แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ตามความเป็นจริง ลำดับที่ 43
วันที่ 16 พฤษภาคม 2557
ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสลมของหายใจของเราให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสียนะ ฟังไปด้วย น้อมสำเหนียก ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาว ๆ ลึก ๆ ผ่อนลมหายใจออกมายาว ๆ
เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออก พวกเราก็ขาดการสร้างความรู้ตัวตรงนี้เลยทีเดียว เพราะว่าความเคยชิน ‘ถึงไม่รู้ ก็หายใจอยู่แล้ว’ มันบอกว่าอย่างนั้น ผิดพลาดเลยทีเดียว! ความรู้สึกตัว เขาเรียกว่า ‘มีสติรู้กาย’ สติต่อเนื่องอยู่ที่กาย ลึกลงไปก็รู้ใจ รู้ความปกติของใจ รู้การก่อการเกิดของความคิดของอารมณ์นั่นแหละ จนกว่าใจของเราจะคลายออกจากขันธ์ห้า ซึ่งเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’ ได้นั่นแหละ ถึงจะมองเห็นทาง เข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์ ว่าท่านสอนคำว่าอัตตาเป็นอย่างไร อนัตตาเป็นอย่างไร อะไรคือสมมติ อะไรคือวิมุตติ
ถ้าเราไม่ได้เจริญสติเข้าไปดูรู้เท่าทัน มันก็ยากที่จะเข้าใจ ทั้งที่ใจก็เป็นบุญ ฝักใฝ่ในบุญ ฝักใฝ่ในการแสวงหาธรรม ตัวใจนั่นแหละคือตัวธรรม แต่เขายังเกิดอยู่ ความเกิดนั่นแหละปิดกั้นตัวเขาเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง ทีนี้อาการของขันธ์ห้าก็มาปิดกั้นตัวเขาเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง แล้วก็ใจก็ยังเป็นทาสของกิเลสอีก หลายสิ่งหลายอย่าง
เราก็ต้องพยายามเพียรเอานะ ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหน ยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย อยู่หลายคนก็สังเกตดูใจ อยู่คนเดียวก็สังเกตดูใจ รู้ใจ รู้จักวิเคราะห์ ชี้เหตุชี้ผล อันนี้กายทำหน้าที่อย่างนี้ ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างนี้ ภาษาธรรมภาษาโลกทำหน้าที่อย่างนี้
สติที่เราสร้างขึ้นมาคอยตรวจสอบใจของเรา รู้ทันตั้งแต่ต้นเหตุ หรือว่ารู้ตั้งแต่ยังไม่เกิด รู้ทัน รู้กัน รู้แก้ รู้ก่อน (รู้) ทำความเข้าใจแล้วก็หมดความสงสัย ทำความเข้าใจให้ถูกต้อง อยู่ที่ไหนก็จะมีความสุข อย่าพากันประมาท ปล่อยวันเวลาทิ้ง เสียดายเวลา
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนกัน
พากันไหว้พระพร้อม ๆ กัน ค่อยไปศึกษาทำความเข้าใจต่อกันเอานะ