แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
หลวงพ่อฝากไว้ ลำดับที่ 51
วันที่ 6 มิถุนายน 2557
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงแล้วหรือยัง หรือจะเอาตั้งแต่บุญจะเอาตั้งแต่ธรรม แต่การเกิดของใจนั้นมีอยู่ตลอด แต่เราไม่ได้สังเกตไม่ได้วิเคราะห์ แล้วก็ไม่ได้สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง
ทำใจให้สบายวางกายให้สบาย ศึกษาชีวิตของเรา ทุกเรื่อง อันนี้หลวงพ่อเพียงแต่ย้ำแค่เตือน ให้พวกท่านได้สร้างความรู้ตัว วิธีการแนวทางเท่านั้นเอง พวกท่านจงไปทำให้รู้ตัวทุกอิริยาบถ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ว่าใจของเราเป็นอย่างไร ใจของเรามีความอ่อนน้อม ใจของเรามีความแข็งกระด้าง ใจของเรามีความกังวลมีความฟุ้งซ่าน เราจะแก้ไขวิธีไหน จะจัดการกับใจของเราอย่างไร ทำอย่างไรเราถึงจะเข้าถึงในคำสอนของพระพุทธองค์ วิธีไหน แนวทางนั้นยังมีอยู่ แต่พวกเราไม่ได้ทำให้ต่อเนื่อง ทั้งที่ใจเป็นบุญ ใจอยากจะได้บุญ ใจอยากจะรู้บุญ ใจอยากจะเห็นธรรม
ตัวใจนั่นแหละคือตัวธรรม แต่เวลานี้เขาก็ยังเกิดอยู่ เขายังเกิดอยู่ เขายังหลงอยู่ ถ้าเราไม่ได้เจริญสติให้ต่อเนื่อง เราก็ว่าเรามีสติปัญญาเต็มเปี่ยม แต่เป็นสติปัญญาของโลกีย์ ของสมมติ ที่ใช้ในระดับของสมมติ สติปัญญาที่จะเข้าไปรู้ธรรม เข้าไปรู้ใจ เราต้องสร้าง สร้างขึ้นมาแล้วก็ตามทำความเข้าใจ รู้ไม่ทันต้นเหตุ เราก็รู้จักหยุดรู้จักดับ รู้จักแก้ไขปรับปรุงตัวเรา รู้จักขัดเกลากิเลสออกจากใจของเรา เป็นเรื่องของตัวเราเองทุกคน ไม่ใช่เรื่องของคนอื่น
พระพุทธเจ้าท่านก็สอนชีวิตของเรา ท่านรู้ชีวิตของท่าน ดำเนินอย่างนั้น ๆ แล้วก็มาสอนให้เดินตาม พวกเราจะปฏิบัติตามหรือไม่ กายวิเวกเป็นอย่างนี้ ใจวิเวกเป็นอย่างนี้ ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างนี้ ใจที่คลายจากขันธ์ห้าหรือว่าแยกรูปแยกนามเป็นลักษณะอย่างนี้ กิเลสหยาบ กิเลสละเอียด ท่านบัญญัติเอาไว้หมด
แม้แต่ข้อวัตรปฏิบัติขัดเกลาต่าง ๆ ไม่ว่าพระ ว่าโยม ว่าชี ยิ่งพระเราก็เหมือนกัน ข้อวัตรปฏิบัติในระดับสมมตินี่จะมากมาย นี่ถ้าประพฤติปฏิบัติขัดเกลาตัวเองไม่ดี ก็อาจจะผิดพลาดไป ไม่ว่าพระ ว่าโยม ว่าชีอะไรควรหรือไม่ควรก็ดู ยิ่งพระเรานี่สำคัญ จะลุกจะก้าวจะเดินจะพูดจะคุย ให้สำรวมระวัง ยิ่งกับญาติกับโยมก็ให้สำรวมระมัดระวัง ควรหรือไม่ควร สมมติ วิมุตติ สมมติ โลกวัชชะ อย่างพระคุยกับญาติโยม ผู้หญิงหรือว่าคุยกันที่ไม่สมควรก็ดูไม่เหมาะสม ก็ผิดวินัย ก็มองดูแล้วก็ดูไม่สวยไม่งาม ก็ให้รู้จักแก้ไขปรับปรุงทุกอย่าง ทุกอย่างในชีวิตจนกว่าจะขัดเกลาถึงจุดหมายปลายทางได้ คือใจของเราละกิเลสได้ ก็ต้องพยายาม
ที่วัดเราก็อย่าให้มี ถึงมีก็ให้รีบแก้ไขเสีย อย่าให้ได้พูด อย่าให้ได้บอกได้กล่าวหลายครั้งหลายที ไม่ดี มันไม่สวยไม่งาม ไม่ว่าพระ ว่าโยม ว่าชี ทุกคนก็ปรารถนาที่จะหาทางดับทุกข์หาทางหลุดพ้น ดำเนินทุกคนก็ปรารถนาที่อยากจะได้มีความสุข ไม่มีใครอยากจะเอาความทุกข์หรอก ให้พยายามสร้างความ ขยันหมั่นเพียร ให้มีให้เกิดขึ้น รักษาความสะอาดความเป็นระเบียบ สะอาดจากข้างนอกส่งถึงข้างใน จากข้างในส่งถึงข้างนอก จัดระบบระเบียบของกาย ของวาจา แล้วก็ของใจ
ทำไมใจถึงเกิด ทำไมใจถึงหลงความคิด การปล่อยการวาง วางอะไร วางความคิด วางอารมณ์ซึ่งเป็นนามธรรม นามธรรมนี้มองด้วยตาเนื้อไม่เห็นหรอก เราต้องสร้างความรู้ตัว เข้าไปรู้เห็นอาการของเขา อาการเกิด การเกิด การดับ การหลง การรวม การเข้าไปร่วม การยินดียินร้าย ใจของเรามีความกังวลมีความฟุ้งซ่าน ใจของเรามีกิเลส ทุกคนก็มีกันหมดนั่นแหละ แต่เดิมไม่มี แต่เดิมนั้นใจไม่มี ใจหลง หลงมาถึงเกิด ความเกิดนั้นคือกิเลสในระดับนึง เราก็ไปหลงเข้าไปยึด จนคลายได้ดับความเกิดได้ คลายความหลงได้ อันนี้เราต้องมีความเพียรเป็นเลิศ การดำเนินทางให้ถูกต้องให้ถูกวิถี วิธีแนวทางที่พระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบ
การเจริญสติเข้าไปแยกรูปแยกนาม ตั้งแต่ศรัทธาความเชื่อ เชื่อต้องเชื่อด้วยการเจริญสติให้เกิดปัญญา แยกรูปแยกนาม เห็นตามความเป็นจริง ไม่ใช่ว่าเชื่อแบบงมงาย แต่ทุกวันนี้ก็เชื่ออยู่แต่ยังไม่เห็น มีความเชื่อในพระรัตนตรัย เชื่อบุญเชื่อบาปเชื่อกรรม เชื่อความตรัสรู้พระพุทธองค์ แต่ยังเข้าไม่ถึง ยังอยู่ในการเดินทางอยู่ เดินทางในการทำบุญให้ทาน การสร้างตบะสร้างบารมี
บุคคลที่จะเดินถึงจุดหมายจริง ๆ ต้องมีความเพียรในการสังเกต ในการวิเคราะห์ให้ต่อเนื่อง ให้เชื่อมโยง จนกว่าใจของเราจะคลายออก เปิดเผยตัวที่แท้จริง แม้แต่ใจก็ยังปิดกั้นตัวเอง ยังหลอกตัวเองอยู่ ขันธ์ห้าก็มาหลอกตัวเองอยู่ ใจก็ยังเป็นทาสของกิเลสอยู่ มีตั้งแต่สิ่งดี ๆ นั่นแหละมาหลอก เราก็ต้องพยายามศึกษาให้ละเอียดเสีย ขณะที่เรายังมีกำลังอยู่ อย่าไปโทษคนโน้นโทษคนนี้ จงโทษตัวเราเองแก้ไขตัวเราเองปรับปรุงตัวเราเองอยู่ตลอดเวลา จะเป็นบุคคลที่ไปถึงฝั่งได้เร็วได้ไว
อะไรที่จะเป็นประโยชน์เราก็รีบทำ ประโยชน์ใกล้ ประโยชน์ไกล ประโยชน์ระดับของสมมติ วิมุตติ ประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ให้พยายามทำประโยชน์ในโลกนี้ เราทำปัจจุบันให้ดี อนาคตก็จะออกมาดี บอกตัวเองให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็น ถ้าสอนตัวเราไม่ได้ สอนใจเราไม่ได้ อย่าไปเที่ยวให้คนอื่นเขาสอนไม่มีประโยชน์หรอก ขนาดตัวเรายังสอนตัวเราไม่ได้ แล้วคนอื่นเขาจะสอนได้ยังไง เราต้องสอนตัวเราแก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเรา ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ ปรับปรุงตัวเราใหม่ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา จนกระทั่งนอนหลับ จนกระทั่งหมดลมหายใจ จนมองเห็นความเป็นจริง จนรับรู้รับทราบได้ว่าอะไรผิดอะไรถูกก็รีบแก้ไขเสีย บุคคลเช่นนี้แหละจะไม่ตกอับไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนกันนะ พากันไหว้พระพร้อม ๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอา หลวงพ่อเพียงแค่เล่าให้ฟัง