แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
หลวงพ่อฝากไว้ ลำดับที่ 3
วันที่ 20 ตุลาคม 2557
ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมา เราได้สร้างความรู้ตัว รู้กายของเราแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสียนะ หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่าง ๆ เอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว ถึงเราละไม่ได้ หยุดไม่ได้ ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย
ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาว ๆ ลึก ๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาว ๆ การสูดลมหายใจยาว ผ่อนลมหายใจยาว กายของเราก็สบายขึ้นเยอะ ความรู้สึกรับรู้เวลาลมกระทบปลายจมูกของเราก็จะชัดเจน มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกก็พอ ไม่ต้องตาม เหมือนกับนายประตูทวารนั่งอยู่ที่ประตู รถคันไหนวิ่งเข้าก็รู้ รถคันไหนวิ่งออกก็รู้ ลมหายใจเข้าก็รู้ ลมหายใจออกก็รู้ อันนี้เป็นขั้นพื้นฐานในการสร้างความรู้ตัวหรือว่าเจริญสติ
เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออก เราก็ขาดการสนใจกันมากเลยทีเดียว ทั้งที่ว่าได้ยินได้ฟังอยู่ตลอดเวลานั่นแหละ ไม่ว่าจะไปที่ไหน สำนักไหน ครูบาอาจารย์องค์ใด ถ้าฝักใฝ่ในการปฏิบัติ เพียงแค่การเจริญสติ พวกเราก็ยังทำกันไม่ได้ มีแต่ไปนึกเอา ไปคิดเอา ทั้งที่ใจก็เป็นบุญ ใจก็มีศรัทธาเต็มเปี่ยม ตบะบารมีส่วนอื่นนั้นมีกันมาอยู่แล้ว ความเสียสละผ่านกาลผ่านเวลา มีความรับผิดชอบผิดถูกชั่วดีอยู่ในระดับของสมมติ
แต่การเจริญสติที่จะเข้าไปรู้อาการส่วนวิญญาณ ซึ่งอยู่ในกายของเราซึ่งเป็นส่วนนามธรรม ตรงนี้รู้อยู่แต่เราไม่เห็นอาการที่เขากำลังเริ่มเกิด เขาเกิดอย่างไร เขาปรุงแต่งอย่างไร ทำไมใจถึงเกิด ทำไมใจถึงหลง ทำไมความคิดถึงผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจ อะไรคือส่วนรูป อะไรคือส่วนนาม วิญญาณของตัวตนที่แท้จริงของเราเป็นอย่างไร เราต้องศึกษาให้ละเอียด อย่าไปผัดวันประกันพรุ่ง
พยายามรีบเร่งด้วยการสังเกต ด้วยการวิเคราะห์ รู้ไม่ทันก็รู้จักหยุดรู้จักดับ เขาเรียกว่า ‘สมถภาวนา’ แล้วก็พยายามมองโลกในทางที่ดี คิดดี ทำดี เจริญพรหมวิหารไปพร้อม ปรับสภาพใจของตัวเราเอง มีความอ่อนน้อมถ่อมตน หรือว่ามีความแข็งกระด้าง เรามีความจริงใจต่อตัวเราเอง เรารู้จักฝักใฝ่สนใจด้วยการสังเกต ด้วยการวิเคราะห์ ในกายของเรานี่มีอะไรบ้าง เราต้องพยายามศึกษาให้ละเอียด อย่าพากันปล่อยเวลาทิ้ง
การทำบุญให้ทาน พวกเรามีโอกาสได้ทำร่วมกัน อยู่คนละทิศละที่ละทางก็ มีโอกาสได้มาสร้างบุญสร้างกุศลทางด้านวัตถุทาน ทางด้านสมมติ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในเขตประเทศไทย เราทำได้ตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา สำรวจกาย สำรวจใจของเรา ตามความเป็นจริงนั้นสัมผัสอยู่ตลอดเวลา ตากระทบรูป หูกระทบเสียง ลิ้นกระทบรส รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสต่าง ๆ เรามีสติคอยสังเกตใจของเรา สิ่งพวกนี้แหละจะเป็นอาจารย์สอบอารมณ์เรา
แต่เราต้องรู้ให้ลึกเสียก่อนว่าฐานของใจ ความว่าง ว่างจากการเกิดเป็นอย่างไร ว่างจากการคลายความยึดมั่นถือมั่นเป็นอย่างไร ว่างจากขันธ์ห้าเป็นอย่างไร เราต้องรู้ให้ละเอียด เราก็ต้องพยายามเจริญสติของเราเข้าไปวิเคราะห์ ส่วนมากก็มีตั้งแต่จะกระโดดข้ามด้วยอำนาจของความทะเยอทะยานอยากของตัววิญญาณ หรือว่าตัวใจ อยากได้ อยากมี อยากเป็น หรือว่าไม่อยากได้ ไม่อยากมี ไม่อยากเป็น ความเกิดนั่นแหละ มันปิดกั้นตัวของใจเอาไว้เลยทีเดียว
เราพยายามดับความเกิดให้สั้นลง ๆ ๆ เกิดเมื่อไหร่เราดับเมื่อนั้น ทำความเข้าใจแล้วดับเมื่อนั้น ดับ ๆ หยุด หรือว่า หยุด ๆ มันก็ สั้นลง ๆ ๆ เวลาตัววิญญาณก่อตัวปุ๊บ เราก็ดับปุ๊บ พอถึงตัวตนของวิญญาณ ก็สงบแต่เขายังต้องให้คลายออกจากความคิดจากขันธ์ห้าเสียก่อนนะ ถึงจะชัดเจน
ถ้าใจคลายออก พลิกเมื่อไหร่ แล้วก็เราจะเข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์ว่า อัตตาเป็นอย่างนี้ อนัตตาเป็นอย่างนี้ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในขันธ์ห้าเป็นอย่างนี้ ตัววิญญาณตัวสุดท้ายเป็นอย่างนี้ ท่านค้นพบเอามาเปิดเผยจำแนกแจกแจงเอาไว้หมดทุกเรื่อง เว้นเสียแต่ว่าพวกเราจะดำเนินให้ถึงจุดหมายปลายทางหรือไม่
กิเลสหยาบ กิเลสละเอียด การละกิเลสหยาบกิเลสละเอียด ตัวใจก็จะค่อยพัฒนาขึ้นไปเรื่อย ๆ สะอาดขึ้นไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะละกิเลสหมดจด ดับความเกิดได้หมดจด ดำเนินสติปัญญาไปเกิดแทนจนกลายเป็น มหาสติ จนกลายเป็น มหาปัญญา จนกลายเป็นปัญญารู้ เป็นปกติในการดูในการรู้ ช่วงใหม่ ๆ นี่ ต้องขับเคี่ยว เคี่ยวเข็ญ ต้องวิเคราะห์ ชี้เหตุชี้ผล ทั้งอดทั้งทน ทั้งฝืน เขาเรียกว่า ‘ทวนกระแส’
ถ้าเราเข้าใจ ใจน้อมเข้าไปในบุญ น้อมเข้าไปในกุศล แล้วก็รู้จักละ รู้จักทำความเข้าใจ อะไรควรละ อะไรควรเจริญ อยู่คนเดียวเราก็จะรู้ใจของเรา มีความสุข การพูดการจา ควบคุมกาย ควบคุมวาจา ควบคุมใจของเรา
ภาษาธรรมะ ภาษาโลก ภาษาธรรมคำว่า ‘ปัจจุบันธรรม’ เป็นลักษณะอย่างไร สักแต่ว่าดู สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าฟังเป็นลักษณะอย่างไร การแยกรูป รส กลิ่น เสียง ออกจากใจของเราเป็นลักษณะอย่างไร ภาษาธรรม แต่ถ้าใจของเราคลายออกจากความคิดได้เมื่อไหร่ เราตามดูรู้เห็น เราจะเข้าใจคำว่า ภาษาธรรม ภาษาโลก ทีนี้เราจะละได้หรือไม่ได้ ก็ขึ้นอยู่กับความเพียรของเรา ก็ต้องพยายามกัน
ทุกเรื่อง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา กายของเราเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับ รูป รส กลิ่น เสียง เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับหมู่กับคณะ ไม่ไปยุ่งเกี่ยว เขาก็มายุ่งเกี่ยวเรา มาอยู่ร่วมกัน หลายคนหลายท่านต่างก็ฝักใฝ่แสวงหาธรรม ก็อาจจะมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง ไม่มากก็น้อย ก็กระทบอยู่ทุกวันนั่นแหละ แต่เราจะรู้จักวิธีการจัดการกับตัววิญญาณของเราหรือไม่เท่านั้นเอง ก็ต้องพยายามนะ
ไม่ว่าพระ ว่าโยม ว่าชี มีอะไรเราก็ร่วมกันช่วยกัน ให้มีความสุขทั้งภายนอกทั้งภายใน ภายนอกเราก็ยังสมมติของเราให้อยู่ดีมีความสุข ใครไปใครมาก็มีความสุข เราอยู่ก็มีความสุข ทุกคนก็ปรารถนาหาความสุข ไม่ปรารถนาที่จะเอาทุกข์ แต่เราก็อยู่กับก้อนทุกข์ เราก็ต้องทำความเข้าใจ ทั้งภายนอกภายใน อะไรไม่ดีก็รีบช่วยกันแก้ไข
ความสะอาด สำคัญ! ความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนพยายามฝึก ฝึกตัวเราให้เป็นบุคคลที่มีความละเอียด เป็นคนที่มีความละเอียดรอบคอบทั้งภายนอกทั้งภายใน ก็จะส่งผลถึงความเป็นระเบียบทางสมมติด้วย ถ้าเราไม่สนใจสิ่งพวกนี้ นี่แหละมันจะหมักหมมสะสมเหมือนกับดินพอกหางหมู แม้แต่ตัวเราแท้ ๆ ก็ยังปล่อยปละละเลย ถ้าคนไม่ได้ฝึกล่ะยิ่งจะแย่ ยิ่งจะลำบาก
เราพยายามฝึก ทำให้เป็นตัวอย่าง ทั้งภายนอกทั้งภายใน ให้ติดเป็นนิสัย อย่าไปกังวลว่าจะเสียเปรียบคนโน้น เสียเปรียบคนนี้ เราชนะตัวเราแล้วเราชนะหมดนั่นแหละ ไม่ต้องไปเอาชนะใครหรอก ชนะตัวเรา ชนะใจเรา ควบคุมใจเรา ละกิเลสออกจากใจของเราให้มันหมดจด สิ่งที่เราได้ยิ่งกว่าสูงค่า คือความสะอาด ความบริสุทธิ์ การฝึกหัดทุกวิถี ทุกวิถีทาง จะคร่ำเคร่งมากมายถึงขนาดไหน จุดหมายก็เพื่อที่จะคลายความหลง เพื่อที่จะละกิเลส แล้วก็บริหารด้วยปัญญา ด้วยพรหมวิหาร อยู่อย่างมีความสุข จนกว่าจะหมดลมหายใจ
สร้างความรู้สึกรับรู้ สัมผัสลมหายใจให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องกันสักพักนะ
พากันไหว้พระให้พร้อม ๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจเอานะ