PAGODA

  • Create an account
  • Forgot your username?
  • Forgot your password?
or

Connection

Your e-mail is required to ensure the proper functioning of the Website and its services and we make a commitment not to reveal it to third parties

  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ
PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ

เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก

เข้าสู่ระบบ

  • สมัครสมาชิก
  • ลืมชื่อผู้ใช้?
  • ลืมรหัสผ่าน?

Search

  • หน้าแรก
  • เสียง
  • พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
  • ตามความเป็นจริง24
ตามความเป็นจริง24 รูปภาพ 1
  • Title
    ตามความเป็นจริง24
  • เสียง
  • 11766 ตามความเป็นจริง24 /aj-sumran/24-2.html
    Click to subscribe
    • Share
    • Tweet
    • Email
    • Share
    • Share

ผู้ให้ธรรม
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
วันที่นำเข้าข้อมูล
วันจันทร์, 26 มิถุนายน 2566
ชุด
ตามความเป็นจริง
  • แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]

  • ตามความเป็นจริง ลำดับที่ 24

    วันที่ 1 เมษายน 2557

    ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่าน​จงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้​สัมผัสของลมหายใจของเราให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง​ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา เราได้รู้จักการเจริญสติแล้วหรือยัง บางคนบางท่านก็อาจจะทำอยู่ แต่ทำไม่ต่อเนื่อง หลวงพ่อก็ได้เพียงแค่พูด แค่ย้ำ แค่เตือน แค่ชี้แนะแนวทางให้ ถ้าพวกท่านเข้าใจวิธีการแนวทางแล้ว ก็ไปทำความเพียร​ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหน

    การเจริญสติ การสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง​ให้เชื่อมโยง​เป็นลักษณะอย่างนี้ คำว่า ​'ปัจจุบันธรรม'​ มีความรู้สึกรับรู้อยู่​ ปัจจุบันธรรม เราต้องสร้างขึ้นมาเสียก่อน ​ไม่ใช่ว่าเอาไปนึก​เอาไปคิดเอา

    ส่วนการเกิดการดับของจิตวิญญาณนั้นมีอยู่ตลอด เขาเกิดมานาน เขาหลงมานาน เขาถึงเกิด หลงเกิด จนได้มาสร้างภพของมนุษย์ แล้วก็มีความทะเยอทะยานอยากสารพัดอย่าง ในหลักธรรมทั้งความอยาก​ ทั้งความไม่อยาก​ ท่านก็ให้ละหมด แม้แต่การเกิดของจิตวิญญาณ

    แต่เวลานี้เขาเกิด เขาสร้างขันธ์ห้า สร้างร่างกายมาปิดกั้นเอาไว้​ แล้ว​ก็มามีส่วนรูปธรรม​ ส่วนนามธรรม​มาปิดกั้นเอาไว้​ เราต้องมาเจริญสติ​เข้าไปดู​ รู้ให้เท่าทันตั้งแต่การเกิดการดับ จนจิตของเราคลายออกจากความคิด ซึ่งเรียกว่า ​'แยกรูปแยกนาม'​ หรือว่า 'สัมมาทิฏฐิ-ความรู้แจ้งเห็นจริง’​

    สติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมา ความรู้ตัวที่เราสร้างขึ้นมา ตามทำความเข้าใจ​ ตั้งแต่ต้นเหตุ กลางเหตุ ปลายเหตุ ใจว่างรับรู้อยู่ มองเห็นเหตุเห็นผล ชี้เหตุชี้ผลจนใจยอมรับความเป็นจริงได้ นั่นแหละเขาถึงจะปล่อย ถึงจะวางได้

    ที่หลวงพ่อพูดให้ฟังนี่​ สำหรับบุคคลที่แยกแยะได้แล้ว ตามทำความเข้าใจได้แล้ว แต่เวลานี้กำลังสติของพวกท่านมีไม่ถึงนาทีเลย มันก็เลยรู้ไม่เท่าทันการเกิดการดับของใจ การเกิดการดับของขันธ์ห้า สังเกตไม่ทัน ก็เลยปิดกั้นเอาไว้ ทั้งที่ใจเป็นบุญ อยากจะได้บุญ อยากจะรู้ธรรม อยากจะเห็นธรรม แต่บุญนั้นได้อยู่แล้วแหละ

    การทำบุญการให้ทานนั้น มีกันมาตั้งแต่ปู่ย่าตายาย แต่การเดินปัญญา แยกแยะ​ ทำความเข้าใจ ตรงนี้เราต้องทำความเพียรให้มี ให้เกิดขึ้นที่ใจของเรา รู้ด้วย เห็นด้วย เข้าถึงด้วย หมดความสงสัยได้ด้วย แล้วก็ละให้ได้อีกด้วย จนไม่มีอะไรที่จะเหลือ ที่จะละจากใจนั่นแหละ หรือว่า 'ความบริสุทธิ์'​ นั่นแหละ 

    มองเห็นความเป็นจริงในชีวิต ยังประโยชน์​ ประโยชน์ใกล้​ ประโยชน์ไกล ​ประโยชน์โลกนี้ ประโยชน์ปัจจุบันให้ได้เสียก่อน ก็จะส่งผลถึงอนาคตได้เอง​พยายามนะ อย่าพากันทิ้ง อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง เสียดายเวลา อย่าไปปิดกั้นตัวเรา ว่าไม่มีโอกาส ว่าไม่มีเวลา มีเวลาทุกลมหายใจเข้าออก ทุกขณะใจ ​ทุกขณะจิต ถ้าเราเข้าใจ รู้จักอันนี้ ลักษณะของสติปัญญาเป็นอย่างนี้ ลักษณะของใจที่ไม่มีกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่คลายออกจากขันธ์ห้าเป็นอย่างนี้ ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างนี้ ใจที่ปกติ คำว่า 'ปกติ'​ คือศีล คำว่า ​'ใจสงบ'​ ก็คือสมาธิ

    สติของเราเห็นการเกิดการดับ เห็นการคลาย แยกรูปแยกนามได้ก็เรียกว่า 'วิปัสสนา'​ ตามทำความเข้าใจให้ได้ ละให้ได้ ก็เรียกว่า 'ปัญญา'​ จนไม่มีอะไรที่จะเหลือนั่นแหละ ถึงอยู่อย่างมีความสุข​ ดูแลบริหารกายบริหารใจของเรา จนกว่าจะหมดลมหายใจ​ มองเห็นหนทางเดินว่าเราจะได้กลับมาเกิด หรือไม่กลับมาเกิดกัน ได้เท่าไหร่ก็ดี อย่าว่าไม่ทำ

    พระเรา​ชีเราก็เหมือนกัน สามเณรก็เหมือนกัน ค่อยฝึกฝนตัวเรา แก้ไขตัวเรา  ได้บ้างไม่ได้บ้าง​ ก็พยายาม ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนแต่ไปด้วยแรงของกรรม เราต้องทำความเข้าใจกับกรรม ถ้าแยกรูปแยกนามได้ เราก็จะเข้าใจในเรื่องของกรรม​ ในเรื่องของชีวิต วงเวียนของชีวิต​

    ถ้าแยกรูปแยกนามไม่ได้ ยังไม่ถึงเวลาก็ต้องสร้างบารมี เหมือนกับเราปลูกต้นไม้สักต้น จะเร่งให้ออกดอกออกผลวันเดียวก็ไม่ได้ ต้องคอยกาลคอยเวลา หมั่นดูแลรักษา การประพฤติปฏิบัติใจก็เหมือนกัน​ค่อยแก้ไขปรับปรุงไปเรื่อย ๆ ด้วยการเจริญพรหมวิหาร การขัดเกลา การละ

    เหมือนกับเราขึ้นบันได ค่อยขึ้นไปเรื่อย ๆ​ ก็จะถึงตัวเรือน แต่เขาก็อาศัยราวบันได​ ต่อเนื่องกัน​เชื่อมโยงกันอยู่ แต่เรายังเดินไม่ถึง ถึงเวลาก็คงจะเดินปัญญา เข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์ได้ เข้าใจในชีวิตของตัวเองได้ ก็ต้องพยายามกันนะ

    สร้างความรู้สึกรับรู้​การหายใจเข้าออกให้ชัดเจน​

    พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปศึกษาทำความเข้าใจต่อนะ หลวงพ่อเพียงแค่ย้ำ แค่เตือน แค่เล่าให้ฟัง

logo

  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • จดหมายข่าว
  • Privacy Policy
  • Terms of Service