แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ตามความเป็นจริง ลำดับที่ 50
วันที่ 5 กรกฎาคม 2557
ขอให้พี่น้องเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจน นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่าง ๆ เอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว ถึงเราหยุดไม่ได้ เราละไม่ได้ ก็ขอให้หยุด ให้รู้จักการสร้างความรู้ตัว ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียก เสียงก็สักแต่ว่าเสียง ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาว ๆ ลึก ๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาว ๆ
เราพยายามหัดสังเกตหัดวิเคราะห์ ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจเข้าเป็นอย่างนี้ ความรู้สึกลมหายใจออกเป็นอย่างนี้ หายใจหยาบเป็นอย่างนี้ หายใจละเอียดเป็นอย่างนี้ อิริยาบถ ยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย เราพยายามหัดวิเคราะห์เราอยู่ตลอด อยู่เรื่อย ๆ ให้เกิดความเคยชิน หัดสำเหนียก อันนี้เรื่องของกาย เรื่องของใจ
ใจเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจได้อย่างไร ในกายของเรานี้มีอะไรดี ๆ อีกเยอะที่เราจะต้องศึกษาที่จะต้องค้นคว้า กายของเราทำหน้าที่อย่างนี้ ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างนี้ ความคิดซึ่งเป็นฝ่ายนามธรรมที่เกิดจากตัวใจโดยตรง เกิดจากอาการของใจโดยตรง หรือว่าเกิดจากส่วนสมอง ส่วนปัญญาที่เราสร้างขึ้นมา เราก็ต้องแจงให้ออก ชี้เหตุชี้ผล เจริญสติ
สติที่เราเจริญมาก ๆ ให้ต่อเนื่อง ก็จะไปเห็นการเกิดของใจ การเกิดของขันธ์ห้า ก็จะเห็นใจกับขันธ์ห้าเคลื่อนเข้าไปรวมกัน แล้วเขาก็จะแยกออกจากกัน ก็จะเห็นความว่าง เห็นอนิจจัง-ทุกขัง-อนัตตาในกายของเรา รู้ด้วย เห็นด้วย เข้าถึงด้วย แล้วก็ละกิเลสได้ด้วย หมั่นพร่ำสอนใจตัวเราตลอดเวลา อะไรควรละ อะไรควรเจริญ การปล่อยการวางอยู่ที่ตรงไหน พระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องอะไร เราต้องทำให้ปรากฏให้เห็นที่ใจของเรา
แต่ส่วนมาก แม้ตั้งแต่การเจริญสติก็ไม่ค่อยจะสนใจ อยากจะเอาตั้งแต่ธรรม อยากจะได้ตั้งแต่ธรรม อยากจะได้แค่บุญก็ได้แค่ทำบุญ มันก็ได้ดีอยู่ ได้บุญอยู่ แต่มันก็ยังทุกข์อยู่ ยังเข้าไปดับทุกข์ภายในไม่ได้ ให้เราทำหมดทุกอย่างนั่นแหละ ตั้งแต่ทาน ศีล สมาธิ
การให้ทานเพื่อละกิเลส เพื่อขัดเกลา สมาธิ ใจที่ไม่เกิด ใจที่ปราศจากการเกิด ปราศจากความยึดมั่นถือมั่นเป็นอย่างนี้ ใจที่สงบจากกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างนี้ อะไรคือโลก อะไรคือธรรม ถ้าเราเข้าใจแล้ว ธรรมกับโลกก็อาศัยกันอยู่
ถ้าเราแยกรูปแยกนาม ทำความเข้าใจได้ เราก็อยู่กับธรรม ใจเป็นธรรม กายเป็นธรรม อยู่กับธรรม ทำอะไรก็อยู่ด้วยปัญญาล้วน ๆ เราก็ต้องพยายามเอา พิจารณาแก้ไขตัวเราจากน้อย ๆ ไปหามาก ๆ ค่อยเป็นค่อยไป
ความเสียสละของเรามีเต็มเปี่ยม การฝักใฝ่ การสนใจ การวิเคราะห์ การหาเหตุหาผล ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้คิด ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียเปรียบกิเลส กิเลสภายในของเรา ดูแลให้มันละเอียด แล้วจัดการให้มันได้ มันก็จะล้นออกไปสู่ภายนอกเอง
ก็ต้องพยายามกันนะ สร้างความรับรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจน อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวก็ให้รู้ ว่าลมหายใจวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน อันนี้เป็นแค่เพียงการสร้างความรู้ตัวเท่านั้น เราก็ต้องพยายามกัน
พากันไหว้พระพร้อม ๆ กัน ค่อยพากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจกันเอานะ