แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
หลวงพ่อฝากไว้ ลำดับที่ 25
วันที่ 12 มกราคม 2557
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจ ที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสียนะ นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย วางใจให้สบาย ไม่ต้องประนมมือ ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียก
สร้างความรู้สึกรับรู้เรื่องการหายใจเข้าออกของเรา การหายใจเข้าออกของเราก็มีมาตั้งแต่เกิดนั่นแหละ
แต่เราขาดการสร้างความรู้ตัว ขาดการวิเคราะห์ ก็เลยไปนึกไปมั่นหมายไปคิดเอา ไปดำเนินชีวิตด้วยการคิดด้วยการเกิด ด้วยใจเกิดอยู่ตลอดเวลา อาจจะถูกต้องอยู่ระดับของสมมติ
การเกิดของใจนั้นเขาหลงมาตั้งนาน ถ้าไม่หลงเขาไม่เกิดหรอก เขาหลงเกิดมาอยู่ในภพของมนุษย์ มาสร้างภพมนุษย์ มาสร้างกายเนื้อปิดกั้นเอาไว้ ส่วนความคิด ส่วนนามธรรมก็ปิดกั้นดวงใจเอาไว้ ท่านถึงได้ให้มาเจริญสติหรือว่ามาสร้างผู้รู้เข้าไปวิเคราะห์ เข้าไปชี้เหตุชี้ผล จนกว่าใจของเราจะคลายออกจากความยึดมั่นถือมั่น หรือเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’ ถึงจะเข้าใจ ถึงจะมองเห็นหนทางเดิน
แต่เวลานี้เรามีแค่เพียงศรัทธา ทำบุญให้ทาน อยู่ในระดับนี้เท่านั้นเอง แต่การทำความเข้าใจ รู้ลักษณะของใจจริง ๆ นั้น ต้องเป็นบุคคลที่มีความเพียรที่ต่อเนื่อง มีความเพียรที่เป็นเลิศ มีความเพียรชี้เหตุชี้ผล ดูรู้ลักษณะของใจ ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร กิเลสหยาบ กิเลสละเอียดเป็นอย่างไร ใจที่ส่งออกไปภายนอกเป็นอย่างไร ใจที่ปรุงแต่งเป็นอย่างไร กายวิเวกเป็นอย่างไร ใจวิเวกเป็นอย่างไร
เราขาดการวิเคราะห์กันมากเลยทีเดียว มีตั้งแต่ไปเหมารวมกัน อยากจะได้ธรรม อยากจะรู้ธรรม อยากจะเห็นธรรม อยากทำบุญ ไปทั้งก้อน หลงทั้งก้อน ทั้งใจทั้งกาย ทั้งสติปัญญารวมกันไปหมด ในหลักธรรมท่านให้เจริญสติให้รู้จักลักษณะของคำว่า ‘ปัจจุบันธรรม’ ความรู้ตัวอยู่ปัจจุบันธรรมที่ต่อเนื่อง แล้วก็รู้ลักษณะของใจเวลาการก่อตัว การเกิด ความคิดที่ผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจซึ่งอยู่ในกายของเรา แสวงหานอกกายหาไม่เจอ เราต้องหาในกายของเรา ขอให้มีศรัทธา น้อมกายเข้ามาน้อมใจเข้ามา
แนวทางนั้นพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบมาตั้งนาน บุคคลที่มีบุญมีอานิสงส์ไม่จำเป็นต้องไปพูดมากมาย จะหมั่นพร่ำสอนตัวเองอยู่ตลอดเวลา แก้ไขตัวเองอยู่ตลอดเวลา เอากายเป็นวัด ทำใจให้เป็นพระ เจริญสติเข้าไปเยี่ยมพระอยู่บ่อย ๆ ไปหมั่นอบรมใจของเราอยู่บ่อย ๆ รู้ไม่เท่าทัน ก็รู้จักหยุด รู้จักระงับยับยั้งเอาไว้ รู้จักอดรู้จักทน รู้จักละกิเลส กิเลสไม่ได้เลือกกาลเลือกเวลา แม้แต่ตัวใจเองแท้ ๆ เขาก็ยังหาเหตุหาผลมาปิดกั้นตัวเอง
นอกจากบุคคลที่รู้จักลักษณะของสติที่รู้ตัวเป็นอย่างไร สติที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างไร รู้จักวิธี รู้จักแนวทางแล้วก็ไปทำ อย่าไปปล่อยวันเวลาทิ้ง เสียดายเวลา อย่าไปปิดกั้นตัวเราเองว่าไม่มีโอกาส ว่าไม่มีเวลา มีโอกาสอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก รู้ไม่ทัน ก็รู้จักหยุด รู้จักควบคุม ไม่ต้องไปกลัวว่าจะไม่รู้ธรรม ไม่ต้องไปกังวลว่าจะไม่รู้ไม่เห็น ไม่ต้องไปกังวลว่าจะไม่ถึงจุดหมายปลายทาง
ใจที่สะอาดบริสุทธิ์มีอยู่ในกายของเรา เพราะความหลง ความเกิด เข้ามาปิดกั้นเอาไว้ เพียงแค่การเจริญสติก็ยังทำไม่ต่อเนื่องกัน ตั้งแต่เช้ามาสติของเราต่อเนื่องกันสัก 5 นาทีหรือไม่ ทำอย่างไรเราถึงจะให้ต่อเนื่องกันทั้งวัน ทั้งคืน ทั้งเดือน ทั้งปี จนเป็นอัตโนมัติ จนกลายเป็นมหาสติ จนกลายเป็นมหาปัญญา
ขัดเกลากิเลสจนหมดสิ่งที่จะขัดเกลา จนมองเห็นความเป็นจริงในชีวิต มองเห็นหนทางเดิน
อะไรเป็นทางกุศล อะไรเป็นทางอกุศล อะไรควรละ อะไรควรเจริญ เข้าถึงคำสอนของพระพุทธองค์ ท่านสอนเรื่องอะไร สอนเรื่องสมมติ วิมุตติ สอนเรื่องอัตตา สอนเรื่องอนัตตา สอนเรื่องทุกข์ ความหมายในสิ่งที่ท่านสอนนั้นมีอยู่ในกายของเราหมด ไม่ต้องไปแสวงหาที่ไหนเลย แสวงหาอยู่ในกายของเรานี้แหละ
ภาษาธรรมเป็นอย่างไร ภาษาโลกเป็นอย่างไร กายทวารทั้งหกของเราทำหน้าที่อย่างไร เราต้องศึกษาให้ละเอียด ก่อนที่เราจะหมดลมหายใจ พยายามพากันทำ ไม่ว่าพระ ว่าโยม ว่าชี การละกิเลสละให้กันไม่ได้ การทำบุญทางสมมติ เราทำร่วมกันได้ มีโอกาสทำร่วมกันได้ หลวงพ่อก็พาทำ เป็นสะพานพาทำ อานิสงส์ทางสมมติ ทำอยู่ตลอดเวลา
เอาล่ะวันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อม ๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันนะ