แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ถาม: ขอเรียนถามอาจารย์ 2 ข้อนะคะ
ตอบ: สำหรับข้อแรกต้องบอกเลยว่าเรื่องความทุกขเวทนานี้แสนสาหัส ผมเดินไปผมมีทุกข์ที่สำคัญคือเรื่องเกี่ยวกับกายภาพ ผมปวด ผมสาหัส จนกระทั่งมีพระภิกษุเตือนสติผม พระภิกษุท่านมีเมตตาต่อผม กล่าวต่อผมด้วยถ้อยคำซึ่งไพเราะว่า
“โยม ทำไมโยมไม่เชื่อพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้บรรลุธรรมตอนบำเพ็ญทุกรกิริยานะ”
คำพูดแค่นี้นะครับมันกระแทกใจผมมาก เพราะตอนนั้นท่านเห็นสภาพร่างกายผมแล้วรู้ว่าผมเป็นพวกบำเพ็ญอัตตกิลมถานุโยคแล้วถ้าเป็นอย่างนี้ ท่านอาจารย์ท่านนี้ เป็นท่านที่เตือนสติผมในห้วงจังหวะที่พอดิบพอดีมาก
ท่านขอให้ผมพักที่วัด รุ่งเช้าสิ่งที่เป็นปรากฎการณ์ที่มหัศจรรย์คือท่านเดินขึ้นไปหาผม เพราะกุฏิที่ผมพักมันอยู่บนเนินเขา ถือปิ่นโตในมือข้างหนึ่ง ถือถุงพลาสติกในมือข้างหนึ่ง เมื่อผมเห็นท่านเดินมาหาผม ผมรีบลงจากกุฏิมานั่งคุกเข่าต่อหน้าท่าน ท่านยื่นทั้งปิ่นโตและถุงพลาสติกให้ผม ผมน้อมรับแล้วก็วาง กำลังจะก้มลงกราบแต่ยังไม่ทันได้กราบ ท่านเอามือมาสัมผัสมือของผมที่กำลังจะกราบ กล่าวกับผมด้วยรอยยิ้ม กล่าวเบาๆ ว่า
“จะข้ามน้ำข้ามคลองเรือก็ไม่มี แพก็ไม่มี มีแต่ซากศพนี้แหละ เกาะเกี่ยวดูแลมันไว้ให้ดี”
ผมน้ำตาไหล ตื้นตันกับคำพูดท่านเป็นที่สุด เป็นความรู้สึกที่งดงามในจังหวะ ถ้าท่านพูดคำนี้ในโอกาสอื่นผมคงเฉยๆ แต่ในช่วงบรรยากาศเช่นนั้น ช่างเป็นคำพูดที่งดงาม ผมยังจำภาพได้ ผมพักกับท่าน
วันที่ผมจะออกมาจากท่านมีพระภิกษุรูปหนึ่งเห็นผมจะไปจากวัดแล้วจึงเข้ามาถามว่า “โยม อย่าหาว่าอาตมาละลาบละล้วงเลยนะ อาตมาถามอะไรโยมหน่อยได้ไหม” ผมบอกได้ครับ “โยมเป็นใคร มาจากไหน” ผมก็งงๆ ท่านก็อธิบายต่อ ท่านก็เป็นหลวงตา คงบวชมานาน อายุมากแล้วนะ “อาตมาบวชกับพระอาจารย์มาอยู่หลายพรรษาแล้ว ยังไม่เคยเห็นพระอาจารย์หิ้วปิ่นโตไปมอบให้คฤหัสถ์คนไหนเลย โยมต้องเป็นคนสำคัญ มาจากไหนล่ะ” ผมบอกไม่ได้มาจากไหนครับ แต่พระอาจารย์คงเมตตาผม
แต่คำพูดที่ผมพูดตรงนี้เพื่อกลับไปสู่ประเด็นที่เรากำลังจะพูดถึงเรื่องทุกขเวทนา ทุกขเวทนาเมื่อเราเผชิญแล้วเนี่ย ขอโทษครับผมจะคุยสักหน่อยหนึ่ง เมื่อตอนที่ผมมีทุกขเวทนาแรงกล้าจนกระทั่งว่ามันเจ็บปวดมาก ผมมีความเชื่ออยู่ตามจารีตว่าให้สวดสาธยายโพชฌงคปริตร ผมเลยนำเอาบทโพชฌงค์มาสวดสาธยาย แปลกมากเลย ตอนที่สวดสาธยายโพฌงค์ โพชฌงค์ศักดิ์สิทธิ์มาก พอดีผมมีความรู้บาลีด้วย เพราะฉะนั้นการที่สวดโพชฌงค์ไปก็ทำให้ผมมีความเข้าใจพระบาลี ซึ่งเป็นการกล่าวถึงโพชฌงค์ 7 อยู่ด้วย ที่พูดถึงธรรมวิจัย สติ วิริยะ สมาธิ
อันที่พูดนี้นะครับมันมีความรู้สึกได้ถึงความหมายของสิ่งที่มันเป็นบทธรรมบัญญัติที่พระองค์ทรงตรัสไว้ว่านี่เป็นองค์ของสภาวจิต ที่มีอารมณ์ ประกอบด้วยสภาวอารมณ์นี้แล้วมันจะรู้แจ้งได้ เพราะฉะนั้นตอนที่เราสวดสาธยายไปมันเกิดความเบิกบาน เพราะงั้นตรงนี้ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่กลายมาเป็นความหมายที่ลึกซึ้ง ปริยัติธรรมหรือความจำที่ผมเคยมีไว้ในอดีตก็มาช่วยเปิดเผยความหมายอะไรบางอย่างที่มันซับซ้อนให้เราสามารถสื่อสารได้เหมือนกัน เพราะนั้นสิ่งนี้ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่อยากจะเล่าให้ฟัง
ส่วนประเด็นที่สอง มันมีความรู้สึกอันหนึ่งครับ มันเป็นความรู้สึกที่ผมไม่มีประเด็นเรื่องความดีความชั่วเลยนะ พอมาถึงจุด ๆ หนึ่งแล้ว เมื่อก่อนผมเป็นคนชอบพิพากษาตัดสิน ถ้าใครกลับไปอ่านหนังสือเก่าๆ ถ้ายังมีนะครับ หนังสือพิมพ์ประเภทข่าวสด มติชน แล้วพอมีข่าวเรื่องศาสนา มันจะต้องมีอาจารย์มช.คนหนึ่งให้สัมภาษณ์ อาจารย์มช. คนนั้นน่ะคือผม ชอบตัดสินนักกับคนอื่นเนี่ยนะครับ ประวัติของพระหลายรูปหลายองค์ที่มีปัญหา จนกระทั่งเป็นปัญหาของสังคม ต้องมีอาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์เป็นคู่กรณีอยู่ร่ำไปนะครับ ผมเป็นคนอดไม่ได้ ชอบตัดสินพิพากษา
แล้วมาถึงวันหนึ่งผมกลับไม่มีความรู้สึกเช่นนั้นอีกเลย ผมกลับมีความรู้สึกทุกคนน่าเห็นใจ ทุกคน แล้วความรู้สึกแบบนี้นะครับผมอยากจะบอกพวกเราทุกคนด้วยนะครับ ว่าเมื่อไรที่เราต้องการจะให้เป็น วิศวกรสันติภาพ นะครับ โปรดข้ามให้พ้นการพิพากษาตัดสินที่ว่าใครผิดใครถูก ให้กลับไปสู่ประเด็นที่ว่าคนที่กำลังเบียดเบียนคนอื่น
จริงๆ แล้วเขาน่าสงสารและเห็นใจยิ่งกว่าคนที่ถูกเบียดเบียน เพราะเขาตกอยู่ในโครงสร้างของความรุนแรงภายในใจของเขา จนกระทั่งมันต้องปะทุออกมาเป็นกายกรรมหรือวจีกรรมที่รุนแรงเพราะเขาเก็บไว้คนเดียวไม่ไหวแล้ว เพราะฉะนั้นเราโปรดเห็นใจเขาเถิด เห็นใจเขาเถิด แล้วโปรดน้อมรับสิ่งที่มันเป็นความร้อนนั้นให้มันละลายสลายไปในความเย็นที่มีอยู่ในใจของเรา ผมไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรนะครับ โดยเฉพาะเราคนที่ปฏิบัติธรรมนะครับ บางทีผมก็พูดอะไรเรื่อยเปื่อยไปจนกระทั่งว่าบางคนที่เขาถือสาหาความ
ผมไปคุยที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เอ่ยชื่อเพราะว่ามันจะได้โครงสร้างของพื้นที่มันจะได้ง่าย แม่โจ้มีอาจารย์ที่เข้าไปใหม่ แล้วเขาก็มีคติว่าอยากให้ผมพบกับอาจารย์ใหม่ของแม่โจ้ ผ่านมาสองสามปีผมก็ทำเช่นนั้น ปีนี้มียี่สิบเก้าคนผมไปพบแล้วผมพูดเพลินไปหน่อยจนกระทั่งถึงเวลาเย็นแล้ว ผมเพิ่งมานึกได้ว่าคนขับรถที่ไปรับผมที่บ้านเนี่ย ผมคุยกับเขาแล้วเขามีลูกที่ต้องไปรับตอนเย็น แต่เขาขับรถ ถ้าผมยังช้าไปเขาก็ไปรับลูกไม่ได้หรอกเพราะเขาต้องขับรถไปส่งผมที่บ้านผม แล้วเอารถกลับคืนมาที่มหาวิทยาลัยแล้วจึงไปรับลูก ประมาณนี้นะครับ เพราะรถของมหาวิทยาลัยเป็นรถที่เอาไปใช้ส่วนตัวไม่ได้
พอผมนึกได้อย่างนี้ผมก็เลยมีความรู้สึกว่าผมต้องรีบเลิกให้ตรงเวลาเป๊ะๆ เลย เพราะว่าจากแม่โจ้ซึ่งอยู่ที่สันทรายมาส่งผมนี่มันต้องเข้ามาในเมือง รถติดเยอะมาก เพราะฉะนั้นพอผมนึกได้ว่าเวลาหมดแล้ว ผมจึงบอกว่าเวลาหมดแล้วครับ เสียดายเลยไม่ได้คุยอะไรกันมากมายเลยนะครับ ขอจบแค่นี้ มีอาจารย์สุภาพสตรีท่านหนึ่งยกมือขึ้นพูดว่า “อาจารย์คะ ไม่ถามอะไรมากมาย ถามสั้นๆ อาจารย์จะตอบสั้นๆ หรือไม่ตอบก็ได้” ผมบอกเชิญเลยครับ ท่านถามผมว่า “อาจารย์คะ ถ้าต้องให้เลือกเอาอย่างเดียว ระหว่างพระนิพพานกับอาจารย์สมปอง อาจารย์จะเลือกอะไร” ผมบอกเลือกอาจารย์สมปองสิครับ อาจารย์สมปองรอผมอยู่ที่บ้าน ผมจะไปหาอาจารย์สมปองแล้วครับ แล้วผมก็จบ
อาจารย์ท่านเดินตามผมมา ผมนึกว่าท่านคงคาใจที่ผมตอบ ผมบอกว่าผมไม่ได้พูดเล่นสำนวนนะอาจารย์ ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ตอนนี้ผมมีสิทธิ์มีความรู้ได้ว่าผมต้องรีบกลับบ้าน อาจารย์สมปองรอผมอยู่ที่บ้าน พระนิพพานอยู่ที่ไหนผมไม่รู้ แต่ตอนนี้อาจารย์สมปองอยู่ที่ไหนผมรู้และผมจะรีบกลับไปหาอาจารย์สมปอง ผมอาจจะพูดเล่น แต่อาจารย์ท่านนี้เลยมาส่งผมจนถึงประตูรถ เมื่อผมเห็นว่าท่านคงมีอะไรคาอยู่ในใจ ผมบอก “อาจารย์ อยากมีอะไรจะพูดไหม” ท่านพูดบอกว่า “ดีเหลือเกิน” ประมาณนี้นะ
ผมว่าท่านอาจจะเป็นผู้หญิงด้วยนะ แล้วมีความรู้สึกว่าผมพูดอะไรบางอย่าง แต่ความจริงผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ นะครับ ผมไม่ได้แกล้งที่จะเล่นสำนวน ผมไม่ได้แกล้งที่จะบิดเบือนอะไรในใจของผม จิตของผมมีเพียงแค่ซื่อๆ สุจริต ไม่มีความคิดปรุงแต่งอะไร เมื่อจิตของผมคิดจะกลับบ้าน ผมก็เลือกจะกลับบ้านไปพบผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อสมปอง ส่วนพระนิพพานในความคิดความเชื่อเป็นอย่างไรของชาวพุทธยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ผมจะไปคิดได้อะไรแบบนี้ครับ แต่ความหมายที่ผมพูดตรงนี้เพียงเพื่อจะบอกอาจารย์ที่ท่านถามว่า
เรามาถึงจุดๆ หนึ่ง โปรดข้ามให้พ้นจากการตัดสินพิพากษา แล้วอยู่กับทุกคนที่อยู่รอบตัวเราด้วยความรู้สึกที่ดีเหลือเกิน ที่จะได้ช่วยกันสร้างสันติให้เกิดขึ้นในใจของเขาและใจของเรา และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันครับ