ตามความเป็นจริง ลำดับที่ 20

วันที่ 25 มีนาคม 2557

ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจน แล้วก็ให้ต่อเนื่อง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา เราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง หรือมีตั้งแต่ไปนึกเอาไปคิดเอา อันนั้นก็เป็นปัญญาทางสมมติ แต่ในหลักธรรม เราต้องมาสร้างปัญญาตัวใหม่ ก่อนที่จะเป็นปัญญาได้ เราก็มีการสร้างความรู้ตัว แล้วก็สร้างให้ต่อเนื่อง

ฐานบุญมีกันทุกคน อานิสงส์เก่าบุญเก่า ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์  แล้วก็มีศรัทธาเชื่อมั่นในพระรัตนตรัย  รู้จักสร้างบุญสร้างบารมี แต่การเจริญสติที่ต่อเนื่องที่เชื่อมโยง ที่จะเข้าไปเห็นการเกิดการดับของใจ เห็นการเกิดการดับของความคิด ตรงนี้มีกำลังไม่เพียงพอ ก็เลยเอาตั้งแต่ทำบุญอย่างเดียว ทำบุญก็ได้บุญ แต่ยังไม่ได้ปัญญาที่จะเข้าไปดับ ละกิเลสที่ใจของเรา นอกจากจะมาเจริญสติ 

นั่งตามสบาย ไม่ต้องพนมมือ ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาว ๆ ลึก ๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาว ๆ  ลมสัมผัสที่กระทบปลายจมูกของเรามีความรู้สึกรับรู้อยู่ นั่นแหละเขาเรียกว่า ‘สติ’ ถ้ารู้ให้ต่อเนื่อง เขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ เราพยายามฝึกให้เกิดความเคยชิน ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ พอรู้ตัวปุ๊บรู้ลมหายใจเข้าออกปั๊บ จะลุกจะก้าวจะเดิน ความรู้สึกอยู่ที่การเดินปุ๊บ จะทำโน่นทำนี่ ใจของเราปกติ

ถ้าใจก่อตัว เราก็พยายามหยุด ควบคุม หนุนกำลังสติเข้าไปทำหน้าที่แทน มีความคิดผุดขึ้นมา เขาก่อตัวอย่างไร ใจของเราเคลื่อนเข้าไปรวมได้อย่างไร ตรงนี้แหละสำคัญ ถ้าเรารู้เท่าทัน ใจก็จะคลายออก ซึ่งเรียกว่า ‘สัมมาทิฏฐิ-แยกรูปแยกนาม’

แต่เวลานี้ กำลังสติไม่ค่อยจะสร้างกันให้ต่อเนื่อง ก็เลยรู้ไม่ทันตรงนี้ เพราะว่ากลัวจะบอกว่า ‘จะเสียเวลามาฝึกทำไม’อย่างนั้นคิดผิดเลย เรามาฝึก แล้วก็ไปใช้ จนเต็มรอบ จนรู้เท่าทันจิต รู้เท่าทันกิเลส รู้จักละกิเลส เจริญพรหมวิหาร มองโลกในทางที่ดี

ชีวิตของเรา เราต้องแก้ไข เราจะไปเที่ยวให้คนอื่นเขาแก้ไขให้ไม่ได้เลย นอกจากเราจะไปขออุบายขอแนวทาง แล้วก็ดำเนิน ให้มี ให้เกิด ให้เห็นขึ้นที่ใจของเรา เจริญพรหมวิหารเยอะ ๆ มองโลกในทางที่ดี คิดดีทำดี สักวันหนึ่งเราก็คงจะถึงจุดหมายปลายทางกัน

สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจให้ชัดเจน อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวขณะนี้ก็ให้รู้ว่าลมวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนนะ 

พากันไหว้พระพร้อม ๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจนะ