แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ตามความเป็นจริง ลำดับที่ 42
วันที่ 15 พฤษภาคม 2557
ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่าง ๆ ที่เกิดจากใจของเราเอาไว้เสียก่อน วางภาระหน้าที่ทางสมมติทางบ้าน เราก็วางมาแล้ว ทีนี้เราก็ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาว ๆ ลึก ๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาว ๆ ให้ทั่วท้อง อย่าไปบังคับ
การสูดลมหายใจเข้าไปยาว ๆ ผ่อนลมหายใจออกมายาว ๆ กายของเราก็รู้สึกว่าสบายขึ้นเยอะ สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราก็จะชัดเจน มีความรู้สึกรับรู้เวลาลมกระทบปลายจมูกของเรา ลมหายใจเข้า มีความรู้สึกรับรู้อยู่ ลมหายใจออก มีความรู้สึกรับรู้อยู่ ลมหายใจยาว ลมหายใจออกยาว เข้ายาว ออกสั้น เข้าสั้น ให้เป็นธรรมชาติ อย่าไปบังคับลมหายใจ
เรามีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรา เหมือนกับนายประตูทวาร รถคันไหนวิ่งเข้าก็รู้ก็เห็นอยู่ เราพยายามสร้างความรู้ตัว แล้วก็สร้างให้ต่อเนื่อง เขาเรียกว่า ‘สติ’ ถ้ามีความรู้ตัวที่ต่อเนื่อง เขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ มีความรู้ตัวทั่วพร้อม รู้กายของเรา แต่ส่วนมากเราก็จะรู้อยู่ในภาพรวม ใจมันเป็นธาตุรู้ แต่ทั้งรู้ ทั้งเกิด ทั้งหลง
ในหลักธรรม ท่านให้เจริญสติเข้าไปหมั่นอบรมใจของเรา จนกว่าใจของเราจะคลายออกจากความหลง จนกว่าสติปัญญาของเราจะเข้มแข็ง ละกิเลสออกจากใจ ดับความเกิดออกจากใจของเราให้มันหมดจด ต้องอาศัยความเพียรอาศัยกาลอาศัยเวลา อาศัยการสร้างตบะบารมี
ความขยันหมั่นเพียรของเรามีเต็มที่หรือเปล่า ความเสียสละ การฝักใฝ่ การสนใจ มีความจริงใจต่อตัวเรา มีความขยันหมั่นเพียร หมั่นแก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเราอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนกระทั่งนอนหลับ ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่กิน ไม่เห็นแก่นอน มองโลกในทางที่ดี ไม่ทำให้ใจของเราเกิดความฟุ้งซ่าน เกิดกิเลสต่าง ๆ เราก็รู้จักแก้ไข จะเอา จะมี จะเป็น ก็เป็นเรื่องของปัญญา
แต่เวลานี้กำลังสติของเราแทบจะไม่มี เพราะว่าไม่ได้สร้าง จะเอาตั้งแต่ปัญญาที่เกิดจากใจ ปัญญาที่เกิดจากความคิดเก่า ๆ
เขาหลงมาแล้ว เขาถึงเกิด ถ้าไม่หลงไม่เกิด เพียงแค่การเกิดการดับของวิญญาณ การปรุงการแต่ง เขาก่อตัวตรงไหน วิธีการเจริญสติอย่างไร ลักษณะของสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเป็นอย่างไร เราก็ต้องพยายามรู้จักสร้างขึ้นมา แล้วก็ไปอบรมใจของเรา เราทำไม่ได้ เราก็ต้องพยายามทำ พยายามฝึก จนเป็นความเคยชินในการดู ในการรู้ ในการแก้ไขตัวเรา ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็ต้องพยายามทำ เพราะว่าต้องอาศัยกาลเวลา อาศัยความเพียรให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง ก็จะส่งผลเอาถึงวันข้างหน้า
คนทั่วไปมีตั้งแต่ทิ้ง ไม่ค่อยสนใจในการเจริญสติเข้าไปดูรู้ใจของตัวเอง มีตั้งแต่ความอยาก แล้วก็ความทะเยอทะยานอยากปิดกั้นเอาไว้ แล้วก็ความหลง หลงเกิดทิฏฐิ เกิดมานะ เกิดอัตตา เกิดอำนาจของกิเลสปกคลุมดวงใจของตัวเราเสียมืดมิด กว่าจะแก้ไขได้ ก็ต้องพยายามแก้ไข ไม่เหลือวิสัย
แนวทางนั้นมีอยู่แล้ว คือแนวทางที่พระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบ แล้วก็เอามาเปิดเผย การละกิเลสเป็นอย่างนี้ การละความโลภเป็นอย่างนี้ การละความโกรธเป็นอย่างนี้ ก็ต้องพยายามหมั่นพร่ำสอนตัวเราอยู่ตลอดเวลา คนที่มีบุญมีปัญญาจะสอนตัวเองแก้ไขตัวเอง อยู่คนเดียวก็ย่อมจะเข้าถึงจุดหมายถ้าเรารู้จักแก้ไขตัวเรา พยายามสร้างความรู้สึกหรือว่าเจริญสติให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงกันสักพักหนึ่ง
พากันไหว้พระพร้อม ๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจกันเอานะ