แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ตามความเป็นจริง ลำดับที่ 28
วันที่ 12 เมษายน 2557
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง ทำใจของเราให้สงบ
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา เราได้สำรวจใจของเราแล้วหรือยัง เราได้พิจารณากาย พิจารณาใจ พิจารณาความเป็นอยู่ การกระทำของเราแล้วหรือยัง
เพียงแค่การเจริญสติให้ต่อเนื่อง พวกเราก็ขาดการทำความเพียร ทั้งที่ใจปรารถนาอยากจะได้บุญ ปรารถนาอยากจะรู้ธรรม ความปรารถนาความเกิดของใจนั่นแหละ เขาไม่นิ่ง ส่วนความหลงนั้นมีกันทุกคน ถ้าไม่หลงไม่เกิด หลงมาสร้างภพมนุษย์ มาสร้างขันธ์ห้ามาห่อหุ้มดวงวิญญาณเอาไว้ วิญญาณในขันธ์ห้าของเรา ตัวสุดท้ายที่ท่านบอกว่าเป็นกองเป็นขันธ์
ความหลง หลงมานาน หลงวนเวียนว่ายตายเกิดอยู่ตลอดเวลา เกิดในภพมนุษย์ก็เกิดมาแล้ว เกิดทางด้านจิตวิญญาณ คือความคิดนั่นแหละ ตื่นขึ้นมาเขาปรุงแต่งไป ส่งไปภายนอกไม่รู้ว่ากี่เรื่อง เหตุจากภายนอกมาทำให้มีวิญญาณเกิด หรือเกิดจากวิญญาณโดยตรง หรือเกิดจากอาการของวิญญาณ บางคนบางท่านก็เรียก 'ใจ'
เราต้องพยายามวิเคราะห์ พิจารณาแต่ละวัน แต่ละวันตื่นขึ้นมา ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ รีบสำรวจใจของตัวเรา รู้ไม่เท่าทันใจก็ให้มีสติอยู่กับกายของเราเสียก่อน ไม่ใช่ไปนึกเอาไปคิดเอา การนึกการคิดนั้นเป็นปัญญาของสมมติ ปัญญาของโลกีย์ อาจจะถูกบ้างผิดบ้าง ถูกอยู่ในระดับของสมมติเท่านั้นเอง
แต่ในหลักธรรม เราต้องรู้ลักษณะของใจ ใจที่ไม่เกิด ใจที่คลายความยึดมั่นถือมั่น ใจที่ไม่มีกิเลส มีกันทุกคน แต่เราจะศึกษาค้นคว้าทำความเข้าใจได้ตลอดสายหรือไม่ เพียงแค่ระดับสมมติ เราก็พยายามทำหน้าที่ของเราให้ดี อย่าไปเกียจคร้าน อย่าไปงอมืองอเท้า การยังสมมติให้เกิดประโยชน์ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน มีความจริงใจต่อตัวเราเองอยู่ตลอดเวลา
บุคคลที่มีบุญจะหมั่นพร่ำสอนใจตัวเอง พร่ำสอนกายตัวเองอยู่ตลอดเวลา กายของเราทำหน้าที่อย่างนี้ ใจทำหน้าที่อย่างนี้ กายวิเวกเป็นอย่างนี้ ใจวิเวกเป็นอย่างนี้ กิเลสมาร กิเลสหยาบ กิเลสละเอียด เป็นลักษณะอย่างนี้ เราจะหาวิธีไหนเข้าไปกำจัดกิเลสภายในใจของเรา
แนวทางนั้นมีมาตั้งนาน บุคคลที่มีบุญไม่จำเป็นต้องไปพูดมากเลย ฟังนิดเดียวรู้นิดเดียว การเจริญสติเป็นอย่างนี้ การทำความเข้าใจเป็นอย่างนี้ จะมีความเพียร ขัดเกลาตัวเราเองอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งหมดทุกสิ่งทุกอย่าง หมดความสงสัย ความลังเล หมดกิเลสที่จะไปขัดเกลา มีตั้งแต่ทำความเข้าใจ บริหารทำหน้าที่ให้ถูก ก็ต้องพยายามกัน ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี
พระเราชีเราเณรเราก็เยอะ ให้พยายามขยันหมั่นเพียร มีอะไรก็ช่วยกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อยู่กันคนละทิศละที่ละทาง สร้างอานิสงส์มาด้วยกันนั่นแหละถึงได้มาอยู่ร่วมกัน เดี๋ยวก็ได้พลัดพรากจากกัน ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนเป็นก็ได้พลัดพรากจากกันตอนตาย เพราะเป็นกฎของไตรลักษณ์ กฎของความเป็นจริง
ขณะที่อยู่รวมกัน เราพยายามสร้างความสมัครสมานสามัคคี สร้างพรหมวิหาร สร้างความเสียสละ อนุเคราะห์ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จากหนักก็จะเป็นเบา จากเบาก็แทบจะไม่มี อะไรที่เป็นบุญเป็นกุศล เราก็ช่วยกันทำให้เกิดประโยชน์ เราก็พลอยได้รับประโยชน์นั้นด้วย คนอื่นมาก็พลอยได้รับประโยชน์นั้นด้วย เป็นเรื่องของเราทุกคน ไม่ใช่เรื่องของคนอื่น เป็นเรื่องของเราที่จะดูเรา แก้ไขเรา ปรับปรุงตัวเราทุกเรื่อง
กายทำหน้าที่อย่างไร วิญญาณทำหน้าที่อย่างไร โลกธรรมมีอะไรบ้างที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว จนกว่าจะหมดลมหายใจ มองเห็นหนทางเดิน ท่านถึงบอกให้เชื่อ ก็พยายามเอา วันนี้มี พรุ่งนี้มี โลกนี้มี อนาคตมี สวรรค์นรกมี มีหมด ขอให้เราทำความเข้าใจ ถึงเราไม่เข้าใจได้แจ่มแจ้ง ก็ขอให้ใจของเราอยู่ในกองบุญกองกุศลเอาไว้ ไม่เสียหลาย ก็ต้องพยายามกัน
เอาละวันนี้ก็ขอเจริญธรรมกันเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อม ๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอานะ