แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
พ่อแม่ที่แบบว่ามีลูกติดยา จะมีท่าทียังไงกับลูก จะอยู่กับลูกยังไง จะคุยกับลูกยังไง จะปฏิสัมพันธ์กันยังไง ถ้าลูกนี่แบบติดยาแล้วก็ตั้งใจเลยว่าเอาดีทางนี้ ค้าขายเลย เป็นอาชีพเลย คือมันไม่ใช่แค่แบบว่าติดเหล้าอะไรแบบนี้ พอแบบติดยาหนูรู้สึกว่ามันมีบางอย่างที่เรารับไม่ได้ว่ามันไม่มีว่ามันมี ทีนี้ด้วยความเป็นแม่จะยังไงดีคะ
คือมันแยกเป็น 2 ส่วนนะครับ เวลาเราพูดถึงสิ่งนี้ ภาวะการติดยาจึงเป็นเรื่องของปฏิกิริยาทางชีวเคมีนี่อย่าเอาไปปนกับสภาวะจิตสำนึก คนละส่วนกันนะครับ
ถ้าภาวะติดยาเนี่ยนะครับ มันเหมือนกับเราไปหาหมอ แล้วเราต้องผ่าตัดแล้วหมอฉีดยาสลบ เราบอกเราไม่อยากสลบ ไม่ได้นะครับมันต้องสลบ ยังไงๆ เนี่ย เพราะยาเนี่ยมันเข้าไปทำให้เราหลับโดยไม่รู้เนื้อ นับไม่ถึงสิบเลยนะ เวลาหมอบอกว่าลองนับดู นับไม่ถึงสิบ จำได้ว่าตอนตื่นขึ้นมา เอ๊ะนับถึง ไม่ถึง แสดงว่าเร็วมากเลยนะครับ มันไม่ได้เรื่องจิตนะครับตรงนั้น มันเป็นของสภาวะที่มันเป็นกระบวนการทางชีวเคมีที่มีอยู่ในเนื้อตัวร่างกาย แต่กระบวนการที่เป็นชีวเคมีนี้ มันเข้าไปส่งผลกระทบต่อสภาวะจิตสำนึก
เพราะฉะนั้นคุณแม่ที่มีลูกติดยาเนี่ย อย่าทำในความหมายว่า ฉันจะเยียวยาเขาด้วยพลังแห่งความรัก ใช่ เยียวยาจิตใจเขา เยียวยาด้วยพลังแห่งความรัก แต่ขณะเดียวกันก็ต้องมีปรากฎการณ์ของการไปเยียวยาทางด้านกายภาพ ซึ่งมันเป็นกลไกซึ่งถูกทำให้มันมีความหมายบิดเบือนไปหรือถูกทำให้มันมีกลไกที่บิดเบี้ยวไปเพราะมันมีสารบางชนิดเข้าไป ใช่ไหมครับ
กระบวนการแบบนี้ต้องเข้าใจความหมายของโครงสร้างของชีวิตที่เราถือครองนี้อยู่ ชีวิตที่เราถือครองนี้อยู่จึงต้องมีปฏิบัติการในส่วนที่มันเป็นโครงสร้างเชิงกลไก ต้องกินอาหาร ต้องนอนพักผ่อน ยังนี้นะครับ นี่เป็นกลไกปกติ แต่เนื่องจากว่าเราอยู่กับมันจนเราชินแล้ว แล้วเราสามารถทำให้มันกลมกลืนเนียนเป็นเนื้อเดียวกันได้แล้ว แต่กรณีติดยาเป็นกรณีแทรกซ้อนเข้ามา เพราะฉะนั้นคุณแม่ที่มีความรักลูกนะครับ ต้องมีความชาญฉลาดว่าจะรักษาเยียวยาดูแลลูกในส่วนไหน อย่างไร ไม่ใช่ว่าใช้ความรักดูแลเขา ไม่ใช่ครับ
แต่ว่าใช้ความรักคือ ความรักที่ว่านี้มันจะต้องปรากฎออกมาเป็นการกระทำที่แสดงออกซึ่งความรัก เพราะฉะนั้น ถามว่าแม่รักลูกมั้ย มีมั้ยที่แม่ใจดีเหรอ ไม่ บางทีแม่ก็ดุ แต่เท่าที่แม่ดุ แม่ไม่ได้สูญเสียความเป็นแม่ที่ปฏิบัติต่อบุตร การดุนี่ก็คือ ประดุจดังมารดาปฏิบัติต่อบุตรนั่นแหละ เพราะแม่รู้ว่าในอาการแบบนี้ สภาวะแบบนี้ ต้องดุ ทั้งที่ความจริง ขอโทษนะครับ แม่บางคนตีลูกแล้วยังแอบไปร้องไห้กับตัวเองก็มี ใช่ไหมครับ ทั้งปรากฎการณ์ที่กำลังพูดถึงนี้ เรากำลังพูดถึงในโครงสร้างที่เราจะต้องทำความเข้าใจได้ ว่าเราจะปรับยังไง เป็นอย่างไรเนี่ยนะครับ แล้วเราจะต้องทำให้มันถูกวิธี
เมื่อตอนที่เรานั่งรถกันมา เรายังคุยกันเรื่องการเปิดฝาเกลียว ในอุปมาเปรียบเทียบว่าการเปิดฝาเกลียวขวดหรือฝาเกลียวอะไรเนี่ยนะครับ มันต้องหมุนให้ถูกทิศ หมุนให้ถูกทาง ฝาเกลียวต้องหมุนไม่ใช่ดึงออกนะครับ แต่ในขณะถ้ามันปีนเกลียวหมุนยังไงก็ไม่ไป บางทีต้องกดหรือต้องดึงนิดๆ หน่อยๆ นี่เป็นตัวอย่างที่เราคุยกันบนรถวันนี้เนาะ แต่ความหมายที่ผมกำลังพูดถึงนี้ เราไม่สามารถที่จะพูดในสิ่งที่มันเกิดขึ้นด้วยกลไกที่สำเร็จได้ มันต้องกลับไปสู่โครงสร้างของความหมายที่มันมีความสลับซับซ้อน
แต่ที่เราพูดกันส่วนใหญ่วันนี้ เราตั้งอยู่บนฐานว่าส่วนใหญ่เราเข้าใจสิ่งที่มันเป็นโครงสร้างเชิงกายภาพกันอยู่ดีแล้ว และโครงสร้างเชิงสังคมที่มันเป็นบท แต่เราต้องการจะกลับมาสู่จุดเล็กๆ แต่มันมีความสำคัญมากๆ คือ ความเป็นไปภายในใจของเรา จริงๆ ที่เราพูดถึงนี้มันไม่ได้หมายความว่าทุกสิ่งมันแค่นี้นะครับ แต่หมายความว่าเราพูดในสิ่งที่มันพร่องอยู่ เหมือนกับที่ผมบอกว่าจริงๆ ที่ผมพยายามเน้นความเป็นหญิงเพราะว่าความเป็นชายมันมีมากล้นอยู่ในสังคมนี้ เพราะฉะนั้นเราจึงพยายามจะเติมในส่วนที่มันเป็นความเป็นหญิงลงไป ที่นี้ในชีวิตของเราเนี่ยนะครับ แม้ว่าเราจะเป็นเพศหญิงนะครับแต่เราก็ใช้ระบบคิด ระบบการตัดสินแบบชาย จนกระทั่งเรากลายเป็นผู้ชายโดยความหมายนี้ไปแล้ว เราเพียงแค่ดึงสิ่งนี้กลับมาทบทวนเพื่อให้เติมเต็มความเป็นหญิง
ทีนี้กรณีของแม่ กรณีของลูกที่ติดยาเนี่ยครับ ผมเข้าใจว่าต้องกลับไปสู่กระบวนการที่ความรักต้องมีอยู่ แต่ความรักนั้นไม่ได้หมายความว่ารักแล้วต้องใจดี รักแล้วอาจจะดุ รักแล้วอาจจะลงโทษลงทัณฑ์อะไรนั้นก็เป็นเพราะความรักเหมือนกันครับ