PAGODA

  • Create an account
  • Forgot your username?
  • Forgot your password?
or

Connection

Your e-mail is required to ensure the proper functioning of the Website and its services and we make a commitment not to reveal it to third parties

  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ
PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ

เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก

เข้าสู่ระบบ

  • สมัครสมาชิก
  • ลืมชื่อผู้ใช้?
  • ลืมรหัสผ่าน?

Search

  • หน้าแรก
  • เสียง
  • พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
  • ตามความเป็นจริง15
ตามความเป็นจริง15 รูปภาพ 1
  • Title
    ตามความเป็นจริง15
  • เสียง
  • 11757 ตามความเป็นจริง15 /aj-sumran/15-2.html
    Click to subscribe
    • Share
    • Tweet
    • Email
    • Share
    • Share

ผู้ให้ธรรม
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
วันที่นำเข้าข้อมูล
วันจันทร์, 26 มิถุนายน 2566
ชุด
ตามความเป็นจริง
  • แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]

  • ตามความเป็นจริง ลำดับที่ 15

    วันที่ 21 มีนาคม 2557

    ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ หรือว่าสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสทั้งลมหายใจของเรา  อย่าเพิ่งไปพิจารณาอะไรทั้งสิ้น เพียงแค่สร้างความรู้สึกรับรู้ การหายใจเข้าออกของเราให้ชัดเจน แล้วก็ให้ต่อเนื่อง แล้วก็ให้เชื่อมโยง ฟังไปด้วย เสียงก็สักแต่ว่าเสียง นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาว ๆ ลึก ๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาว  ๆ พยายามฝึกให้เกิดความเคยชิน

    การหายใจเข้ายาวมีความรู้สึกรับรู้เป็นลักษณะอย่างนี้  การหายใจออกยาวมีความรู้สึกรับรู้อยู่ ขณะลมหายใจออกกระทบปลายจมูกของเรา พยายามฝึกให้เกิดความเคยชิน ถ้าเราฝึกให้เกิดความเคยชินแล้ว ความรู้ตัวก็จะต่อเนื่อง ก็จะเชื่อมโยง นี่แหละในหลักธรรมท่านเรียกว่า ‘สติสัมปชัญญะ-มีความรู้กายของเรา’

    ส่วนใจนั้นเขาเกิด ๆ ดับ ๆ ส่วนใจกับอาการของใจนั้นเขาเกิด ๆ ดับ ๆ ของเขามีอยู่แล้ว เรามาสร้างตัวใหม่ให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงก็จะไปเห็นการเกิดของใจ ใจเกิดกิเลสเราก็รู้จักดับ เราไปอบรมใจ ไปแก้ไขใจ จนกว่าใจของเราจะคลายออก ซึ่งเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’ นี่แหละเขาเรียกว่า ‘สัมมาทิฏฐิ-ความรู้แจ้งเห็นจริง’

    ก่อนที่จะรู้ตรงนี้เห็นตรงนี้ เราต้องมีพลังของการเจริญสติให้ต่อเนื่องให้ได้เสียก่อน  ส่วนมากก็อาจจะมีอยู่ แต่ไม่ต่อเนื่อง ก็เลยไม่รู้เท่าทันใจ เท่าทันความคิด ก็เลยไปยึดมั่นถือมั่นเอาว่า ความคิดที่เกิดจากใจ เกิดจากขันธ์ห้า นั้นเป็นความคิดเป็นตัวเป็นตนของเราจริง ๆ เป็นตัวเป็นตนของเราจริง ๆ อยู่ในระดับของสมมติเท่านั้นเอง 

    แต่ในหลักธรรมเราต้องแจง ต้องแยกแยะ รู้เห็น รู้ต้นเหตุ หาเหตุหาผล ชี้เหตุชี้ผล จนใจมองเห็นความเป็นจริง ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่เที่ยง แม้แต่ใจก็ยังไม่เที่ยง ถ้าเขายังเกิดอยู่  ท่านถึงว่า ‘ใจเกิด จิตเกิด จิตไม่เที่ยง จิตไม่เที่ยง นิพพานไม่เที่ยง จิตเที่ยงนิพพานเที่ยง คือจิตไม่เกิด จิตก็เลยนิ่ง นิพพานก็เลยเที่ยง

    ก่อนที่จะเข้าถึงคำคำนี้ได้ ก่อนที่จะเข้าถึงความหมายตรงนี้ได้ เราต้องแยกแยะทำความเข้าใจกับขันธ์ห้าของเราว่าอะไรเป็นอะไร ละกิเลสออกให้หมดจากจิตจากใจของเรา ดับความเกิดของใจของเราได้นั่นแหละ วางใจให้เป็นอิสรภาพนั่นแหละ เราก็จะรู้ก็จะเห็นความหมาย เข้าถึงภาษาธรรม-ภาษาโลก เข้าถึงความหมายของพระพุทธเจ้าที่ท่านสอนเรื่องอะไร

    ก็ต้องพยายามกัน ทำได้บ้างไม่ได้บ้างก็พยายามทำ ทุกคนปฏิบัติธรรมกันมาดี แต่การทำความเข้าใจให้ละเอียดเท่านั้นที่ยังขาดความเพียรตรงนี้อยู่ ก็ต้องพยายามนะ 

    สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจน

    พากันไหว้พระพร้อม ๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอานะ

logo

  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • จดหมายข่าว
  • Privacy Policy
  • Terms of Service