PAGODA

  • Create an account
  • Forgot your username?
  • Forgot your password?
or

Connection

Your e-mail is required to ensure the proper functioning of the Website and its services and we make a commitment not to reveal it to third parties

  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ
PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ

เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก

เข้าสู่ระบบ

  • สมัครสมาชิก
  • ลืมชื่อผู้ใช้?
  • ลืมรหัสผ่าน?

Search

  • หน้าแรก
  • เสียง
  • อาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์
  • ประกาศธรรมในชีวิตประจำวัน
ประกาศธรรมในชีวิตประจำวัน รูปภาพ 1
  • Title
    ประกาศธรรมในชีวิตประจำวัน
  • เสียง
  • 9667 ประกาศธรรมในชีวิตประจำวัน /aj-pramuan/2021-08-04-14-48-58.html
    Click to subscribe
    • Share
    • Tweet
    • Email
    • Share
    • Share

ผู้ให้ธรรม
อาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์
วันที่นำเข้าข้อมูล
วันพุธ, 04 สิงหาคม 2564
ชุด
สนทนาธรรม
  • แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]

  • กำหนดหมายภายในใจสักอย่างหนึ่ง เช่น ถ้าพอเราสมาทานสิกขาบทว่า นับจากนี้เป็นต้นไปจะไม่โกรธ ไม่โกรธสามี ไม่โกรธภรรยา หรือไม่โกรธลูก หรือไม่โกรธ ไม่หงุดหงิดกับแม่เลยก็แล้วแต่เนี่ยนะครับ แล้วพอเราทำปุ๊บเนี่ยนะครับ พอมันมีภาวะของความขัดเคืองขุ่นเคืองโกรธขึ้นมา แม่อาจจะไม่รู้ สามีอาจจะไม่รู้ ภรรยาจะไม่รู้ แต่เรานี่จะรู้ตัวเราเองทันที ว่าเรามีข้อผิดพลาดบกพร่องเสียแล้ว แสดงว่าเรายังไม่ผ่าน เพราะเราต้องบำเพ็ญฝึกฝนกันต่อไป บำเพ็ญฝึกฝนกันจนกระทั่งเกิดความรู้สึกเป็นปกติได้นะครับ เป็นปกติได้และความรู้สึกที่เป็นปกติได้ในกรณีผมสมมติตัวอย่างนี้ จะเป็นกรณีของการนำเอาสภาวะที่เราบ่มเพาะขึ้นมาในใจเราเนี่ยไปใช้จริงๆ ในชีวิตประจำวันแล้ว

    เพราะฉะนั้นผมพูดเป็นตัวอย่างปรารภขึ้น แต่ถ้าใครจะทำจริงๆ ผมจะขอชื่นชมอนุโมทนาเป็นอย่างมาก และผมเชื่อเลยนะครับยิ่งถ้าพอเราไปทำสิ่งนี้แล้วปรากฏว่า มีคนมาตั้งข้อสังเกตว่าตั้งแต่ไปปฏิบัติธรรมที่ยุวพุทธมาเนี่ย ดูมันดีขึ้นประมาณนี้นะครับ ผมเข้าใจว่าวันนั้นคือการประกาศธรรม เป็นการประกาศธรรมเพื่อให้คนอื่นรู้ว่าการปฏิบัติธรรมนี่มันดีอย่างนี้นี่เอง เราไม่ต้องไปพูดว่ามันดีอย่างไร แต่มันจะปฏิบัติธรรมในความหมายสุดท้ายคนที่เราอยู่ด้วยกันเนี่ยมีความรู้สึกว่า อ๋อ ไปปฏิบัติธรรมแล้วมันดีอย่างนี้เอง เพราะฉะนั้นน่าจะส่งเสริมกันให้ไปปฏิบัติธรรม

    นึกถึงภาพสิ มันจะไม่ดียังไงถ้าสมมุติว่าเราเป็นสามีนะครับ เมื่อก่อนเคยหงุดหงิดมีปัญหากับภรรยา พอปฏิบัติธรรมกลับไป ไม่หงุดหงิด ไม่รำคาญ อยู่ด้วยกันอย่างมีความรู้สึกตัว ภรรยาก็เออไม่น่าเชื่อนะ ไปปฏิบัติธรรมที่ยุวพุทธิกสมาคมเนี่ยมันดีอย่างนี้นี่เอง คำว่าดีอย่างนี้นี่เอง ไม่จำเป็นต้องไปถามแล้วว่าดีอย่างไร เพราะคำว่า ดีอย่างนี้นี่เอง นี่มันปรากฏชัดแจ้งอยู่ในบุคคลผู้นำเอาธรรมะไปฝากเขา

    ทีนี้ในกรณีอย่างนี้ ผมเข้าใจว่าสามารถสมาทานหรือถ้าใครมีพลัง มีฉันทะ มีวิริยะมาก สมาทานหลายข้อก็ได้นะครับ สมาทานกับเพื่อนร่วมงานในที่ทำงาน สมาทานกับคนโน้นคนนี้ และผมเข้าใจว่าการสมาทานวัตรปฏิบัติแบบนี้จะเป็นสิกขาบทในชีวิต และจะเป็นการทำให้เราเนี่ย คำว่าสิกขาบทคือบทฝึกฝนเรียนรู้ และเราจะเรียนรู้เข้าใจอะไรได้มากขึ้น มากขึ้น มากขึ้น มากขึ้น และสุดท้ายสิ่งที่มันเป็นสิกขาบทแบบนี้นะครับ มันจะกลายมาเป็นพื้นฐานที่ทำให้เรารู้ว่า อ๋อ ไอ้สิ่งที่มันทำได้โดยยากเนี่ยนะครับพอสุดท้ายแล้ว พอเราทำจริงมันก็ไม่ยาก

    เมื่อตะกี้เราบอกว่า ถ้าเราเดินทีละก้าวเราสามารถเดินได้เป็นพันเป็นหมื่นกิโลได้ ยิ่งพวกเราที่อยู่ในวัยหนุ่มสาว นึกถึงภาพนะครับ เดินรอบโลกยังได้เลย ทีนี้ในกรณีที่เรากำลังพูดถึงตรงนี้นะครับ เราพูดถึงสิ่งที่ทำ ณ ปัจจุบัน แต่ทำอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน การเดินทีละก้าวก็สามารถเดินได้ไกลมากๆ จนรอบโลกก็ได้ แต่ถ้าเราจะไปคิดเดินรอบโลกตั้งแต่ตอนต้นเนี่ยนะ มันจะรู้สึกยากนะเพราะแค่จะเดินไปปากซอยยังยากเลย เพราะงั้นจะไปเดินรอบโลกนี้มันคงยาก แต่ที่มันยากเพราะเราไปคิดว่ามัน มันต้องใช้เวลานาน มันต้องทำซ้ำๆ นานมากอย่างนี้

    แต่ถ้าเราคิดว่าในปัจจุบันเราก็ทำอะไรซ้ำๆ อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราก็ทำซ้ำๆ ในสิ่งที่ดี เพราะฉะนั้นเวลาเราพูดถึงการปฏิบัติธรรมในความหมายที่ผมพูดถึงนี้นะครับ ให้ทำนะครับกับบุคคลที่ใกล้ชิด และพอสุดท้ายเราสามารถทำกับบุคคลอื่นๆ ได้ ไปเรื่อยๆๆๆ และบทฝึกฝนนี้นะครับ มันเป็นผลที่เกิดขึ้นกับตัวเรา มันเป็นผลที่เกิดขึ้นกับการที่เราสามารถฟื้นฟูสมรรถนะของความเป็นมนุษย์ของเรา ปกติของความเป็นมนุษย์คือเป็นบุคคลผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณธรรม มีเมตตาธรรม มีความหมายที่มันเป็นความหมายที่ดีๆ ทั้งนั้นเลย แต่ที่มันสูญเสียความเป็นปกติไป เพราะเราปล่อยให้กิเลสมันมาเบียดเบียนรบกวนจนกระทั่งสิ่งที่

    นึกถึงภาพนะครับพอเราไม่ดูแล ถ้าใครเป็นเกษตรกรเป็นชาวสวน ถ้าไม่ดูแลสักพักในพื้นที่ที่มันดูดีมันก็มีหญ้า มีสิ่งที่มันไม่เป็นสิ่งที่พึงปรารถนาจนรกรุงรัง แต่คนที่ทำการเกษตรที่เอาใจใส่ดูแล เขาจะหมั่นดูแลจึงทำให้พืชผล พืชไม้ ไม้ดอก ไม้ผล ไม้อะไรก็แล้วแต่ที่เราต้องการจะปลูกเนี่ยมันงอกงามไพบูลย์ได้ เพราะฉะนั้นปัจจุบันนี้เราก็มาฝึกทักษะในการทำการเกษตรที่เราเรียกว่าพุทธเกษตร

    เพราะฉะนั้นก็ขอได้โปรดใช้บทเรียนรู้ที่ได้จากการมาปฏิบัติธรรมครั้งนี้ไปฝึกทดลองปฏิบัติในชีวิตจริงๆ และพอฝึกทดลองปฏิบัติในชีวิตจริงๆ แล้วเมื่อทำได้แล้ว เราจะพบว่า การบ่มเพาะคุณธรรมที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้นะครับ มันเป็นสิ่งที่งดงามในชีวิตเพราะสุดท้ายแล้วชีวิตของเราที่มีคุณธรรมเกิดขึ้นภายในเนื้อในตัวเรา เราก็สามารถอยู่กับเพื่อนมนุษย์ได้อย่างมีความสงบสุข เราสามารถอยู่กับธรรมชาติได้อย่างมีความราบรื่นบันเทิงในการมีชีวิตอยู่ ในกฎเกณฑ์ของธรรมชาตินี้ การปฏิบัติธรรมที่เราพูดถึงนี้ จึงกลายมาเป็นเนื้อเป็นตัวเป็นชีวิตเป็นทั้งหมดทั้งสิ้นของการดำรงชีวิตอยู่ ไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เพียงส่วนใดส่วนหนึ่งของชีวิต แต่เป็นทั้งหมดทั้งมวลของชีวิตที่เราจะได้มีชีวิตอยู่อย่างเบิกบานนะครับ มีชีวิตอยู่อย่างรื่นรมย์ในธรรมชาติที่อยู่รอบๆ ตัวเรา กับเพื่อนมนุษย์ที่อยู่รอบๆ ตัวเรา การปฏิบัติธรรมไม่ใช่เป็นการเปลี่ยนแปลงโลกหรือไม่ใช่ไปเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของเพื่อนที่อยู่กับเรา แต่เรากำลังจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของเราให้อยู่กับเพื่อนได้อย่างผาสุก ให้อยู่กับโลกได้อย่างสันติ

    อันนี้คือประเด็นที่ผมอยากจะฝากไว้ในความหมาย ซึ่งไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมโดยตรงสักเท่าไหร่ แต่ผมเข้าใจว่าอันนี้คือสิ่งที่ใกล้เคียงแล้วก็พัวพันอยู่กับการปฏิบัติธรรม และก็ทำให้มิติของการปฏิบัติธรรมเนี่ยมีความหมายที่เป็นไปในชีวิตจริงๆ ได้นะครับ เพราะสุดท้ายแล้วที่เรามาทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด เช่น การเจริญสติก็คือสร้างฐานที่มั่นคงขึ้นภายใน สร้างภูมิคุ้มกันที่มีประสิทธิภาพขึ้นภายใน และสุดท้ายเมื่อเรามีฐานที่มั่นคงเรามีภูมิคุ้มกันที่ดีแล้ว เราไปอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหนอย่างไร เราก็จะมั่นคงและก็ไม่มีความอ่อนแอเปราะบางเมื่อมีอะไรเข้ามากระทบให้แตกสลายทำลายไปได้ นี่จึงเป็นสิ่งที่อยากจะฝากไว้กับทุกท่านนะครับ ในโอกาสที่ผมได้รับเกียรตินะครับ มีบุญ ตัวเองมีบุญ ได้มีโอกาสมาพบกับท่านผู้ปฏิบัติธรรม คือเราพบกันที่อื่นก็อาจจะพบกันได้ แต่การพบกันในบรรยากาศเช่นนี้ผมถือว่าผมมีบุญมากๆ ที่ได้มาพบท่านในบรรยากาศเช่นนี้

logo

  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • จดหมายข่าว
  • Privacy Policy
  • Terms of Service