แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
หลวงพ่อฝากไว้ ลำดับที่ 55
วันที่ 12 มิถุนายน 2557
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง เราได้วิเคราะห์ใจของเรา วิเคราะห์กายของเราแล้วหรือยัง นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย ไม่ต้องพนมมือ ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียก
ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาว ๆ ลึก ๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาว ๆ กายของเราก็สบายขึ้นเยอะ ความนึกคิดปรุงแต่งที่เกิดจากใจก็จะหยุด ความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจนี่แหละเราควรสร้างขึ้นมา แล้วก็พยายามสร้างให้ต่อเนื่อง ถ้าเราสร้างให้ต่อเนื่อง เราก็จะรู้ว่าแต่ก่อนนั้นสติตัวนี้เรามีน้อยหรือบางครั้งไม่มีเลย มีแต่ไปนึกเอาไปคิดเอา ทั้งที่ใจเป็นบุญ ใจปรารถนาอยากจะได้บุญอยากจะรู้ธรรม
ความเกิดของใจนั้นคือความไม่เที่ยง ความเกิดของใจยังไม่พอ ยังมีอาการของขันธ์ห้า หรือว่าอาการของใจอีกที่มาผสมโรงอีก นั่นแหละใจของเราไปหลงตรงนั้น ไปรวมเป็นสิ่งเดียวกันก็เลยทำให้เกิดอัตตาตัวตน ส่วนกายเนื้อของเรานี่ก็เป็นส่วนหนึ่งในขันธ์ห้าของเรา ซึ่งเรียกว่า ‘กองรูป’ เรามาสร้างความรู้ตัว เน้นลงอยู่ที่กายของเราให้ต่อเนื่อง แล้วก็ให้รู้เท่าทัน รู้ลักษณะของใจ รู้การละกิเลส รู้การเกิดของขันธ์ห้าที่ผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจนั่นแหละตัวกรรมเลยทีเดียว มาปรุงแต่งใจหมุนเป็นวงกลมไปไม่มีจบไม่มีสิ้น
นอกจากบุคคลที่มีปัญญาสังเกตวิเคราะห์ จนใจคลายออกจากขันธ์ห้า ตามดูรู้เห็นตามความเป็นจริงแล้วก็ค่อยละ ส่วนการละกิเลสที่ใจ ใจเกิดกิเลสเมื่อไหร่เราก็พยายามละ พยายามละ พยายามดับ ทำในสิ่งตรงกันข้าม ใจเกิดความอยาก ความทะเยอทะยานอยาก เกิดความโลภ เราก็พยายามละความตระหนี่เหนียวแน่นออกจากจิตจากใจของเรา ค่อยเอาออก ค่อยให้ค่อยคลาย คลายจนหมดจนไม่เหลืออะไรที่ใจ ทีนี้จะเอา จะมี จะเป็น ก็เป็นเรื่องการบริหารด้วยปัญญาของเรา
แต่เวลานี้กำลังสติของเรามีอยู่บ้างกระท่อนกระแท่น มีกำลังไม่เพียงพอที่จะเข้าไปอบรมใจ ปัญญาที่เกิดจากใจเกิดจากขันธ์ห้านั้น เขาเกิดมานานไม่รู้กี่ภพแล้ว เราต้องอาศัยปัญญาของพระพุทธองค์ถึงจะเข้าถึง ท่านบอกให้ดำเนินอย่างนี้ ทำอย่างนี้ การละกิเลสเป็นอย่างนี้ กายวิเวกเป็นอย่างนี้ ใจวิเวกเป็นอย่างนี้ ใจวิเวกจากกิเลสจากขันธ์ห้า จากความยึดมั่นถือมั่น วิเวกจากการเกิด เราต้องพยายามทำความเข้าใจ แล้วก็น้อมไปสังเกตวิเคราะห์ ให้รู้ให้เห็นตามคำสอนของพระพุทธองค์
เมื่อเรารู้เห็นความเป็นจริงแล้วท่านถึงบอกให้เชื่อ การปล่อย การวาง การแยกรูปแยกนาม การเดินปัญญา การละกิเลส อะไรคือศีล อะไรคือสมาธิ ชื่อเรียกของสมมติตามความเป็นจริงนั้นไม่มีอะไร ท่านว่ามีตั้งแต่ความว่างเปล่า แต่เรามาหลง มายึด มาเกิด แต่คนทั่วไปก็มองด้วยตาเนื้อ ก็มองเห็นว่าเป็นของเรา ตัวเรา ของเรา อันนั้นอันนี้ก็ของเรา แต่พระพุทธองค์บอกว่าไม่ใช่ เป็นของเราอยู่ในระดับของสมมติมาอาศัยอยู่เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรมากมายเลย นอกจากการละกิเลส การปล่อย การวาง ไม่มีอะไรที่จะเข้ามาปิดกั้นเราได้เลย ถ้าเราศึกษาตามคำสอนของพระพุทธองค์
ก็พยายามกัน ไม่ว่าพระ ว่าโยม ว่าชี พยายามทำความเพียร หมั่นวิเคราะห์พิจารณากาย พิจารณาใจของเรา บอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น แก้ไขตัวเราทุกอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน กิน อยู่ ขับถ่าย ใจของเราต้องปราศจากการเกิด ปราศจากกิเลส ปราศจากความยึดมั่นถือมั่น ให้ใจเป็นสมาธิอยู่ทุกอิริยาบถ สมาธิด้วยปัญญาไม่ใช่ว่าเป็นสมาธิด้วยการไปข่มเอาไว้ อันนั้นเป็นแค่อด แค่ข่ม แค่สมถภาวนา เราต้องพยายามหมั่นพร่ำสอนใจของเราให้มองเห็นความเป็นจริง
การเกิดเป็นทุกข์ แต่การเกิด เกิดในกายเนื้อ เกิดในภพของมนุษย์ เราก็ต้องพยายามพิจารณาให้ละเอียดขณะที่กายของเรายังมีลมหายใจอยู่ ถ้าหมดลมหายใจแล้วก็หมดโอกาสหมดสิทธิ์ มีภพมนุษย์นี่แหละที่พิจารณาเข้าถึงได้เร็วได้ไวที่สุด เพราะว่าอาศัยกายเนื้อ นอกจากนั้นก็ไปด้วยตามแรงเหวี่ยงของกรรม เป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นสัตว์นรก เป็นเทวดา เทวดานี่ก็ยังหลงเพลิดเพลิน การพิจารณานี่ก็เลยติดขัดไปหมดเสียเวลา
ตามที่พระพุทธองค์ท่านว่าเอาไว้ ตามความเป็นจริงแล้วให้เชื่อ เชื่อบุญ เชื่อบาป เชื่อกรรม แล้วก็ดำเนินปฏิบัติตามให้มี ให้เกิด ให้เห็น ท่านถึงบอกให้เชื่ออีกชั้นนึง เมื่อเรารู้เราเห็นแล้ว มีตั้งแต่ความเพียรที่จะดำเนินให้ถึงจุดหมายปลายทางกัน ไม่ถึงช้าก็ต้องถึงเร็ว ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ ญาติโยมทุกคน มนุษย์ทุกคนปรารถนาที่จะหาทางดับทุกข์กันหมดนั่นแหละ บางทีอาจจะเดินทางผิดบ้างถูกบ้าง ก็ค่อยแก้ไขกันไป บางคนก็ช้าบ้าง บางคนก็เร็วบ้าง สิ่งพวกนี้ว่ากันไม่ได้เลย เพราะว่าตามแรงเหวี่ยงของกรรม กรรมมียังไงก็พยายามทำความเข้าใจ ถ้าเราเข้าใจแล้วเราก็ปล่อยวางกรรม มองเห็นหนทางเดิน อยู่ด้วยสติอยู่ด้วยปัญญา บริหารกายใจของเราด้วยปัญญาล้วน ๆ ยังสมมติให้เกิดประโยชน์ อยู่ที่ไหนก็จะเกิดประโยชน์ พยายามเอานะ
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องกันสักนาที สองนาทีก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ
พากันไหว้พระพร้อม ๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจให้รู้ให้เห็นนะ