แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
คำถาม: เรียนถามอย่างนี้ค่ะอาจารย์ หนูดีกับคนอื่นหมดแต่ไม่น่ารักกับแม่ แล้วหนูก็รู้สึกผิด หนูอยากจะแก้ไขตรงนี้แต่ยังหาวิธีการไม่ได้ อยากขอคำแนะนำจากอาจารย์ด้วยค่ะ
อาจารย์ประมวล: ความจริงไม่มีคำแนะนำแล้วก็ไม่มีวิธีการเลย โปรด ใครถามไม่รู้นะครับ แต่โปรดฟังสิ่งที่ผมพูดเถอะครับว่าจริงๆแล้วเรามาสู่โลกใบนี้ผ่านแม่ รับรู้โลกใบนี้ผ่านแม่ในระยะช่วงแรกของชีวิต เราสื่อสารกับแม่ตลอดในช่วงระยะแรกของชีวิตแต่เป็นที่น่าเสียดายที่เมื่อเราออกมาจากแม่แล้วเรากลับยุ่งยากที่จะสื่อสารกับแม่ที่จะรับรู้โลกใบนี้ผ่านแม่
ผมเคยคุยกับน้องคนหนึ่งซึ่งเขามีปัญหานี้ ผมพูดนานมาก ที่เรียกว่าพูดนานมากเพราะว่าจำได้ว่าพูดกันที่สวนโมกข์กรุงเทพตั้งแต่ประมาณสัก 4 โมงครึ่ง พูดไปพูดมา เจ้าหน้าที่รปภ.ซึ่งอยู่ข้างหน้านะครับเขาเดินไปบอกผมว่า อาจารย์ครับผมจะปิดประตูแล้วนะครับ นั่นก็คือหมายความว่า 2 ทุ่มกว่า มืดด้วย แล้วนั่งคุยอยู่กับน้องผู้หญิงสองคน ไม่รู้คุยอะไรกันนักหนา ประมาณนี้นะครับ แต่ความรู้สึกของผมที่ผมพูดกับเขาก็ผมบอกว่าชีวิตของเราที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้เพียงแค่เราคืนดีกับแม่ เพียงแค่เราสื่อสารกับแม่ให้ได้เราจะสื่อสารกับโลกใบนี้ได้ทั้งหมดทั้งสิ้นเลย เพราะถ้าเราไม่สามารถสื่อสารกับแม่ได้เราก็ไม่สามารถสื่อสารกับใครอื่นได้เลย แล้วที่สำคัญการสื่อสารกับแม่ไม่ใช่เป็นเรื่องถ้อยคำ ไม่ใช่เรื่องถ้อยคำ ถ้าเป็นไปได้ กลับไปแล้วกอดแม่ กอดแม่ด้วยความรู้สึกที่ไม่จำเป็นต้องมีอะไรมากมาย ไม่ต้องคิดไม่ต้องพูดอะไรเลย กอดแม่ กอดแม่ให้แน่นๆ ถ้าตอนนั้นอยากพูดอะไรก็พูด แต่ถ้าไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด อย่าไปคิดประดิดประดอยถ้อยคำ ถ้าตอนนั้นอยากร้องไห้ก็ร้องไห้ ประมาณๆนี้นะครับ
ผมจำได้ว่าตอนที่เราออกมาแล้วขอโทษเจ้าหน้าที่รปภ.เพราะเขารอปิดประตู ฝนตกปรอยๆ ฝนตกปรอยๆ น้องคนนี้เขาจอดรถตรงไหนก็ไม่รู้ แต่ไม่ได้จอดข้างในนะครับ เขาบอกว่าเขาจะขับรถไปส่งผม ผมบอกว่าไม่ต้องไปส่ง ไม่ต้องไปส่ง ผมเดินไปที่หน้าป้ายรถเมล์ที่ปตท.มันจะมีรถเมล์สาย 29 หยุดอยู่ประจำ แล้วตอนนี้ไม่ค่อยมีคนขี่แล้ว มันมืดแล้ว ผมควรจะเป็นลูกค้าของเขา กลับไปเลย กลับไปเถอะ กลับไป เขาเห็นผมไม่ยอมเขา เพราะว่าผมจะเดินไปทางฝั่งที่มาถนนวิภาฯ เขาบอกผม ผมไม่เห็นหน้าเขาชัดเพราะว่ามันมืด ไฟฟ้ามันไม่สว่างพอ ฝนตกปรอยๆด้วยนะครับ เขายกมือไหว้ผมแล้วบอกว่าพรุ่งนี้หนูจะขับรถกลับพิจิตร เขาเป็นคนพิจิตร หนูจะกอดแม่ คำพูดที่ว่าหนูจะกอดแม่ดูเหมือนเขาจะร้องไห้ด้วย ผมเชื่อว่าน้องคนนี้คงได้กอดแม่แล้วเพราะมันนานมาแล้วนะครับ แต่ความรู้สึกที่ผมอยากจะบอกก็คือหมายความว่า ถ้าใคร ถ้าใคร ถ้าใครมีข้อขัดข้องหมองใจอยู่กับบุคคลที่ชื่อว่าแม่หรือคนที่เป็นแม่ ไม่ต้องใช้ถ้อยคำครับ ถ้อยคำที่เต็มไปด้วยการประดิดประดอย ถ้อยคำที่เต็มไปด้วยความคิดที่ถูกปรุงแต่ง กลับไปหาแม่ กอดแม่ กอดให้แน่น แน่นเท่าความรู้สึกที่เรามีความรู้สึกได้อะไรบางสิ่งบางอย่าง แล้วความหมายของโลกใบนี้จะเปิดเผยและความหมายของชีวิตที่ซุกซ่อนอยู่ในเนื้อในตัวเราก็จะปรากฎชัดขึ้นมา
ผมไม่มีข้อความใดๆเลยที่จะพูดเลยครับ ผมยังรู้สึกเศร้าเลยในชีวิตของผมเนี่ย ผมพูดไปตอนต้นใช่ไหมครับว่าแม่ผมเสียชีวิตเมื่อปี 2547 เชื่อมั๊ยครับ ผมเนี่ยที่พูดเช่นนี้เนี่ยไม่มีความทรงจำเลยว่าผมได้กอดแม่ครั้งสุดท้าย คือผมโตมาแล้วผมไม่รู้เลย ผมไม่มีภาพของความหมายเลยว่าผมกอดแม่อย่างไร เพราะผมรู้ตัวว่าผมโตมาแล้วจำความได้ผมถูกเลี้ยงดูด้วยน้าสาว น้าสาวซึ่งเป็นน้องของแม่ซึ่งไม่ได้แต่งงานแล้วเป็นคนที่อยู่กับยาย ผมเนี่ยมีความรู้สึกอยู่กับยายแล้วมีความสุขก็เลยอยู่กับน้าสาวมาจนกระทั่งโต โตจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ มีคนหลายคนยังเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นลูกของน้าสาว แต่บังเอิญน้าสาวไม่แต่งงาน เขาก็ยังนึกว่าเอ๊ะแล้วมีลูกได้ยังไง แต่ความรู้สึกอันหนึ่งก็คืออยู่กับน้า ไม่ได้ผูกพันกับแม่
แต่เมื่อโตขึ้นมาแล้วมีความรู้สึกเหมือนกับผมอยากกอดแม่ แต่ผมก็ไม่มีความสามารถที่จะกอดแม่ เพราะมันเก้อเขิน มันยุ่งยาก มันลำบากสารพัด ทำสิ่งอื่นที่ยากๆผมทำได้ แต่จะบอกแม่ว่าอยากกอดแม่ไม่กล้าบอก นี่ความสัตย์จริงเลยนะ ถึงกับเคยวางแผนด้วยซ้ำไปนะ จำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยวางแผนชวนแม่ไปทอดกฐินที่จังหวัดขอนแก่น แล้วก็วัดมันอยู่นอกขอนแก่น ไปอยู่อำเภอรอบนอก ผมบอกแม่เราพักกันที่ขอนแก่นนี่แหละ พรุ่งนี้เราถึงค่อยไปที่วัด เพราะว่าหลวงพ่อท่านจะได้ไม่ต้องกังวลกับเรา ผมหวังว่านอนในขอนแก่นผมจะได้นอนกับแม่ ตอนที่ไปเช็คอินผมก็บอกพนักงานต้อนรับบอกผมขอเป็น single เป็นเตียงเดี่ยวนะ อย่าเป็นเตียงคู่อีก เพราะว่าเป็นเตียงคู่เดี๋ยวแม่นอนคนละเตียงอีก เตียงเดี่ยวมันจะเตียงใหญ่ๆหน่อย ประมาณเนี่ยนะครับ ด้วยหวังว่าการนอนเตียงเดียวกันเนี่ยจะได้กอดแม่คืนนี้ แล้วสุดท้ายพอไปนอนบนเตียงจริง แม่ก็นอนสุดข้างหนึ่ง ผมก็นอนสุดข้างหนึ่ง ประมาณนี้ พอผมรู้สึกตัวว่าแม่คงหลับแล้วเพราะปิดไฟแล้ว ผมก็พยายามพลิกตัวแล้วเอามือไปพาดอยู่บนอกแม่ แม่คงรู้สึกแม่คงไม่หลับหรอก แต่แม่คงคิดว่าผมคงนอนหลับแล้วก็นอนแบบไม่เรียบร้อยอะ แม่เลยพยายามจับมือผมมาวางให้ถูกที่ถูกทาง ผมเลยรู้สึกไม่ประสบความสำเร็จ อุตส่าห์เสียค่าโรงแรม
แต่รู้มั๊ยครับ ผมประสบความสำเร็จเมื่อตอนที่แม่ป่วย แล้วแม่ป่วยแบบผมไม่คาดคิดมาก่อนว่าแม่ป่วยหนักแบบนี้ เมื่อได้รับโทรศัพท์ว่าแม่ป่วยผมก็กลับ นึกว่าแม่ป่วยธรรมดาแต่ความจริงแม่ป่วยอยู่ในห้องไอซียู ผมมีความรู้สึกว่าแม่มาถึงวาระสุดท้ายด้วยความสำนึกของผมผมจึงพยายามจะดิ้นรนขอร้องคุณหมอซึ่งจะเป็นผู้มีอำนาจในการอนุญาต คุณหมอก็ไม่อนุญาตเพราะแม่ต้องใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ แต่ผมก็พยายามใช้พลังของความเป็นมนุษย์ของผมบีบคั้นคุณหมอ บังเอิญคุณหมอเป็นแพทย์หญิงด้วย ผมพูดดีจนกระทั่งท่านบอกว่าตัวท่านเองไม่มีสิทธิอนุญาตแต่อาจารย์หมอจะมีสิทธิอนุญาต เพราะว่าท่านเป็นนักศึกษาแพทย์จบมาจากมอ.หาดใหญ่ จะมีอาจารย์แพทย์จากมอ.มาควบคุมแพทย์อีกทีหนึ่ง ผมบอกอย่างนั้นช่วยบอกด้วยว่าอาจารย์หมอท่านใดที่จะมีสิทธิอนุญาตผมจะไปขอจากท่านนั้น แพทย์หญิงท่านนี้จึงบอกว่าตอนเย็นเดี๋ยวคุณหมอจะออกมา เหมือนกับออกมาตรวจมากับลูกศิษย์ว่าอย่างนั้นนะ เมื่อผมเห็นว่าได้รับสัญญาณจากคุณหมอที่เป็นแพทย์หญิงคนนี้ทำให้ผมรู้ว่าผู้ชายคนนี้แหละ ผมรีบไปขวางทางขอเลยนะครับ พูดดีมากจนกระทั่งคุณหมอท่านนั้นบอกว่าจะเอาอย่างนั้นรึ ผมบอกครับ แต่ผมไม่มีความสามารถจะหาห้องพิเศษให้กับผู้ป่วยนะ ผมบอกนั่นเป็นหน้าที่ของผม หน้าที่คุณหมอคืออนุญาตผมครับ ท่านพยักหน้าแล้วก็จากไปเลย สุดท้ายผมได้รับอนุญาตให้พาแม่ออกจากห้องไอซียูมาอยู่ห้องป่วยพิเศษ แต่คุณหมอก็สั่งบอกว่าแต่เมื่อมีอะไรเกิดขึ้นจะต้องกลับมาที่นี่อีก ผมบอกด้วยความยินดีครับ แล้วสุดท้ายแม่ก็ได้ออกจากห้องไอซียู
รู้มั๊ยครับ ทันทีที่แม่ออกจากห้องไอซียูไปอยู่บนเตียงผู้ป่วยในห้องพักพิเศษ แม่รู้สึกตัวกลับฟื้นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง และทันทีที่แม่รู้ว่าผมอยู่ใกล้ๆกันแม่อยากกอดผม ผมบอกไม่ถูกเลยว่าสิ่งที่มันเป็นความหมายในชีวิตที่มัน ปี 2547 อายุผม 50 ปี ตอนที่ผมวิ่งเข้าไปในห้องเพราะตอนนั้นผมยืนอยู่นอกห้อง น้องสะใภ้เป็นคนวิ่งเปิดประตูมาบอกว่า พี่มวล แม่อยากกอดพี่ ผมรีบวิ่งเข้าไปในห้องแล้วผมกอดแม่ซึ่งเป็นหญิงชราอายุ 84 ปีนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ผมกอดแม่แน่น ผมมีความรู้สึกอะไรหลายอย่างหลายประการที่กระจ่างชัดขึ้นในใจผมตอนที่ผมกอดแม่ แล้วมีความรู้สึกอะไรบางสิ่งบางอย่างและความรู้สึกอันนี้นะครับเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่ในปี 2548 ผมจึงตัดสินใจออกจากราชการแล้วก็เดินทางไกล ตอนที่ผมกอดแม่ ผมบอกร่างกายของผมนี้แม่มอบให้ มาจากแม่ ผมจะใช้ร่างกายที่แม่มอบให้นี้เพื่อการรู้แจ้ง ความรู้สึกประมาณนี้เป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ และไม่น่าเชื่อเลยว่าในใจของลูกคือผมกับในใจของแม่คือผู้ให้กำเนิดผมมา แม้จะไม่สื่อสารกัน แต่มีความอยากความต้องการที่จะกอดซึ่งกันและกันอยู่เสมอ
เพราะฉะนั้นขอให้น้องคนที่ถามคำถามนี้กลับไปกอดแม่เถอะครับ วิธีการไม่มีแล้วครับ นี่คือวิธีเดียว