แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
หลวงพ่อฝากไว้ ลำดับที่ 59
วันที่ 26 มิถุนายน 2557
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้ สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจนแล้วก็ให้ต่อเนื่อง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสียนะ หลวงพ่อเพียงแค่เล่า แค่ชี้แค่แนะ
นั่งตามสบายวางกายให้สบาย แล้วก็วางใจให้สบาย หยุดนึกคิดปรุงแต่ง หยุดเกิดชั่วครั้งชั่วคราว ถึงเราหยุดไม่ได้ ละไม่ได้ ก็ขอให้หยุด นั่งนิ่ง ๆ อย่าไปพูด อย่าไปคุยอย่าไปเล่น เด็ก ๆ ก็ให้นั่งนิ่ง ๆ ฟังไปด้วย
ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาว ๆ ลึก ๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาว ๆ อย่าไปบังคับลมหายใจ การสูดลมหายใจยาว ๆ ผ่อนลมหายใจออกมายาว ๆ กายของเราก็รู้สึกว่าสบายขึ้นเยอะ ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่กระทบปลายจมูกของเรา นั่นแหละ เขาเรียกว่า ‘ความรู้ตัว’ หรือว่ามีสติรู้กาย รู้สัมผัสของลมหายใจ
เวลาหายใจเข้าก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ ลมหายใจออกก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ เราพยายามสร้างความรู้สึกตรงนี้ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ไม่ให้พลั้งเผลอ ถ้าไม่พลั้งเผลอ เขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ มีความรู้ตัวทั่วพร้อม
ตั้งแต่ตื่นขึ้นพยายามฝึกให้เกิดความเคยชิน ยังไม่ให้พิจารณาอะไร ให้สร้างความรู้ตัว ให้รู้เท่าทันการเกิดของใจ รู้ลักษณะของใจ รู้การควบคุมใจ แล้วก็อบรมใจจนกว่าจะเห็นการเกิดของใจ การปรุงการแต่ง จนกว่าจะเห็นความคิด อาการของขันธ์ห้าผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจ นั่นแหละความหลง
ถ้าเรารู้เท่าทัน ใจก็จะคลายออกจากความหลง คลายออกจากขันธ์ห้า ซึ่งเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’
สัมมาทิฏฐิความเห็นที่ถูกต้อง เปิดทางให้ ตามทำความเข้าใจให้ใจรับรู้ เราก็จะเห็นการเกิดการดับของขันธ์ห้า รู้อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ในขันธ์ห้าของตัวเรา รู้วิญญาณในกายของเรา เราจะบริหารอย่างไร เราจะทำหน้าที่อย่างไร เราถึงจะเข้าใจในชีวิตของเรา
ขณะนี้เวลานี้เราติดคุก เราติดคุกนะ คุกใบใหญ่ คุกใบใหญ่ใบน้อย กิเลสต่าง ๆ มาผูกมัดรัดเอาไว้หมด
นอกจากปัญญาของพระพุทธองค์เท่านั้นแหละถึงจะออกจากคุกได้ ด้วยการเจริญสติ ด้วยการเจริญพรหมวิหาร ด้วยการแก้ไขด้วยเหตุด้วยผลด้วยสติด้วยปัญญา
แต่เวลานี้สติปัญญาของเรามีน้อยหรือแทบจะไม่มี สติปัญญาโลกีย์ สติปัญญาทางโลกนั้นมีเยอะเต็มเปี่ยม ผูกมัดรัดดวงใจเอาไว้หมด ใจก็หลงมาตั้งนาน เพียงแค่การเกิดเขาก็หลง เกิดอยู่ในภพมนุษย์ก็มาสร้างขันธ์ห้า มาปิดกั้นตัวเองเอาไว้อีก แล้วก็มาเป็นทาส กิเลสหยาบกิเลสละเอียดปิดกั้นเอาไว้อีก
กิเลสหยาบกิเลสละเอียด มาสร้างภพสร้างชาติจนกว่าจะหมดลมหายใจแล้วก็ยังไปสร้างต่อ นั่นแหละติดคุกใบใหญ่ พยายามรีบหาหนทางออกจากคุกเสีย จะได้ไม่ได้ลำบากในวันข้างหน้า
ก็ต้องพยายามกัน แต่ละวันตื่นขึ้นมาเรามีความขยันหมั่นเพียร เรามีความรับผิดชอบ เรามีความเสียสละหรือว่าเรามีความเห็นแก่ตัว อะไรคือสติ อะไรคือปัญญา อะไรคือเหตุอะไรคือผล พระพุทธองค์ท่านชี้ลงที่เหตุที่ผล เหตุผลทางด้านจิตวิญญาณความเกิดความดับ เหตุผลทางด้านของขันธ์ห้า ว่าเขาเกิดยังไง ใจหลงได้ยังไง ใจรวมได้ยังไง
ถ้าเราสังเกตทันใจคลายออก การตามทำความเข้าใจ เราละอีก อยู่ด้วยปัญญาล้วน ๆ จะอยู่ที่ไหนก็อยู่ด้วยปัญญาล้วน ๆ ก็จะมีตั้งแต่ความสุข ไม่ให้เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่ความเกียจคร้าน ไม่ว่าพระ ว่าโยม ว่าชี ก็พยายามขยันหมั่นเพียร มีไม่มากสนามรบอยู่ที่กายของเรา
กายของเราตื่นขึ้นมา ใจของเราส่งไปภายนอกสักกี่เรื่อง ใจของเราเกิดกิเลสสักกี่ครั้ง เหตุจากข้างนอกมาทำให้เกิดหรือเกิดขึ้นจากข้างใน กิเลสเกิดขึ้นที่กายหรือว่าเกิดขึ้นที่ใจ กายของเราทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร มีความสุขในการดู ในการรู้ ในการแก้ไขตัวเราอยู่ตลอดเวลา เป็นคนมีความจริงใจ มีความขยันหมั่นเพียร ด้วยสติด้วยปัญญา ฝึกจนเกิดความเคยชิน ฝึกจนเป็นนิสัย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน อยู่ที่บ้าน ที่ไร่ ที่นา ที่ทำการทำงาน ที่โรงเรียนหรือว่าอยู่ที่ไหน
วันนี้ก็คณะโรงเรียนจากชัยภูมิ ลูก ๆ หลาน ๆ ก็พากันมา ครูบาอาจารย์ก็พาลูกศิษย์ลูกหาพากันมา มาหาประสบการณ์ มาสร้างประสบการณ์ ให้ทั้งความรู้ ให้ทั้งการหาประสบการณ์ เปลี่ยนบรรยากาศมาฝึก อยู่ที่บ้านพ่อแม่ก็ช่วยฝึก อยู่ที่โรงเรียนครูบาอาจารย์ก็ช่วยชี้แนะแนวทางให้ มาวัดครูบาอาจารย์ก็ช่วยชี้แนะแนวทางให้ สร้างสะสมบุญบารมี ถ้าถึงเวลาสติปัญญาแก่กล้าก็จะเข้าใจในชีวิต ถ้าเราไปฟังเฉย ๆ ไม่ไปทำไม่ไปปฏิบัติ มันก็ไม่เกิดประโยชน์
แต่ละวันตื่นขึ้นมาเรามีความรับผิดชอบต่อตัวเราหรือไม่ เรามีความรับผิดชอบต่อครอบครัวต่อสถานที่ของเราหรือไม่ เรามีความเสียสละ มีความจริงใจ ไม่เอารัดเอาเปรียบคนอื่น ไม่ปล่อยปละละเลย อายุมากขึ้นสติปัญญาก็แก่กล้าขึ้น ก็จะเข้าใจในความหมายในสิ่งที่ครูบาอาจารย์พามาฝึก พามาทำ พาชี้แนะแนวทางให้
คนเราจะไปเร่งรีบให้ได้ผลทันตาก็เป็นไปไม่ได้ เหมือนกับเราปลูกผลหมากรากไม้ เราจะไปเร่งให้ออกดอกออกผลวันเดียวก็ไม่ได้ ต้องอาศัยกาลอาศัยเวลา เพราะว่าจิตแต่ละดวงนั้นหลงมาตั้งนาน หลงเกิดมาตั้งนาน เกิดอยู่ในภพน้อยเกิดอยู่ในภพใหญ่ จนกระทั่งได้มาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ ได้มีอาศัยปัญญาของผู้รู้
คืออาศัยปัญญาของพระพุทธองค์ที่จะทำความเข้าใจศึกษาตรงนี้
พระพุทธเจ้าท่านสอนเรื่องอะไร สอนเรื่อง อัตตา อนัตตา สอนเรื่องหลักความจริงของชีวิต แล้วก็แนวทางวิธีการที่จะดำเนินให้เข้าถึง ถ้าเราปฏิบัติตามคำสอนของท่าน ก็จะถึงจุดหมายปลายทาง สักวันนึงเราก็คงจะถึงจุดหมายปลายทาง
ต้องอาศัยความเพียร อาศัยกาลเวลา อาศัยการขัดเกลา อาศัยการละกิเลส อาศัยการทำความเข้าใจที่ถูกต้อง สักวันนึงเราก็คงจะถึงจุดหมายปลายทางกัน อย่าไปเกียจคร้าน ให้พยายามเพิ่มสร้างความขยันหมั่นเพียร สร้างความรับผิดชอบ มองโลกในทางที่ดี คิดดี ทำดี การกระทำของเราก็ต้องถึงพร้อมถึงจะเกิดประโยชน์ สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนกันนะ
พากันไหว้พระพร้อม ๆ กัน ค่อยพากันไปสร้างสานต่อ ศึกษาต่อ ทำความเข้าใจกันเอานะ