PAGODA

  • Create an account
  • Forgot your username?
  • Forgot your password?
or

Connection

Your e-mail is required to ensure the proper functioning of the Website and its services and we make a commitment not to reveal it to third parties

  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ
PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ

เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก

เข้าสู่ระบบ

  • สมัครสมาชิก
  • ลืมชื่อผู้ใช้?
  • ลืมรหัสผ่าน?

Search

  • หน้าแรก
  • เสียง
  • พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
  • ตามความเป็นจริง48
ตามความเป็นจริง48 รูปภาพ 1
  • Title
    ตามความเป็นจริง48
  • เสียง
  • 11791 ตามความเป็นจริง48 /aj-sumran/48.html
    Click to subscribe
    • Share
    • Tweet
    • Email
    • Share
    • Share

ผู้ให้ธรรม
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
วันที่นำเข้าข้อมูล
วันอังคาร, 27 มิถุนายน 2566
ชุด
ตามความเป็นจริง
  • แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]

  • ตามความเป็นจริง ลำดับที่ 48

    วันที่ 1 กรกฎาคม 2557

    ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจน เรื่องอื่นวางเอาไว้ให้หมด นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย ทำใจให้สบาย หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่าง ๆ แล้วก็กระตุ้นความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาว ๆ ลึก ๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาว ๆ การสูดลมหายใจยาว ผ่อนลมหายใจยาว กายของเราก็รู้สึกว่าสบายขึ้นเยอะ ใจของเราก็จะสงบตั้งมั่นขึ้น

    ความรู้ตัว ความรู้สึกรับรู้ รู้กายอันนี้เขาเรียกว่า ‘สติรู้กาย’ ถ้าเรารู้ให้ต่อเนื่อง เขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ เราพยายามฝึกให้เกิดความเคยชิน ใหม่ ๆ นี่อาจจะอึดอัด หายใจก็อึดอัด สติความรู้ตัวก็พลั้งเผลอ เพราะว่าความคิดเก่าปัญญาเก่าที่เกิดจากใจ หรือเกิดจากความคิด เกิดจากขันธ์ห้าของเรา เขาปิดกั้นเอาไว้ เราก็เลยไปมั่นหมายเอาตัวนั้นว่าเป็นความคิดของเราจริง ๆ ปัญญาของเราจริง ๆ ก็ของเราจริง ๆ นั่นแหละ แต่เป็นปัญญาระดับของสมมติ ของโลกียะ ของโลก ๆ ปัญญาที่ยังหลงอยู่ มันก็อาจจะถูกอยู่ในระดับของสมมติ อยู่ในระดับของการสร้างบุญสร้างอานิสงส์สร้างบารมีกัน

    แต่ในหลักธรรมแล้ว ท่านก็ให้สร้างอยู่ แต่ให้รู้ใจ ให้คลายใจออกจากความหลง หรือว่าแยกรูปแยกนาม ทำอย่างไรเราถึงจะแยกได้ เราก็ต้องเจริญสติตัวที่หลวงพ่อบอกนี่แหละ ทำให้ต่อเนื่อง ๆ จนถึงที่สิ้นสุด แล้วเราก็จะเห็นใจของเราคลายออกจากความคิด เพียงแค่เห็นถูกต้อง การทำความเข้าใจต้องตามมาอีกเป็นทวีคูณจนเป็นอัตโนมัติ

    ใจเกิดกิเลส ก็รู้จักละกิเลส ถ้าเราปฏิบัติธรรม ไม่รู้จักธรรม ไม่รู้จักใจตัวเอง มันก็เข้าไม่ถึงธรรม ละไม่ได้ ถ้าเราเห็นการเกิดการดับ ทำความเข้าใจ รอบรู้ในกองสังขาร รอบรู้ในวิญญาณของตัวเราชัดเจนทุกเรื่อง เราก็จะมองเห็นหนทางว่า เราจะละกิเลสได้หมดจดหรือไม่หมดจด

    แต่การสร้างบารมี ทำบุญให้ทาน ทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม มีมาตั้งนาน ตรงนี้ก็เป็นฐานของการปฏิบัติติในการขัดเกลากิเลสเป็นอย่างดี เป็นบารมีเป็นข้าวพกข้าวห่อ อย่าไปทิ้งในการทำบุญในการให้ทาน ลึกลงไปก็ทานความยึดมั่นถือมั่น ทานกิเลส บริหารด้วยปัญญาล้วน ๆ อยู่ด้วยปัญญาล้วน ๆ ทำด้วยปัญญาล้วน ๆ ใจก็จะมีความสุข สนุกในการทำการทำงานทั้งสมมติทั้งวิมุตติ ไปอยู่ที่ไหนก็จะมีความสุข ก็ต้องพยายามกันนะ

    สร้างความรู้สึกรับรู้ของการหายใจเข้าออกให้ชัดเจนกัน ได้ต่อเนื่องสักนาทีสองนาทีก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ

    พากันไหว้พระพร้อม ๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันนะ

logo

  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • จดหมายข่าว
  • Privacy Policy
  • Terms of Service