แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
หลวงพ่อฝากไว้ ลำดับที่ 7
วันที่ 9 ตุลาคม 2557
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจน นั่งตามสบายวางกายให้สบาย ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียก
ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาว ๆ ลึก ๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาว ๆ การสูดลมหายใจยาว ผ่อนลมหายใจยาวนี้ รู้สึกว่ากายของเราก็จะสบายขึ้นเยอะ ใจของเราก็จะสงบตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกรับรู้เวลาลมกระทบปลายจมูกของเราก็ชัดเจน ความรู้สึกรับรู้นั่นแหละ เขาเรียกว่า ‘สติรู้กาย’ รู้ลมหายใจเข้าออก รู้ส่วนหนึ่งของกาย แล้วก็พยายามรู้ให้ต่อเนื่อง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ จนเอาไปใช้ได้ รู้เท่า รู้กาย แล้วก็รู้ลมหายใจเข้าออก แล้วก็รู้ใจ รู้ลักษณะอาการของใจ
เวลาใจก่อตัวเริ่มเกิด เริ่มจะคิดนั่นแหละ เริ่มปรุง เริ่มแต่ง ส่งออกไปภายนอกเป็นเรื่องเป็นราว หรือบางทีมีความคิดแทรกเข้ามา โดยที่เขาอยู่เฉย ๆ เขาก็เกิดขึ้น แล้วก็ปรุงแต่ง รวมกับใจ รวมกันไป อันนี้มีอยู่เดิมกันทุกคน ซึ่งเรียกว่า ‘ขันธ์ห้า’ ซึ่งมีวิญญาณเป็นตัวสุดท้าย หรือว่าตัวใจ ไปควบคุม ไปบงการ ไปรวมกันไปหมด แล้วก็ส่งเสริมกันออกไป ด้วยความทะเยอทะยานอยาก ทั้งอยาก ทั้งไม่อยาก เขาก็ปิดกั้น ปิดบังอำพรางตัวเขาเอาเองเอาไว้มากเลยทีเดียว
นอกจากเราจะมาเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล จนกว่าเขาจะคลาย หรือว่าแยกรูปแยกนามได้ เพียงแค่แยกรูปแยกนามได้ เห็นเป็นคนละส่วน นี้ก็ยังไม่หมดจด เราต้องตามทำความเข้าใจให้รู้ทุกเรื่อง แล้วก็ค่อยละ ที่พระพุทธองค์ท่านสอนเรื่อง อัตตา อนัตตา ก็อยู่ตรงนี้แหละ แยกแยะตรงนี้ได้ เราก็เข้าใจคำว่า อัตตา อนัตตา เห็น รู้ลักษณะ เข้าใจสมมติ วิมุตติ อะไรควรละ อะไรควรเจริญ เราจะดำเนินชีวิตของเราอย่างไร การสร้างอานิสงส์ สร้างบารมีเราจะสร้างอย่างไร เราจะสร้างกำลังใจของเราอย่างไร มีแนวทางหมด
ถ้าเราค้นคว้าทำความเข้าใจบ่อย ๆ ไม่ปล่อยปละละเลยเราก็จะเข้าใจ ก็ต้องพยายาม ไม่ว่าพระ ว่าโยม ว่าชี ค่อยเป็นค่อยไป เราจะดำเนินปุ๊บให้มันได้ปั๊บ มันก็ไม่ได้หรอก ขึ้นอยู่กับอานิสงส์ ผลบุญ ผลทาน ความขยันหมั่นเพียร แล้วก็กาลเวลา ความถูกต้อง สักวันหนึ่งก็คงจะถึงจุดหมายปลายทางกัน
วันนี้ก็เป็นวันปวารณาออกพรรษากันตั้งแต่เมื่อเช้า เมื่อคืนนี้ญาติโยมก็มาเยอะ เมื่อวานนี้หลวงพ่อไม่ได้อยู่ด้วย หลวงพ่อไปอำนาจเจริญไปดูผู้เฒ่า ไปดูหลวงปู่ ท่านไม่ค่อยจะสบาย ก็เลยเอายาไปให้ท่าน ไปดู สมัยก่อนสามสิบกว่าปีก่อนก็เคยไปอยู่กับท่าน อยู่ประมาณสักสองพรรษา อยู่ที่ถ้ำเขาแสงเพชร สมัยโน้น ไปอยู่ก็ยังไม่มีอะไร ความเจริญยังไม่มี งูเหลือมตัวใหญ่ ๆ ก็อยู่ที่นั่นแหละ มาเล่นงานเอา ทั้งงูเหลือม ทั้งวิญญาณต่าง ๆ มาปรากฏให้เห็นเยอะแยะมากมาย แต่ก็ไม่ใช่หนทางดับทุกข์
สิ่งที่เป็นหนทางที่จะดับทุกข์ได้ ก็มาเจริญสติ เดินปัญญา คลายความหลง ละกิเลส สร้างกำลังใจ ละความอยาก ความอยากความหิว เรื่องของกาย เรื่องของใจ เขาอยู่ด้วยกัน สมมติ วิมุตติอยู่ด้วยกัน เราต้องทำความเข้าใจ ทำไมใจ กายของเรา ท่านถึงว่า เป็นก้อน เป็นกอง คำว่าเป็นกอง กองสังขาร กองวิญญาณ กองกุศล กองอกุศล กองรูป กองนาม นี่แหละเราพยายามทำความเข้าใจ ศึกษาตรงนี้ กายทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร สายใยตัววิญญาณ กับอาการของวิญญาณ ทำไมมันถึงรวมกันโยงใยกันไปไม่จบไม่สิ้น
ถ้ากำลังสติปัญญาของเรามีเพียงพอจะเห็นชัดเจนมากเลยทีเดียว เพียงแค่การกระดุกกระดิก การก่อตัวของใจ มันเริ่มก่อตัว มันเคลื่อนเข้าไปรวม หรือว่าเข้าไปเสวยอารมณ์นั่นแหละ ไปเสวยอารมณ์ ไปยินดียินร้าย บางทีก็เป็นทุกข์ บางทีก็เป็นสุข บางทีก็เป็นกลาง ๆ ต้องแจงให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น
มีตั้งแต่เรื่องของเรา ไม่ใช่เรื่องของคนอื่น ทำหน้าที่ของเราให้มันหมดจด ทำให้มันจบ ภาระหน้าที่ สมมติก็ยังประโยชน์ เราก็พลอยได้รับประโยชน์นั้นด้วย คนอื่นก็พลอยได้รับประโยชน์นั้นด้วย ฝากเอาไว้กับโลก ฝากเอาไว้กับสังคม ขึ้นอยู่กับอำนาจแห่งบุญของแต่ละบุคคลที่จะมาร่วมกันช่วยร่วมกันทำ ทำมากก็เป็นของเรา ทำน้อยก็เป็นของเรา เห็นคนอื่นทำเราก็พลอยอนุโมทนาสาธุด้วย เราก็มีส่วนแห่งบุญ
อย่าไปอคติ อย่าไปเพ่งโทษ อย่าไปว่ากูดี มึงดี ทุกสิ่งทุกอย่างถ้าใจของเราดีมันดีหมด มองโลกในทางที่ดีคิดดีทำดี ถ้ามีอกุศลเราก็รีบละ รีบกำจัด มีมลทินเราก็รีบละ รีบกำจัดออกไปให้มันหมด ให้ใจของเราอยู่ในกองบุญ ถึงไม่หมดจดก็ให้อยู่บนกองบุญกองกุศลเอาไว้
พระเราก็ช่วยกัน มีอะไรก็ช่วยกัน ช่วยกัน ทำหน้าที่ของเราให้ดี ความขยันหมั่นเพียรก็จะได้ติดตามเราไปในวันข้างหน้า มันไม่หลุดพ้นจริง ๆ ก็จะต่อไปภพหน้า
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจให้ชัดเจน ให้ต่อเนื่องเชื่อมโยงกันสักนาทีสองนาทีดูสิ
พากันไหว้พระพร้อม ๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อนะ