แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ถาม: ขอบคุณครับอาจารย์ครับ ผมเป็นนักกฎหมาย วันนี้ ผมได้สัมผัสอะไรบางอย่าง สักครู่ที่เรียนถามท่านอาจารย์ว่า การบรรยายวันนี้นี่ ท่านอาจารย์ใช้อะไรสอน
ตอบ: ผมตอบว่าใช้ใจ
ถาม: ครับ สิ่งที่สัมผัสได้จริงๆ ในความรู้สึกก็คือ เหมือนมีสื่ออะไรบางอย่างที่สัมผัสลึกในใจ ท่านอาจารย์ทำให้เรารู้สึกหลายๆ เรื่องที่เป็นเรื่องที่รู้สึกภายในใจ ทีนี้ในความเป็นนักกฎหมายนี่ ผมอยู่กับตรรกะมาตลอด เพราะฉะนั้นมันจะมีเหตุมีผลอะไรของเขา ท่านอาจารย์พยายามปลูกแนวคิดต่อยอดวิศวกรทางสันติภาพ ปลูกแนวคิดสันติวิธีให้กับเราเพิ่มเติมมากขึ้น แต่ด้วยความเป็นนักกฎหมายตรงนี้ครับ ผมสัมผัสและก็มองเห็นวิธีการมองโลกของอาจารย์หลายๆ เรื่อง ที่มีมุมมองที่แตกต่างจากภาวะที่เราสัมผัสและเรามองอยู่ในปัจจุบัน ไอ้ความรู้สีกอย่างนี้ ผมย้อนกลับไปประโยคหนึ่งที่ท่านอาจารย์ได้กล่าวในตอนต้นบอกว่า ท่านอาจารย์เดินทางมาทั่วโลก ท่านอาจารย์สัมผัส ท่านอาจารย์รู้ในสิ่งที่รู้ว่ารู้อะไรเพิ่มเติมมากขึ้น ท่านอาจารย์บอก บอกไม่ได้ว่าท่านอาจารย์รู้อะไร แต่ที่ท่านอาจารย์พูดมาทั้งหมดนี่มันทำให้ผม และผมเชื่อว่าเพื่อนๆ ทุกคนมีความรู้สึกเหมือนกันว่า เราสัมผัสและเรารู้อะไรเพิ่มเติมเหมือนกัน แต่ด้วยความเป็นนักกฎหมาย ต้องการสัมผัสได้ ต้องการเห็น ต้องการรู้รูปธรรม ในสิ่งที่เราสัมผัสในวันนี้ ผมรู้ว่าผมรู้อะไรมากขึ้น ผมอยากจะกราบเรียนขอความเมตตาจากท่านอาจารย์ ช่วยบอกผมได้ไหมครับว่า วันนี้ ผมรู้อะไร และท่านอาจารย์ต้องการให้เราเดินไปตรงไหนต่อ เพื่อเติมเต็มคำว่าวิศวกรสันติภาพ ขอบพระคุณครับ
ตอบ: ขอบคุณมากครับสำหรับคำถามนี้ จริงๆ แล้วสิ่งที่เรียกว่า กฏเกณฑ์หรือกฎหมายหรือกฏศีลธรรมนี่ ต้องมีแน่นอน และกฏเหล่านั้นจะดำรงอยู่ได้ด้วยความหมายที่มีความสมเหตุสมผล เวลาพูดถึงความเป็นธรรม ความยุติธรรมอะไรอย่างนี้ครับ มันมีความหมายที่สมเหตุสมผล ผมยังจำได้ว่าในสมัยที่ผมยังเป็นอาจารย์สอนหนังสืออยู่ มีอยู่ครั้งหนึ่ง มีอาจารย์ท่านหนึ่ง โทรมาจากต่างคณะ เพื่อจะบอกว่า ท่านมีหลาน แต่จริงๆ ท่านบอกไม่ใช่หลานในสายเลือดหรอก เป็นหลานของเพื่อนที่สนิทกัน เขามีปัญหาที่จะถูกรีไทร์ แล้วแม่เขาเป็นทุกข์มากที่มีลูกชายคนเดียวแล้วลูกเขาจะเรียนหนังสือไม่จบ ในเทอมนี้ ลูกชายของเพื่อน ชื่อนี้ ชื่อนี้ ชื่อนี้ รหัสนี้น่ะนะครับมาเรียนหนังสือกับผม อยากขอให้ผมช่วย ด้วยความที่คุยกันทางโทรศัพท์และท่านก็เป็นอาจารย์ ผมบอกว่า อาจารย์ครับ อาจารย์ช่วยบอกให้ลูกศิษย์ของผมคนนี้นะครับ มาพบผมเป็นการส่วนตัวนะครับ แล้วเราจะช่วยอะไรกันได้บ้าง ก็ค่อยว่ากัน ผมไม่อยากพูดกับท่าน ซึ่งเป็นอาจารย์อยู่ด้วยกันนะครับ
นักศึกษาผู้นี้ซึ่งจริงๆ ก็คือมาเรียนกับผมน้อยมาก มาก็นั่งหลังสุด พยายามจะนั่งหลังให้ไกลที่สุด ถ้ามันมีห้องที่มันหลังกว่านั้น ก็จะนั่งหลังอีกนะ ประมาณนี้นะ เขาไม่เคยคุยกับผมเลย และผมก็ไม่เคยคุยเลย แต่พอทันทีที่เขามา ผมบอกว่า ผมมีอะไรที่จะบอก และผมเอ่ยชื่ออาจารย์ที่เป็นเพื่อนของคุณแม่ของเขา ผมเข้าใจว่า ที่อาจารย์คนนี้พูด คงน้อยกว่าที่คุณแม่ของเขาพูดกับเพื่อนคืออาจารย์ท่านนี้ ความรัก ความเป็นห่วงลูกมีท่วมท้นอยู่ในใจของคนๆ นั้น ผมจะช่วยคุณ แต่ขอคุณโปรดรู้ด้วยนะว่าสิ่งเหล่านี้ ผมกำลังทำผิด ละเมิดกฏเกณฑ์อะไรมากมายเลย แต่ผมจะทำ และผมก็พูดอะไรไป ผมพูดดีหรือพูดแบบบีบคั้นเขาเกินไปหรือเปล่าก็ไม่ทราบ จนนักศึกษาคนนั้นบอก อาจารย์ครับ อาจารย์ไม่ต้องช่วยผม ผมจะถูกรีไทร์ไป อาจารย์ก็ไม่ต้องกลัว ผมอาจจะไปสอบเข้ามาใหม่ หรือผมจะเป็นอย่างไร ผมบอกไม่ได้
ไม่ได้ ผมต้องช่วยคุณ และผมรู้ว่าถ้าผมช่วยคุณน่ะ ให้ “เอ” เขาขอเอด้วยนะ ไม่ใช่ธรรมดานะ เขาจะได้ “ดี” ก็ยุ่งยากอยู่แล้วนะ ผมจะช่วยเพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่า พลังอำนาจของคนเป็นแม่ช่างยิ่งใหญ่ ผมช่วยคุณด้วยความรู้สึกว่า ให้คุณจดจำสิ่งที่เป็นความหมายนี้ให้เกิดขึ้นในใจ และตั้งใจเรียนหนังสือให้ดีที่สุด ให้จบให้ได้ การจบการศึกษาไม่ใช่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณนะ มันไม่ใช่เป็นความสำเร็จส่วนตัว แต่มันเป็นความสำเร็จของครอบครัว เป็นความสำเร็จของคุณแม่ด้วย ผมดีใจเป็นที่สุด ที่จะทำให้เกิดแม่คนหนึ่งมีความสุขที่ลูกเรียนหนังสือจบ แม้ผมจะทำผิด ถูกประณามไปตลอดทั้งชั่วชีวิต ผมก็น้อมรับ
เขาปฏิเสธที่จะไม่เอาเอ และให้เกรดเขาตามเป็นจริง เขาคงรู้สึก เขาเป็นคนมีกฏเกณฑ์ เป็นผู้ชายที่มีสปิริตเหมือนกันนะ ผมบอกผมให้เอคุณ เขาเลยบอก ถ้าอย่างนั้น ผมให้สัญญากับอาจารย์ว่า ผมจะกลับมาเรียนหนังสือกับอาจารย์อีกครั้งเพื่อเอาความรู้ คือผมบอกว่า ตอนวันแรกคุณฟังผมไหม ผมบอกว่า ผมจะให้เกรดกับคนที่อยากได้ความรู้ และผมก็จะให้ความรู้กับคนที่อยากได้เกรด เขาบอกจำได้ เข้าใจไหม เขาบอกเข้าใจ อย่างนั้นผมอยากจะได้ความรู้จากอาจารย์ ไม่น่าเชื่อเลยนะ นักศึกษาคนนี้มาเรียนกับผมอีก และหลังจากนั้นเขาไม่เคยขาดเรียนอีกเลย เขาเรียนหนังสือกับผม และสุดท้ายผมบอกว่า จริงๆ ถ้ามีเกรดมากกว่าเอ ผมอยากจะไปแก้ใหม่ให้เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม แต่ผมให้ไปแล้วตั้งแต่ภาคก่อนแล้ว พอเขามาเรียนทีหลัง ไม่ได้ลงทะเบียนแล้วนะครับ แต่ความรู้สึกที่ผมอยากจะเอาเรื่องนี้มาเล่า ความหมายของผมก็คือ สิ่งที่เป็นกฏเกณฑ์จำเป็นต้องมี แต่เราต้องมีความหมายของความรู้สึก ที่ทำให้คนเข้าใจความหมายในกฏเกณฑ์นั้นอย่างถ่องแท้ด้วยนะครับ
แน่นอนนะครับ ตอนที่ผมเล่าเรื่องกรณีนักโทษคนหนึ่งที่อยู่ที่เรือนจำบางขวาง ผมว่าเขาก็รู้ ว่าสิ่งที่มันเป็นโทษ ที่เขาต้องถูกตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต เพราะเขาเป็นผู้อยู่ในกระบวนการค้ายาเสพติด ซึ่งมันเป็นภัยอันตรายต่อสังคมใช่ไหมครับ แน่นอนว่า สิ่งที่เขารู้แล้วว่าวันหนึ่งเขาก็ยอมรับเงื่อนไขนั้นในความเป็นจริง เขามีความรู้สึกได้ถึงความหมาย ผมยังเสียดายว่าไม่มีโอกาสได้พบกับเขาอีก ถ้าพบกับเขาอีก เราคงได้คุยอะไรกันหลายอย่างเพราะเขาคงมีการศึกษาดีด้วย ไม่ใช่เป็นคนที่เป็นฆาตกรที่มีสันดานเหี้ยมโหดอะไรนะครับ
แต่ทีนี้ ที่เราพูดถึงตรงนี้ ที่กลับไปสู่ประเด็นที่เราพูดถึงกฎเกณฑ์ กฎหมาย หลักการในสังคมต้องมี แต่ทำอย่างไรที่จะให้หลักการของกฏหมายและกฎเกณฑ์นั้นมีหัวใจน่ะนะ มีหัวใจ มีหัวใจ ผมเข้าใจว่าสิ่งนี้แหละ คือ ความหมายที่สำคัญของสิ่งที่ผมอยากจะเพิ่มเติม
ผมมีความรู้สึกอันหนึ่งที่อยากจะบอกด้วยนะครับ เมื่อสมัยที่ผมเป็นอาจารย์อยู่ในมหาวิทยาลัย ผมไม่รู้สึกสิ่งนี้เลย แต่ตอนที่ผมออกมาเป็นเช่นนี้แล้ว ผมรู้สึกได้ถึงความหมายอะไรบางอย่างที่อยู่ในพื้นที่ของสถาบันอุดมศึกษา คือ ตอนที่ผมออกมาแล้ว ผมพบว่าความรู้ที่ผมมี มันเป็นความรู้เพศหญิง ขอโทษที่ผมพูดเช่นนี้ ผมไม่ได้คิดเอาเองนะครับ ผมเรียนภาษาบาลีสันสกฤตมา ศัพท์ทุกศัพท์ในภาษาบาลีสันสกฤตนี่มีเพศ เพราะฉะนั้นตอนที่เราไปศึกษาบาลี จึงบอกว่ามันมีโปงลิงนะ นะโปง สักกะลิง อิตถีลิงค์ อะไรก็ว่าไป ตอนที่ผมเรียนบาลี ผมสงสัยมากเลยว่า ศัพท์เหล่านี้มันมีเพศได้ยังไง แล้วผมจะรู้ยังไง ถ้าเป็นสัตว์เลี้ยง เรายังดูมันได้ว่ามีอวัยวะเพศไหน แล้วบอกว่าหมาตัวผู้ตัวเมียนะครับ แต่ศัพท์นี่มันรู้ได้ยังไง
ผมไปถามครูที่สอนบาลี ท่านก็บอกว่าไม่รู้ ต้องจำเอาเอง เพราะตอนที่เราเรียนบาลี เราต้องเอาศัพท์ไปแจกวิภัตติปัจจัยใช่ไหม ไปท่องศัพท์น่ะ ถ้าเป็นอะอะอะ อันตะ อะ เราก็บอกว่าโปริโส โปริสาอะไรก็ว่าไปใช่ไหมครับ แล้วผมจะไปแจกศัพท์รู้ได้ยังไง ผมก็ไม่เคยสนใจที่จะคิดอะไรมากไปกว่านั้น จำ จำ จำ
ต่อมา เมื่อผมมามีชีวิตแบบนี้ ผมจึงพบความเป็นจริงว่า ช่างเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ ที่ศัพท์ที่มันเป็นเพศหญิงที่ว่าด้วยความรู้นี่ เป็นความรู้ที่ไม่มีเหตุผล ความรู้ของแม่ หรือความรู้เวลาเราไปปฎิบัติวิปัสนา วิปัสนาญาณ คำว่าญาณนี้เป็นอิตถีลิงค์นะครับ ใครลองอธิบายสิครับว่าวิปัสนาญาณที่เรารู้นี้ มันอธิบายด้วยเหตุผลได้ยังไง ไม่มี มันปรากฏแจ้งขึ้นในใจเรา และเราเป็นเช่นนี้แหละ เป็นได้อย่างไรก็บอกไม่ได้ ความรู้ประเภทที่เป็นหญิงนี่นะครับ มันถูกทำให้จางหายไปจากพื้นที่ทางการศึกษา และสิ่งที่ผมรู้สึกได้ว่าอยากพูดเลยนี้ แม้กระทั่งในปริมณฑลของการศึกษาทางพระพุทธศาสนา เรากลับทำให้ชุดความรู้ที่เป็นเพศชายกินเนื้อที่ในปริมณฑลของการเรียนรู้ในมิติทางพุทธศาสนาหมดเลย ไม่มีพื้นที่ให้ความรู้ที่เป็นอิตถีลิงค์ เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นปัญหาของผู้รู้ทางศาสนาที่มีความรู้แบบชายมาก คือจะเถียงกัน เถียงกันมีเหตุผลสารพัด เราสามารถเถียงกันเรื่องพระนิพพานได้หนังสือเป็นเล่มๆ ทั้งที่ความจริง ความรู้ที่จะบรรลุถึงพระนิพพานนั้นเป็นเพศหญิง เถียงไม่ได้ครับ ไม่มีความรู้ ประดุจดังมารดาปฏิบัติกับบุตร คือไม่รู้ว่าจะพูดยังไงแล้ว ลองไปถามแม่ที่ปฏิบัติต่อลูกสิว่าทำไมจึงทำเช่นนี้ ท่านก็อ้ำอึ้งไม่มีคำพูดที่จะพูดได้ ความรู้ที่เป็นอิตถีลิงค์ในพื้นที่ตรงที่อื่นไม่เป็นไร แต่วันนี้ผมมาพูดที่มหาวิทยาลัยทางพระพุทธศาสนา โปรดแบ่งสรรปันพื้นที่ทางความรู้ให้กับความรู้เพศหญิงบ้างครับ ความรู้เพศหญิง คือความรู้ที่เกิดขึ้นมาจากภายใน เป็นสภาวะความรู้ที่มันแบบที่ผมพูดมาทั้งหมดตั้งแต่ตอนต้นจนถึงตอนนี้น่ะนะครับ
ทั้งหมดนี่ ผมใช้ความรู้เพศหญิง คือเป็นความรู้ที่เอาไปเล่าต่อก็ไม่ได้เพราะมันไม่มีเหตุผลที่จะพูดจาอะไรมากมายนัก ฟังแล้วก็สัมผัสรับรู้แล้วก็เก็บไว้ ถ้าเมื่อใดที่เราเพิ่มพูนความรู้ส่วนนี้เข้ามาในการศึกษานะครับ ความรู้ส่วนนี้เป็นความรู้ในมิติด้านใน เป็นความรู้ที่หยั่งรู้ เป็นความรู้ที่เกิดแจ้งขึ้นมาในใจ ไม่ค่อยมีถ้อยคำ ไม่ค่อยมีอะไรมากมายนักนะครับ และความรู้ประเภทนี้นะครับ ที่นานมาแล้วที่เราไม่ได้มีการสื่อสารแบบนี้กัน เพราะฉะนั้นผมขอทำหน้าที่เป็นผู้สื่อสารความรู้ที่เป็นอิตถีลิงค์นะครับ เป็นความรู้ที่มันไม่ประกอบเหตุผล แต่กฎหมายเป็นความรู้ประเภทชายนะครับ ถ้าเมื่อใดที่ความรู้ทางกฎหมายมีมิติของผู้หญิงเข้าไปกำกับด้วย ก็จะทำให้กฎหมายนั้นมีความเป็น.... แต่ผู้พิพากษาหรือผู้ที่อยู่ในวงการกฎหมายหรือทนายนี่นะครับ เพราะฉะนั้นเราถึงไปโต้ด้วยเหตุผล ศาลจะไม่ฟังสิ่งที่ไม่มีเหตุผลประกอบ ไม่มีหลักฐานประกอบนะครับ เพราะฉะนั้นสิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่ยอมรับ
แต่ที่แน่ๆ นะครับ ความเป็นหญิงเป็นชายไม่ได้หมายความว่าอยู่แยกจากกัน ในเนื้อตัวของบุคคลผู้ที่เมื่อใดที่ความรู้หญิงชายนี้มีดุลยภาพ เราสังเกตุไหมครับ พระเกจิอาจารย์หลวงปู่หลวงพ่อที่ท่านมีจิตใจนี่ คล้ายๆ ผู้หญิงนะ ไม่เชื่อลองไปสัมผัสดูสิ หลวงพ่อที่ความรู้ดีๆ พูดจาไปมีความรู้สึกอะไรบางสิ่งบางอย่างไป นั่นคือ ท่านมีความสมบูรณ์ลงตัวว่าความรู้แบบนั้น ความรู้ที่เป็นเมตตานี่ครับ ถ้าเป็นความรู้ที่ประกอบด้วยเมตตา ความรู้เป็นผู้หญิง