แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
มีความสุขกันทุกคน วันนี้ก็เป็นวันมาฆบูชา ญาติโยมก็ได้เข้ามาทำบุญกันเยอะ ศาลาของเราก็อาจจะคับแคบบ้าง ก็เชิญเข้ามาข้างใน เชิญเข้ามาข้างในกัน ขยับที่นั่งกัน เรามาทำบุญในวันสำคัญ ได้ทำบุญหลายอย่าง
มาสร้างบุญสร้างบารมีให้เต็มเปี่ยม บุญสมมติก็ไม่ให้ลำบาก ทางด้านวิมุตติ ทางด้านจิตใจก็เจริญสติปัญญาอบรมใจของเรา ละกิเลสของเราให้ได้ บอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น มันถึงจะอยู่อย่างมีความสุข ไม่เป็นทาสกิเลส ไม่เป็นทาสของอารมณ์ ไม่เป็นทาสกิเลส บริหารกายใจด้วยสติ ด้วยปัญญา ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
ทุกคนก็ปรารถนาอยู่ในกองบุญกองกุศล หมั่นสร้างบุญเอาไว้ หมั่นสร้างกุศลเอาไว้ หลวงพ่อก็พาทำอยู่ตลอด
ส่วนการจะดับทุกข์ได้ ละทุกข์ได้ เราก็ต้องปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์ ว่าท่านสอนเรื่องอะไร สอนเรื่องหลักของอริยสัจ สอนเรื่องหลักของชีวิต การดำเนินชีวิต วิธีการแนวทาง การเจริญสติ ตามทางอริยมรรค อริยมรรคคือหนทาง หนทางในองค์ 8 'สัมมาทิฐิ' ความเห็นชอบ เห็นถูก เห็นถูกในหลักการของพระพุทธองค์นั้น เห็นถูกลักษณะอย่างไร เราก็ต้องปฏิบัติให้ปรากฏขึ้นที่ใจของเรา ท่านถึงบอกให้เชื่อ
การเจริญสติเป็นอย่างนี้นะ การแยกรูปแยกนาม การละกิเลส รู้ด้วย เห็นด้วย เข้าถึงด้วย ชี้เหตุชี้ผลให้ได้ด้วย การสร้างบารมี ความเสียสละ การให้ทาน เพื่อที่จิตใจของเราจะได้เบาบางจากกิเลส เพื่อคลายความยึดมั่นถือมั่นลงไปได้ เราก็พยายามทำ ดำเนินให้ครบสมบูรณ์แบบ ตั้งแต่ทาน ศีล สมาธิ แล้วก็ปัญญา ให้ถึงจุดหมายปลายทางกัน
ตราบใดที่ยังฝึกยังศึกษาอยู่ เราก็ต้องเข้าถึง ไม่เข้าถึงช้าก็ต้องเข้าถึงเร็ว ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่แก้ไขใหม่ปรับปรุงตัวเราใหม่ เป็นผู้รู้ผู้ตื่นอยู่ตลอดเวลา
แนวทางคำสอนของพระพุทธองค์นั้นมีเพียบพร้อมอยู่ตลอดเวลา คำว่า 'อัตตา อนัตตา' เป็นอย่างไร 'สมมติ วิมุตติ' เป็นอย่างไร สมมติ วิมุตติ โลกธรรมที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว วิญญาณในกายเป็นอย่างไร อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มีหมด อยู่ในกายของเรา แนวทางท่านได้บัญญัติได้วางเอาไว้
หลักของอริยสัจ หลักของการบำเพ็ญ การขัดเกลากิเลส พรหมวิหาร ต้องให้มีให้เกิดขึ้นที่ใจของเรา ท่านถึงบอกให้เชื่อ ไม่ให้เชื่อแบบงมงาย ให้เชื่อด้วยเหตุด้วยผล ด้วยสติด้วยปัญญา แล้วก็ทำให้มีให้เกิดขึ้น ปรากฏขึ้นที่ใจของเรา ท่านถึงบอกให้เชื่อ
ใจที่ไม่มีกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างนี้ ใจที่ละวางจากขันธ์ 5 เป็นอย่างนี้ วิปัสสนาญาณ วิปัสสนาภูมิเป็นลักษณะอย่างนี้ กิเลสหยาบ กิเลสละเอียด เป็นลักษณะอย่างนี้ ทำความเข้าใจแล้วก็รู้ อะไรควรละ อะไรควรดำเนิน อะไรควรเจริญ เราก็ต้องแก้ไข เราก็ต้องปรับปรุง ไม่ใช่ว่าไปปล่อยปละละเลย ไม่ใช่ไปปิดกั้นตัวเราเอง
เอาตั้งแต่ทำบุญเราก็ได้บุญ ไม่ใช่ว่าไม่ได้บุญ เราต้องพยายามดำเนินชีวิตของเราให้มันสูงขึ้นไป จนมองเห็นหนทางเดิน ว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน ให้ทะลุโปร่งโปร่ง ในร่างกายของเรานี้มีอะไรบ้าง ที่ท่านบอกว่าเป็นกองเป็นขันธ์ เป็นรูปเป็นนาม วิธีการลักษณะของการเจริญสติ ทุกคนก็ว่าตัวเองสติมีปัญญา อันนี้เป็นสติปัญญาของโลกีย์นี่เต็มเปี่ยม มีกันเต็มเปี่ยม
แต่สติปัญญาในทางธรรม เราก็ต้องพยายามเจริญสติเข้าไปชี้เหตุชี้ผล จนหนุนกำลังสติปัญญาของเราไปใช้ จนเป็นมหาสติ มหาสติ มหาปัญญา รอบรู้ รอบรู้ในกองสังขาร รอบรู้ในดวงวิญญาณ มองเห็นหนทางเดิน รอบรู้ในการขัดเกลากิเลส รอบรู้ในโลกธรรมในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว
ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนแต่มีเหตุมีผล ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนแต่มีปัจจัย ปัจจัยของการเกิด การดับการละมีหมด ทุกคนก็ปรารถนาหาความสุขใส่ตัวเอง แต่ถ้าไม่รู้จักจุดปล่อยจุดวางเราก็วางไม่ได้ เราต้องเห็นจุดปล่อยจุดวาง จุดแยกจุดคลาย ช่วงใหม่ๆ ก็อาจจะลำบาก ถ้าเราคนไหนมาฝึก มาฝึกฝนตัวเองตามแนวทางของพระพุทธเจ้า ก็จะมองเห็นชีวิตของตัวเรา แล้วก็รู้จักดำเนินไม่ปล่อยวันเวลาทิ้ง
ขณะที่ยังมีลมหายใจ ยังมีกำลัง อย่าไปทิ้งบุญเด็ดขาด พยายาม ทำน้อยก็เป็นของเรา ทำมากก็เป็นของเรา สูงขึ้นไปก็เจริญสติเข้าไปชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล อะไรควรละ อะไรควรดำเนิน อะไรควรเจริญให้มีให้เกิดขึ้น เราก็จะมองเห็นหนทาง
ตราบใดที่ใจยังเกิดอยู่เขาก็ต้องเกิด ตราบใดที่เจริญสติ เดินปัญญา แยกรูปแยกนามไม่ได้ เราก็จะไม่เข้าใจคำว่า 'สัมมาทิฐิ' ถ้าใจคลายออก แยกรูปแยกนามได้ เราก็จะเข้าใจคำว่า 'ความเห็นถูก' ในหลักธรรม หรือว่า 'สัมมาทิฐิ' ข้อแรกในหนทางเดิน
ทีนี้เราจะขัดเกลากิเลส กิเลสหยาบ กิเลสละเอียด ไล่เรียงลงไปเรื่อยๆ พวกเรามาทำบุญให้ทานวันนี้ ก็เป็นการขัดเกลากิเลส เป็นการสร้างบุญ สร้างบารมีทุกอย่าง ตั้งแต่ความคิด คิดดีก็เป็นบุญ ทำดีก็เป็นบุญ การกระทำของเราให้ถึงพร้อม อย่าไปทำด้วยอำนาจของกิเลส อย่าเป็นทาสของกิเลส
ทุกคนก็มีกิเลส แต่ความบริสุทธิ์หลุดพ้น ใจของทุกคนนั้นสะอาดบริสุทธิ์อยู่เดิม ความไม่เข้าใจถึงเอากิเลสเข้ามาปกปิดเอาไว้ ตั้งแต่หยาบไปหาละเอียด ไล่เรียงลงไปเรื่อยๆ
นอกจากบุคคลที่มาเจริญสติ เจริญปัญญา แยกรูปแยกนามได้ ตามดูได้ ถึงจะรู้ความจริงตรงนี้ ว่ากิเลสหยาบเป็นอย่างไร ว่ากิเลสละเอียดเป็นอย่างไร วิธีการละเป็นอย่างไร ให้ปรากฏขึ้นที่ใจ ท่านถึงบอกให้เชื่อ
ศาสนาของพระพุทธองค์เป็นศาสนาที่มีเหตุมีผล ไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุมีผล ไม่ให้เชื่อแบบงมงาย ให้เชื่อด้วยเหตุด้วยผล ด้วยสติ ด้วยปัญญา ให้ปรากฏขึ้นที่ใจ แล้วก็ดำเนินให้ถึงจุดหมายปลายทางกัน เพราะว่าตราบใดที่ยังเกิดก็ขอให้เกิดอยู่ในกองบุญกองกุศลเอาไว้ หลวงพ่อก็จะพาทำ ทำให้ดีที่สุด ดำเนินให้ดีที่สุด ให้เป็นสมบัติของส่วนกลาง ทุกอย่างให้เป็นของส่วนกลาง ของส่วนรวม
พวกเรามีโอกาสได้มาตั้งกองบุญเอาไว้ พวกเราจากไปคนรุ่นหลังก็จะได้มาสานต่อ ไม่ได้ลำบาก
อานิสงส์ผลบุญที่พวกเราทำเอาไว้ ถึงพวกเราไปตกอยู่ที่ไหน อานิสงส์ของบุญก็จะเป็นเครื่องเกื้อหนุนเราได้ตลอดเวลา
ส่วนการละทุกข์ ดับทุกข์ คำสอนของท่านมีอยู่ เราก็ต้องปฏิบัติตามให้ปรากฏ ถึงจะดับทุกข์ได้ แต่ความเป็นสิริมงคล น้อมกายน้อมใจของเราเข้ามาอยู่ในกองบุญกองกุศล อันนี้ก็เป็นสิ่งที่ประเสริฐ เป็นรากฐานบุญ นำไปสู่หนทางที่มีความสุข หลุดพ้น ไม่ต้องกลับมาเกิดกันในวันข้างหน้า ก็ต้องพยายาม
อย่าไปทิ้งบุญเด็ดขาด ไม่ว่าอยู่ที่ไหน ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ทำบุญให้กับตัวเรา แก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา อะไรไม่ดีก็ปรับปรุงตัวเรา จงโทษตัวเองแก้ไขตัวเอง ปรับปรุงตัวเอง สร้างความขยันหมั่นเพียรเป็นเลิศ ให้มีให้เกิดขึ้นในกายในใจของเรา
แต่ละวันเราละกิเลสได้มากได้น้อยเท่าไหร่ เราก็ต้องวิเคราะห์ ไม่ตกเป็นทาสของกิเลส จะเอา จะมี จะเป็น ก็เป็นเรื่องของปัญญา
ขอให้ทุกคนจงไหว้พระพร้อมๆ กัน