราเจริญสติเข้าไปหมั่นพร่ำสอนใจ หมั่นอบรมใจ อยู่คนเดียวเราก็อบรมใจของเรา อยู่หลายคนเราก็อบรมใจของเรา
ความรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเป็นลักษณะอย่างนี้ ความสืบต่อเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจที่เกิดกิเลสเป็นลักษณะอย่างนี้ การละกิเลสเป็นลักษณะอย่างนี้
การคิดด้วยสมอง คิดด้วยสติ คิดด้วยปัญญา ความคิดที่เกิดจากใจ ความคิดที่เกิดจากส่วนสมอง ความคิดที่เกิดจากอาการของขันธ์ห้า มันหลายสิ่งหลายอย่าง เราต้องแจงให้ออก บอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น
กายของเราทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร ภาษาธรรมภาษาโลก มีความสุขในการอบรมใจ ในการดูใจ มีความสุขในการทำความเข้าใจกับชีวิตของตัวเรา ว่าเราขาดตกบกพร่องอะไร สมมติโลกธรรมเป็นอย่างไรในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว ความเป็นระเบียบเรียบร้อยทั้งข้างนอกทั้งข้างใน ความขยันหมั่นเพียรในการขัดเกลากิเลส ลักษณะหน้าตาอาการของกิเลส กิเลสหยาบกิเลสละเอียดเป็นอย่างไร ใจปรุงแต่งร่วม หรือว่าเหตุจากภายนอกทำให้ใจของเราเกิด มีไม่มาก ถ้าเป็นคนที่ขยันหมั่นเพียร
ใหม่ ๆ ก็อาจจะเป็นการฝืน เป็นการทวนกระแส เพราะว่าใจของเราหลงมานาน เกิดมานาน ถ้าไม่พูดความจริงมันก็ยากที่จะเข้าถึงความจริง การพูดการจาก็เป็นแค่เพียงอุบาย เป็นแค่เพียงกระตุ้น บอกวิธีบอกแนวทาง พวกเราก็จงไปทำ
แนวทางนั้นมีมาตั้งนาน พระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบ แล้วก็เอามาเปิดเผย ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่คลายจากขันธ์ห้าเป็นอย่างนี้ ภาษาธรรมชื่ออย่างนั้นชื่ออย่างนี้ ในหลักของความเป็นจริงแล้ว ไม่มีอะไรสักอย่าง มีแต่ความว่างเปล่า มีแต่หลักอนัตตา แต่อัตตาตัวตนในทางสมมตินั้นมีอยู่
ก็ต้องพยายามนะ ไม่ว่าพระ ว่าโยม ว่าชี ต้องขยันหมั่นเพียรกัน เท่าที่เราจะทำได้ ไม่ปล่อยเวลาทิ้ง ถ้าเราเข้าใจในชีวิต นี่จะไม่ปล่อยเวลาทิ้งโดยเด็ดขาด นอกจากเราจะนอนหลับ ยิ่งกำลังกายดี ๆ นี่ มีความสุขมากทีเดียว ทำงานไปด้วย ใจรับรู้ไปด้วย
ใจของเราก่อตัวอย่างไร เขาปรุงแต่งส่งออกไปเป็นเรื่องเป็นราว เป็นกุศลหรือว่าอกุศล ความคิดปรุงแต่งใจของเราได้อย่างไร เรามีความเกียจคร้าน หรือเรามีความรับผิดชอบ จิตใจของเรามีความแข็งกระด้าง มีความแข็งกร้าว หรือมีความอ่อนโยน เราต้องหมั่นวิเคราะห์ หมั่นแก้ไข จนไม่มีอะไรที่จะเหลือเข้าไปละ เข้าไปดับ เหลือแต่สมมติ ก็ทำความเข้าใจกับสมมติ
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงกันสักพักนะ
พากันไหว้พระพร้อม ๆ กัน พากันไปศึกษาทำความเข้าใจกันเอานะ