แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
มันมีประเด็นเรื่องว่าจะสอนคนอื่นได้อย่างไร แต่จริงๆ มันมีความเป็นจริงอันหนึ่งซึ่งผมประจักษ์แจ้งด้วยตัวผมเอง เมื่อตอนที่ผมเป็นครูสอนปรัชญานั้น ผมพยายามจะสอนคนอื่นมาก โดยเฉพาะนักศึกษาของผม ผมพยายามที่จะสอนเขามาก การที่ผมพยายามที่จะสอนเขามากเนี่ยครับ เขากลับไม่รู้อะไรเลย ในความรู้สึกที่เขาพูดเองนะ นี่เขาพูดเองนะ แต่ตอนที่ผมไม่มีความสามารถที่จะสอนแล้ว อย่างปัจจุบันนี้ผมไม่มีความสามารถที่จะสอนแล้ว นี่เป็นคำพูดของนักศึกษาที่พูดกับผมว่า ตอนที่อาจารย์สอนพวกเรา เราไม่ค่อยรู้อะไรเลย แต่ตอนนี้ทุกครั้งที่มาพบอาจารย์ เรารู้สึกว่ามีความรู้อะไรมากเลย
ก็บอกไปว่าดีแล้วมาพบผมบ่อยๆ ความหมายของเขาผมไม่แน่ใจว่าจะพูดอย่างไรดีนะครับ แต่ความหมายของเขาก็คือเขารู้สึกดี ที่ได้เห็นครูของเขาคือผมเนี่ยนะครับ และเขารู้สึกแบบว่าเพียงแค่ บางคนก็มาเพียงแค่บอกว่าผมมาเพียงแค่เห็นหน้าอาจารย์ผมกลับแล้วครับ แต่ความรู้สึกที่ผมพูดนี้ไม่ใช่ต้องการจะบอกว่าตัวเองดีนะครับ แต่ผมเข้าใจว่าบางครั้ง การสอนที่ดี ไม่ใช่เป็นการประดิดประดอยถ้อยคำ แต่การที่เรา ดำรงอยู่เป็นไปที่มันมีความหมาย ที่มันมีความหมายอะไรบางอย่างที่
นึกถึงภาพสิครับว่าช่วงปลายๆ ที่ผมไปกราบหลวงพ่อคำเขียนนะ ท่านไม่ได้กล่าวถ้อยคำอะไรเลย แต่ทุกครั้งผมมีความรู้สึกได้ถึงความมหัศจรรย์ที่ได้ไปพบ ไปกราบหลวงพ่อคำเขียน ท่านเปิดเผยความหมายที่ผมอยากรู้มากมายทุกครั้ง ทุกครั้งนะครับ ทุกครั้งๆ กล้ายืนยัน และทำให้ผมรู้สึกมั่นคงในความหมายของการมีชีวิตอยู่ สิ่งที่ผมอยากจะบอกท่านที่เขียนคำถามนี้ซึ่งเป็นกระบวนกรนะครับ ถ้าท่านต้องการจะนำพาผู้เข้ากระบวนการเรียนรู้ไปสู่เป้าหมายใด ท่านเดินนำไปเลยครับ นำไปสู่ความหมายนั้น เดินไปสู่ความหมายนั้น ถ้าหากว่าท่านเป็นกระบวนกรอบรมเรื่องการเตรียมตัวตาย เพื่อให้บุคคลที่เข้าคอร์สอบรมนั้นคลายความกลัวจากสิ่งที่เรียกว่าความตาย ท่านนี่แหละครับ ทำให้จิตของท่านห่างไกลออกไปจากความตาย และบุคคลที่มาพบท่านนี่นะครับ หรือผ่านกระบวนการของท่าน
ท่านจะเอ่ยถ้อยคำอะไรก็ไม่รู้แหละ ถ้อยคำนั้นมันจะหล่นร่วงออกมาจากสภาวะจิตที่ท่านรู้สึกได้ถึงความหมายที่ว่าเมื่อปลอดพ้นจากความกลัวนี้แล้ว จะทำให้มันเป็นสภาวะแบบนี้แหละ เพราะฉะนั้นหลายครั้งหลายหนนะครับ ที่เวลาผมไปพบกับบุคคลบางคนและผมรู้สึกได้ถึงความมหัศจรรย์ที่ความหมายแห่งสิ่งนั้นปรากฎผ่านเนื้อตัว ผ่านกริยาอาการ ผ่านอะไรบางอย่าง เพราะฉะนั้นคนที่เป็นกระบวนกรในความสำนึกนี้นะครับ ผมเข้าใจว่าทันทีที่ท่านสำนึกแบบนี้ได้ ท่านจะมีพลัง พลังที่ไม่ใช่หมายความเพียงแค่ว่าประดิดประดอยถ้อยคำแต่หมายความถึงว่าเป็นพลังที่จะทำให้เกิดปรากฏ เพราะสภาวะที่เราปรารถนาให้ผู้ที่เข้าร่วม
พูดกันตรงๆ เรากำลังจะเดินไปสู่ที่หนึ่ง ไปที่หนึ่ง นึกถึงภาพถ้าเราอยู่ท่ามกลางความมืดที่มีความรู้สึกเหมือนกับน่ากลัว เพียงแค่เราแสดงว่าเราไม่กลัว ผมเข้าใจว่าความไม่กลัวของเราก็แบ่งปันให้กับเพื่อนได้แล้วครับ แบ่งปันให้กับผู้ที่อยู่ใกล้ชิดได้แล้ว แต่บอกอย่ากลัวๆ ตัวเอง แบบนั้นไม่ได้ครับ อย่ากลัวๆ ไม่ได้ ถ้าเรามีความรู้สึกมั่นคงไม่กลัวนะครับ ที่สำคัญนะครับในท่ามกลางความหวั่นไหว หวั่นกลัวนั้น ความสัมพันธ์กับบุคลอีกคนหนึ่งซึ่งเขามีความกลัวน้อยก็ได้และไม่กลัวก็ยิ่งดีนะครับ ก็จะช่วยให้ความกลัวในใจของอีกคนหนึ่งลดน้อยได้เช่นเดียวกันครับ