แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจ ที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ พอรู้ตัวปุ๊บก็สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออก รู้ความปกติของใจ รู้ความคิดที่ผุดขึ้นมา ใจเคลื่อนเข้าไปรวมกับความคิดได้อย่างไร ทำความเข้าใจ เห็นความเกิดความดับ เห็นลักษณะของใจ ใจที่ปกติ ใจที่ไม่เกิด ใจที่ส่งออกไปภายนอก รู้ลักษณะอาการของใจ รู้เท่ารู้ทัน รู้จักทำความเข้าใจให้ได้ทุกอิริยาบถ หมั่นแก้ไขจิตใจของเราตลอดเวลา
อะไรคือปัญญาหรือว่าสติที่เราสร้างขึ้นมา อะไรคือใจ เราแก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา ทุกเรื่อง เรามีความขยันหมั่นเพียรเพียงพอหรือไม่ มีความรับผิดชอบต่อตัวเรา ต่อคนอื่น ต่อสถานที่หรือไม่ เรามีความเสียสละ หรือว่ามีความเห็นแก่ตัว หรือว่ามีตั้งแต่ความเกียจคร้านเข้าครอบงำ นิวรณธรรมต่างๆ ความเกียจคร้าน ความกังวล ความฟุ้งซ่านต่างๆ
เราพยายามแก้ไขตัวเรา ถ้าเราไม่แก้ไขตัวเรา ไม่มีใครจะแก้ให้เราได้หรอก นอกจากตัวของเรา แก้ไขทั้งสมมติ อะไรคือสมมติในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว ความเป็นอยู่ของเราเป็นอย่างไร ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน ที่อยู่ที่กิน ที่ถ่ายที่เยี่ยว อำนวยความสะดวกสบายให้เราอยู่ในระดับของสมมติ ก็เบาบางทางด้านสมมติลงไป
ทางด้านจิตใจ ความเกิดความดับ ใจของเรามีกิเลส เกิดกิเลส กิเลสหยาบหรือว่ากิเลสละเอียด เราต้องพยายามแก้ไข ต้องเป็นบุคคลที่ขยันหมั่นเพียรที่ต่อเนื่อง ไม่ใช่ว่าจะไปแสวงหาธรรมที่โน่นที่นี่ เราแสวงหาลงที่กายที่ใจของเรา การแสวงหาธรรมที่โน่นที่นี่ อันนั้นก็เป็นเพียงการแสวงหาวิธีการแนวทาง ถ้าเราไม่แก้ไขภายในของเราก็ยากที่จะเข้าถึง
ก็ต้องพยายามสร้างอานิสงส์ สร้างตบะ สร้างบารมี ความอดทนอดกลั้น อดทนต่อกิเลสต่างๆ อดทนอดกลั้นต่อเหตุการณ์ต่างๆ รู้จักอด รู้จักทน รู้จักควบคุม ควบคุมใจของเรา รู้จักปรับความสมดุล รู้จักแก้ไขอยู่ตลอดเวลา พัฒนาจิตใจของเรา ยกระดับจิตใจของเราให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนกว่าใจของเราจะคลายออกจากขันธ์ 5 หรือว่าแยกรูปแยกนามได้นั่นแหละ ท่านถึงได้มองเห็นหนทางเดินคือ 'สัมมาทิฏฐิ' คือความเห็นถูก
เห็นลักษณะอาการ เห็นการแยก การคลาย ดู รู้ลักษณะของใจ รู้เท่ารู้ทัน รู้กันรู้แก้ รู้จักทำความเข้าใจ รู้จักขัดเกลากิเลสออกจากใจของเราให้ได้ บอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น ถ้าสอนเราไม่ได้อย่าไปเที่ยวให้คนอื่นเขาสอน ไม่เกิดประโยชน์
ถ้ารู้จักวิธีสอนตัวเรา สอนตัวเองให้ได้ อยู่คนเดียวเราก็มีความสุข อยู่หลายคนเราก็มีความสุข อยู่กับสมมติเราก็มีความสุข เรื่องจิตก็ค่อยพัฒนากันขึ้นไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ถึงจุดหมายปลายทางกัน
ส่วนสมมติอะไรยังขาดตกบกพร่องเราก็ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อีกสักหน่อยก็ต้องได้ พลัดพรากจากกัน ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนเป็น ก็ต้องได้พลัดพรากจากกันตอนตาย เพราะเป็นกฎของไตรลักษณ์ เพราะว่าคนเราเกิดมาเท่าไหร่ก็ตายหมด ไม่ตายช้าก็ตายเร็ว แต่ก็ขอให้ตายอย่างมีศักดิ์ศรีของการเกิดมาเป็นมนุษย์ ไม่ตายด้วยความหลง ไม่ตายด้วยอำนาจของกิเลส ให้ตายด้วยสติ ตายด้วยปัญญารู้แจ้งเห็นจริงเสียก่อน
ความตายนี้ไม่ได้เลือกกาลเลือกเวลา เมื่อกี้นี้ก็มารับเอาโลงไป 1 โลง แต่ละวันๆ 2 โลงบ้าง 3 โลงบ้าง จนกระทั่งวันละ 7-8 โลงก็มี ที่มารับเอาโลงศพนี่แหละ ความตายมาให้เราเห็นได้ทุกวัน เราก็จะได้ไปเหมือนกัน ไม่รู้ว่าจะไปช้าหรือไปเร็วเท่านั้นเอง
ถ้ายังไม่ถึงเวลาก็ไม่ได้ไป ถ้าถึงเวลาแล้วเอาอะไรมาปิดกั้นเอาไว้ก็ไม่อยู่ ให้เรารีบตักตวง สร้างบุญสร้างกุศล สร้างคุณงามความดีในกายก้อนนี้ให้ได้ หมดลมหายใจก็มีแต่เรื่องบุญกับเรื่องบาป สูงขึ้นไปก็ละหมดทั้งบุญทั้งบาปนั่นแหละ
สร้างบุญแต่ไม่ยึดติดในบุญ อยู่เหนือบุญเหนือบาป ไปที่ไหนเราก็จะไม่ได้ลำบาก ก็ต้องพยายามไปศึกษาค้นคว้าใจหรือว่าจิตวิญญาณของเราให้ได้ ขณะที่ยังมีกำลังอยู่ก็ต้องพยายามกัน
หลวงพ่อก็ขอขอบใจ ขอบคุณทุกคนที่ได้ช่วยกันในการงานทุกอย่าง อย่าพากันเกียจคร้าน ทั้งพระทั้งโยมทั้งชี พระเกียจคร้านก็ไม่ดี ชีเกียจคร้านก็ไม่ดี โยมเกียจคร้านก็ไม่ดี เราพยายามสร้างความขยันหมั่นเพียร หรือว่าสร้างความเพียรให้มีให้เกิดขึ้น ไม่บังคับใครทั้งนั้น จะไม่บังคับใคร เพียงแค่บอกแค่กล่าว ถ้าใครนั่นก็ขยันหมั่นเพียรเอา ทำเอา
การเจริญสติก็ของใครของมัน กิเลสก็ของใครของมัน ไม่ใช่ว่าไปอยู่ที่โน่นฉันจะละกิเลสได้ ไปอยู่ที่นี่ฉันจะละกิเลสได้ มันก็ขึ้นอยู่ที่ตัวของเรามีตั้งแต่คนโง่ทั้งนั้นแหละ ชอบให้คนอื่นเขาบังคับ คนฉลาดเขารู้แนวทางแล้ว เขาก็ไปทำ ไปฝึก ไปศึกษา
แต่ละวันตื่นขึ้นมา รู้จักแก้ไขตัวเรา การเจริญสติที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างนี้ ความรู้ตัว คำว่า 'ปัจจุบันธรรม' เป็นลักษณะอย่างนี้ การดับการละ เราจะใช้วิธีการอุบายอย่างไรเข้าไปดับ เข้าไปละ กายวิเวกเป็นอย่างไร ใจวิเวกเป็นอย่างไร
เราแก้ไขตัวเราตั้งแต่ตื่นขึ้น สติของเราพลั้งเผลอได้อย่างไร จะเริ่มต้นยังไง ไม่จำเป็นต้องบอกให้คนอื่นเขาบังคับให้ไปเดิน ต้องไปนั่ง ต้องไปฝึก ทั้งที่กิเลสก็ของเรา กิเลสหยาบเป็นยังไง กิเลสละเอียดเป็นอย่างไร ค้นคว้าลงไป แก้ไขลงไป
คนฉลาดเขาฟังนิดเดียว โน่นไปถึงฝั่ง ถึงพระนิพพานนู่นไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นเขาบังคับ ถ้าคนเกียจคร้านไปอยู่ที่ไหนก็เอาตั้งแต่ความเกียจคร้านเข้าครอบงำ เพียงแค่งานระดับสมมติก็ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ระดับภายในมันจะถึงได้อย่างไร มันจะเข้าใจได้อย่างไร เพียงแค่ระดับสมมติก็ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ยังให้ความเกียจคร้านเข้าครอบงำ
เราจงเป็นบุคคลที่มีความขยันหมั่นเพียรเป็นเลิศ เราก็จะได้อานิสงส์อันเป็นเลิศ คือความสะอาดความบริสุทธิ์ ไม่ต้องไปกังวลว่าจะเสียเปรียบคนโน้น เสียเปรียบกิเลสคนนี้ เราชนะตัวเราแล้ว เราชนะหมดทุกอย่างนั่นแหล่ะ
ทีนี้ผลกำไรอานิสงส์ในการทำสมมติให้เกิดประโยชน์ ประโยชน์ทางสมมติก็เป็นอานิสงส์ เป็นผลพลอยได้ในขณะที่เรายังมีกำลัง ยังมีลมหายใจ บุญสมมติเราก็ทำ บุญวิมุตติหลุดพ้นเราก็ทำ สักวันหนึ่งเราก็คงจะถึงจุดหมายปลายทางกัน
เอาล่ะวันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ