แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
หลวงพ่อฝากไว้ ลำดับที่ 38
วันที่ 23 เมษายน 2557
ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจน ทำความสงบให้มี ให้เกิดขึ้นที่ใจของเรา สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย ไม่ต้องพนมมือ ฟังไปด้วย น้อมสำเหนียก
ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาว ๆ ลึก ๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาว ๆ อย่าไปบังคับลมหายใจ อย่าไปเพ่ง อย่าไปจดจ่อ เพียงแค่สูดลมหายใจยาว ๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาว ๆ กายของเราก็รู้สึกว่าสบายขึ้น สัมผัสของลมหายใจที่กระทบปลายจมูกของเรานั่นแหละความรู้สึกตัว ความรู้ตัว ความรู้สึกตัว แล้วก็รู้ให้ต่อเนื่อง
เวลาลมวิ่งเข้าวิ่งออกที่กระทบปลายจมูกของเรา ในหลักธรรมท่านเรียกว่า ‘สติรู้กาย’ สติรู้กายอยู่ปัจจุบัน
เวลาลมหายใจเข้า เขาเรียกว่า ‘ปัจจุบัน’ เวลาลมหายใจออก มีความรู้สึกรับรู้อยู่ปัจจุบัน ทุกขณะลมหายใจเข้าออก ลึกลงไปก็จะรู้ รู้ทุกขณะใจ ทุกขณะจิต ทุกขณะลมหายใจเข้าออก
แต่เวลานี้ความรู้ตัว หรือว่า ‘สติปัญญา’ ที่เราจะเอาไปใช้มันมีน้อย เราต้องสร้างขึ้นมา สร้างขึ้นมาแล้วก็รู้จักทำให้ต่อเนื่อง แล้วก็รู้จักวิเคราะห์ รู้เหตุ รู้ผล รู้การเกิด การดับ รู้ความคิด รู้อารมณ์ รอบรู้ในกองสังขาร อะไรคือส่วนรูป อะไรคือส่วนนาม อะไรควรละ อะไรควรเจริญ เราจะดำเนินชีวิตของเราได้อย่างไรถึงจะมีความสุข สุขอยู่ในระดับของโลกียะ สุขอยู่ในระดับของโลกุตระ โลกกับธรรมก็อาศัยกันอยู่
เราก็ต้องทำความเข้าใจกับกายก้อนนี้ของเรา ว่าจิตวิญญาณของเราเกิดมาได้อย่างไร เขาไปอย่างไร มาอย่างไร เราเจริญสติเข้าไปอบรมใจของตัวเราเอง ซึ่งท่านเรียกว่า ‘ตนเป็นที่พึ่งของตน’ สร้างความเข้มแข็ง สร้างตบะ สร้างบารมีจนกว่าใจของเราจะสะอาดบริสุทธิ์ ขัดเกลากิเลส ไม่ต้องกลับมาเกิดกัน มองเห็นหนทางเดิน ตามแนวทางของพระพุทธองค์ ท่านได้ค้นพบแล้วก็เอามาเปิดเผย
สัมมาทิฐิความรู้แจ้งเห็นจริง เป็นลักษณะอย่างนี้ เราจะดำเนินอย่างนี้ จะเข้าถึงอย่างนี้ การเจริญสติเป็นอย่างนี้ การละกิเลสเป็นอย่างนี้ อะไรคือทรัพย์ภายใน อะไรคือทรัพย์ภายนอก อะไรคืออริยทรัพย์ เราจะบริหารชีวิตของเราอย่างไร ถึงจะอยู่ดีมีความสุข
การพูดง่าย แต่การลงมือ การปฏิบัติ ต้องอาศัยแรงบุญ แรงศรัทธา อาศัยแรงความเชื่อมั่นในพระรัตนตรัย
แล้วปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์ ให้ปรากฏขึ้นที่ใจของเรา การละกิเลสเป็นอย่างนี้ ลักษณะใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่เป็นสมาธิเป็นอย่างนี้ ใจที่วางจากความคิด วางจากความยึดมั่นถือมั่น ซึ่งเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’ เป็นลักษณะอย่างนี้ ก่อนที่จะเข้าถึงตรงนี้เราจะทำอย่างไร
การเจริญสติต้องให้มีทุกอิริยาบถตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ยืน เดิน นั่ง นอน กิน อยู่ ขับถ่าย ภาษาธรรม ภาษาโลกเป็นอย่างไร สักแต่ว่าดู สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าฟัง ทวารทั้งหก หู ตา จมูก ลิ้น กาย เขาทำหน้าที่อย่างไร บุคคลที่มีบุญฟังนิดเดียว ไปทำ ไปดำเนิน ไปศึกษา ไปสังเกต ไปทำความเข้าใจ เราก็จะมองเห็นชีวิตความเป็นจริงของชีวิตของเรา รู้จักดำเนิน ขยันหมั่นเพียร รู้จักสร้างให้มีให้เกิด รู้จักขวนขวาย รู้จักกระตือรือร้น ละความเกียจคร้าน เพิ่มความขยัน มีความซื่อสัตย์ต่อตัวเราเอง มีสัจจะ มีความจริง ละความเกียจคร้าน เพิ่มความขยันหมั่นเพียรให้ได้ทุกอิริยาบถ ใจของเราเกิดกิเลสเมื่อไหร่ เกิดความอยาก เกิดความยินดียินร้าย หรือปรุงแต่งส่งออกไปภายนอกเมื่อไหร่ เราก็รู้จักดับ รู้จักอบรม หนุนกำลังสติปัญญาไปทำหน้าที่แทน
ขยันหมั่นเพียรด้วยสติ ด้วยปัญญา อยู่ด้วยสติ อยู่ด้วยปัญญา ปัญญาสมมติ ปัญญาวิมุตติ แต่ปัญญาวิมุตติเราต้องดำเนินตามคำสอนของพระพุทธองค์ จนเอาไปใช้กับชีวิตประจำวันได้ จนกว่าจะหมดลมหายใจนั่นแหละ มองเห็นหนทางเดิน ว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน ใจของเรามาอย่างไรไปอย่างไร ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ ปรับปรุงตัวเราใหม่ บอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น จนเป็นที่พึ่งของตัวเอง แล้วก็เป็นที่พึ่งของคนอื่น
เพราะว่าทุกคนเกิดมาก็เพื่อที่จะแสวงหาทางดับทุกข์ หาทางหลุดพ้น บางคนก็ถึงช้า บางคนก็ถึงเร็ว บางคนก็สร้างบุญมาดี บางคนก็มาสร้างใหม่ พยายาม อย่าไปปิดกั้นตัวเราเอง ทุกคนมีบุญถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ พยายามสร้างตบะ สร้างบารมี ให้มีให้เกิดขึ้น อย่าไปปล่อยวันเวลาทิ้ง เสียดายเวลา
ทุกลมหายใจมีคุณค่ามากมายมหาศาล บุญภายนอกเราก็ทำ บุญภายในเราก็ทำ ทั้งสมมติ ทั้งวิมุตติเขาเกื้อหนุนกันอยู่ โลกธรรมก็อาศัยกันอยู่ เราจะไปทิ้งส่วนใดส่วนหนึ่งก็ไม่ได้ เราต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้องทั้งสองอย่าง เพราะว่ากายของเรานี่แหละคือก้อนโลก ใจของเรานั่นแหละคือตัวธรรม แต่เวลานี้เขายังเกิดอยู่ยังหลงอยู่ เราต้องพยายามหมั่นอบรมใจ หมั่นแก้ไขใจ จนสติปัญญาล้นออกไปสู่สมมติสู่สังคมต่าง ๆ
โอกาสเปิดให้กับทุกคน อย่าไปผัดวันประกันพรุ่ง เรามีโอกาสตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ตื่นขึ้นมาเราก็รีบสำรวจเรา แก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา หมั่นสอนตัวเราอยู่ตลอดเวลา แม้แต่อคติ มลทินเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่เราก็ไม่ให้มี ให้เกิดขึ้นที่ใจของเรา การดำเนินชีวิตของเราก็จะมีความสุข ส่วนทางด้านการขัดเกลากิเลสเราก็ต้องพยายามขัดเกลาตั้งแต่ตื่นขึ้นมา
ตื่นขึ้นมาขณะนี้ใจของเราเป็นอย่างไร ใจของเรามีความโลภ มีความโกรธ หรือว่าใจของเรามีความทะเยอะทะยานอยาก ใจของเรามีความเศร้าหมองอย่างไร เราก็พยายามรีบแก้ไข ได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็พยายามรีบแก้ไข อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง เสียดายเวลา เราก็จะได้ทั้งทรัพย์ภายใน ทั้งทรัพย์ภายนอกกันเต็มเปี่ยม ไม่เสียทีเสียเที่ยวที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มองเห็นหนทางเดิน
หนทางนั้นพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบ เอามาเปิดเผย แล้วพวกเราจะปฏิบัติตามคำสอนของท่านให้ปรากฎขึ้นที่ใจของเรา แล้วก็ดำเนินตามให้ถึงจุดหมาย จนหมดความสงสัยหมดความลังเล นั่นแหละท่านถึงบอกให้เชื่อ ความจริงมีอยู่ สัจธรรมมีอยู่ ให้พยายามรีบทำ อย่าไปรอวันเวลา
เอาล่ะวันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อม ๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอานะ