PAGODA

  • Create an account
  • Forgot your username?
  • Forgot your password?
or

Connection

Your e-mail is required to ensure the proper functioning of the Website and its services and we make a commitment not to reveal it to third parties

  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ
PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ

เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก

เข้าสู่ระบบ

  • สมัครสมาชิก
  • ลืมชื่อผู้ใช้?
  • ลืมรหัสผ่าน?

Search

  • หน้าแรก
  • เสียง
  • อาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์
  • อินเดีย
อินเดีย รูปภาพ 1
  • Title
    อินเดีย
  • เสียง
  • 9588 อินเดีย /aj-pramuan/2021-07-29-11-55-31.html
    Click to subscribe
    • Share
    • Tweet
    • Email
    • Share
    • Share

ผู้ให้ธรรม
อาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์
วันที่นำเข้าข้อมูล
วันพฤหัสบดี, 29 กรกฎาคม 2564
ชุด
ภาวนา เริ่มต้น ณ กม 0
  • แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]

  • ผมกลับมาสู่ประเด็นต่ออย่างนั้นเนาะ ว่าอินเดียเนี่ยนะครับ  ตามความรู้สึกของนักปราชญ์เยอรมัน  ผมเอ่ยชื่อท่านสักคน เมื่อกี๊ผมเอ่ยชื่อถึง โชเพนเฮาเออร์นะ  แต่มีคนหนึ่งที่สำคัญมากชื่อแม็กซ์ มึลเลอร์ ถ้าท่านไปเดลีนะครับ จะมีเส้นถนนสายหนึ่งนะครับ ซึ่งปกติคนอินเดียจะไม่ค่อยตั้งชื่อถนนให้ชาวต่างชาตินะครับ  จะตั้งชื่อให้เป็นถนนของชาวอินเดียทั้งนั้นน่ะนะ  แต่ที่นิว เดลี หรือ เดลี เนี่ยครับ จะมีถนนเส้นนึงตั้งชื่อถนนให้กับคนๆนี้ ชื่อ แม็กซ์ มึลเลอร์  เพราะแม็กซ์ มึลเลอร์ เป็นบุคคลที่สำคัญที่ทำให้อินเดียมี  คือเมื่อตอนที่อังกฤษปกครองอินเดียอยู่เนี่ยนะครับ 

    ผมพูดเมื่อตอนเช้าแล้วใช่มั๊ยครับว่า  อังกฤษใช้วิธียึดครองแผ่นดินอินเดียโดยใช้วิธีการกดข่มภูมิรู้เดิมของอินเดีย  นั่นก็คือหมายความว่า ก่อนหน้านั้นอินเดียเคยเจริญรุ่งเรืองมีชุดความรู้อย่างไรเนี่ยนะ  อังกฤษมาทำ เหมือนกับถ้าบ้านเราก็คือทำพิธีสะกดเลยอ่ะ  เขามาตั้งมหาวิทยาลัยด้วยเจตนาที่ปรากฏชัดแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรว่า วัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัยตั้งขึ้นบนแผ่นดินอินเดียนี้ ก็เพื่อสถาปนาคนอินเดียวรรณะใหม่  เพราะในอินเดียเมื่อก่อนมันมีวรรณะพราหมณ์  กษัตริย์ แพศย์ ศูทร ใช่มั๊ยครับ  

    คนวรรณะใหม่ที่ต้องการสถาปนาขึ้นคือคนที่มีวรรณะมีสีผิวเป็นอินเดีย  มีเลือดที่ถ้าเอาไปพิสูจน์ดีเอ็นเอก็เป็นอินเดีย  แต่มีรสนิยมและมีค่านิยมนี่เป็นแบบอังกฤษ  เพราะฉะนั้นสิ่งที่ทำก็คือตั้งมหาวิทยาลัย  และให้มหาวิทยาลัย  คำว่ามหาวิทยาลัยนี้ เข้าใจอย่างหนึ่งก่อนนะครับ  มหาวิทยาลัยนี้ควบคุมการศึกษาตั้งแต่ระดับพื้นฐานเบื้องต้นจนกระทั่งจบ  ไม่ใช่เหมือนบ้านเรานะครับ  เพราะฉะนั้นมหาวิทยาลัยในอินเดียเมื่อตั้งขึ้นมาแล้วเนี่ยจะมีพื้นที่ ที่เขาจะดูแล   ที่ผมพูดเมื่อเช้าว่า พื้นที่ของมหาวิทยาลัยบอมเบย์เนี่ยครอบครองแผ่นดินอินเดียภาคตะวันตกทั้งหมด  มัทราสครอบครองแผ่นดินอินเดียภาคใต้ทั้งหมด จนไปถึงลังกาด้วยนะครับ  มหาวิทยาลัยกัลกาตาครอบครองแผ่นดินภาคตะวันออกทั้งหมดจนไปถึงประเทศพม่าติดพรมแดนไทยเนี่ยนะครับ 

    ความหมายก็คือต้องให้คนอินเดียเนี่ยมาเรียนหนังสือ  และให้คนอินเดียเหล่านี้มีค่านิยมแบบอังกฤษก็คือยอมรับอังกฤษ เพราะฉะนั้นไม่นานเขาก็สามารถทำให้สิ่งที่เรียกกันว่าภาษาสันสกฤตซึ่งเป็นภาษาศักดิ์สิทธิ์  กลายมาเป็นภาษาที่ไม่มีความหมายเลย  คัมภีร์ที่ศักดิ์สิทธิ์ๆ ถูกทำให้ด้อยค่า  นักวิชาการอังกฤษที่มาปกครองอินเดียเนี่ยนะ  เปรียบเทียบความรู้ของชาวอินเดียที่มีอยู่เนี่ยนะครับ  ว่าถ้าเปรียบว่าความรู้เนี่ยนะครับมันคือห้องสมุดหนึ่งห้องเนี่ย  ประเทศอังกฤษมีห้องสมุดใหญ่โตมาก แต่อินเดียเหมือนกับมีชั้นวางหนังสือเล็กๆ อยู่หัวนอนน่ะครับ ก็คือนิดเดียว  ฉะนั้นเขาจึงทำให้สิ่งที่เป็นความหมาย ก็คือคนอินเดียสูญเสียความ สามารถในการที่จะปกป้อง 

    ซึ่งตรงเนี้ยคือประเด็นที่เดี๋ยวผมจะผูกโยงให้เห็นกับภาคอีสานด้วย ถ้าเป็นอย่างนั้นใช่มั๊ยครับ  ว่าทำไม ทำไม ทำไม  ผมถามถึงสามครั้งให้เป็น ทุติยัมปิ ตะติยัมปิ พวกเราจึงยอมจำนนกันมากถึงขนาดนี้อะไรงี้นะครับ  เพราะว่าเขายึดครองสิ่งที่เรียกว่าความรู้ที่ถูกปรุงรสเสร็จแล้ว  เป็นปรุงรส ปรุงรสนิยมเสร็จแล้ว  เพราะฉะนั้นสิ่งนี้มันจึงเป็นปัญหาว่าพออินเดียตกอยู่ภายใต้อำนาจแบบเนี้ย  คนอินเดียลืมไปเลยไม่รู้ภาษาสันสกฤต  น่า น่า น่าเศร้ามากเลยนะครับที่คนอินเดียที่เคยเชิดชูภาษาสันสกฤตเป็นภาษาสูงส่ง  ต่อมาไม่มีใครรู้สันสกฤต 

    แต่แม็กซ์ มึลเลอร์ เขามาอ่าน เขามาศึกษา  จนกระทั่งเขาใช้คำว่า อุทาน เปล่งอุทานเหมือนกับพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วทรงเปล่งอุทานเนี่ยนะครับว่า 

    ไม่มีความรู้แห่งหนตำบลใดบนผิวโลกใบนี้  ที่จะลุ่มลึกเท่ากับประชาชนชาวอินเดีย เป็นความรู้ที่ลุ่มลึกที่สุดและแกก็ลงทุนแปล  ขอโทษนะแกนั่งแปลคัมภีร์ต่างๆ ซึ่งสมัยนั้นคนอินเดียเกือบไม่รู้แล้ว  แต่แม็กซ์ มึลเลอร์ ยังสามารถแปลคัมภีร์อุปนิษัท  แปลคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา  แปลคัมภีร์อะไรอยู่ในภาคภาษาสันสกฤต บังเอิญว่าเราไม่ค่อยชินกับสันสกฤตเพราะเราใช้บาลีใช่มั๊ยครับ  ออกมาเป็นจำนวนมากมาย  และบุคคลผู้นี้เนี่ยนะครับ  ทำให้สิ่งที่เรียกกันว่าอินเดียมีศักยภาพสูงส่งขึ้นมาได้อีกนะครับ  เพราะฉะนั้นปัจจุบันบุคคลผู้นี้จึงถูกยกย่องว่าเหมือนกับผู้มาช่วยชุบชีวิตอินเดียให้ฟื้นขึ้นมาได้อีก 

    ประเด็นที่เราพูดถึงอินเดียตรงนี้เนี่ยนะครับมันเสื่อมลง พอมันเสื่อมลงเนี่ยนะครับ  ขอโทษนะครับแม้กระทั่งตอนที่ผมไปเรียนหนังสือที่อินเดียก็อยู่ภายใต้อิทธิพลของอังกฤษแล้ว  แม้กระทั่งเราจะเรียนสิ่งที่  คืออินเดียเนี่ยถูกทำให้อะไรเสียหมดเลย  และที่น่าเศร้าที่สุดก็คือพวกเราเองด้วยนะครับ  พวกเราซึ่งเป็นคนไทยเนี่ย  เราเคยรู้จักอินเดียในลักษณะที่ผ่านพระพุทธศาสนา  แต่เราไม่ได้รับรู้พระพุทธศาสนาโดยตรงจากอินเดีย  เราไปรับรู้ผ่านลังกา  เพราะลังกาเขามีรสนิยมยังไงเราก็จะมีรสนิยมแบบลังกา 

    ขอโทษแต่เราไม่เคยเป็นปัญหากับชาวทมิฬ  แต่เวลาเราเรียนหนังสือทางพระพุทธศาสนาเราจะคิดว่าพวกทมิฬหินชาติ  เวลามีใครใจคอโหดร้ายก็บอกว่าพวกทมิฬอย่างเนี้ยนะ  เพราะอะไร เพราะพวกชาวสิงหลเนี่ยมันทะเลาะกับชาวทมิฬ รบกันมานาน  จนกระทั่งว่าชาวลังกาเนี่ยเกลียดทมิฬมาก เพราะว่าเวลาเรานำพุทธศาสนามาจากลังกาเราก็เกลียดทมิฬไปด้วย  อ่ะ ยุคทมิฬน่ะ ยุคทมิฬน่ะใช่  คำว่าทมิฬเนี่ยเป็น  แต่ถ้าท่านไปอินเดียผมกล้าท้าทาย อาจารย์จะยืนยันเพราะว่าอาจารย์จบจากมัทราสใช่มั๊ยครับ  มัทราสนี่คือเมืองหลวงของรัฐทมิฬ  ทมิฬนาดูเนี่ย  คนทมิฬเนี่ยเขาน่ารัก  คนไทยต่อยหน้าไปหนึ่งเปรี้ยงแล้วยังยก ยังถามเลยว่าต่อยผมทำไม  ขนาดนั้นเลยอ่ะ คนไทยเนี่ยพูดไม่รู้เรื่องต่อยแม่งมันก่อนเลย  เอาก่อนประมาณนี้เนี่ยนะ คือเถียง ขอโทษนะคือปั่นจักรยานไปเฉี่ยวกันจนล้มทั้งคู่เนี่ยแหละ  พอล้มทั้งคู่คนไทยโมโหต่อยเลยอ่ะ คนทมิฬยังมีหน้ามาถามอีกว่าต่อยผมทำไม  นั่นคือคนทมิฬ 

    แต่พวกเรามีภาพลักษณ์ที่ไม่เป็นอย่างนั้นครับ ทมิฬต้องโหดร้ายต้องใจดำประมาณเนี้ยนะ  เพราะอะไร  เพราะเราไปเรียนรู้ผ่านชาวลังกาหรือชาวสิงหลนะครับ  ที่ผมพูดเช่นนี้ก็คือกำลังจะบอกว่าเวลาเรารับรู้อะไรผ่านใครเนี่ย  ต้องไตร่ตรองให้มากหน่อยนะครับ  ทีนี้ตอนหลังเรารับรู้เรื่องอินเดียเนี่ยผ่านทางชาวตะวันตก  และชาวตะวันตกที่เรารับรู้ก็เป็นชาวอังกฤษ ชาวฝรั่งเศส อะไรเงี้ยนะครับ เราไม่ค่อยได้รับรู้ผ่านชาวเยอรมันเท่าไหร่  ฉะนั้นภาพลักษณ์ของชาวอินเดียในสายตาชาวอังกฤษจึงเป็นคนโง่  อะไรที่เป็นวัฒนธรรมอินเดียมันล้าสมัยมันคร่ำครึ ต้องเลิกให้หมด  เพราะฉะนั้นเราก็เลยจึงเข้าใจตรงนี้อะนะครับค่อนข้างจะมีปัญหา 

    ผมเองก็ไปเรียนหนังสือกับอินเดียก็จริง  แต่ลึกๆ ผมก็ได้รับรสนิยมแบบอินเดียที่มีค่านิยมแบบอังกฤษไปบ้างแล้วนะครับ  แต่ก็โชคดีนะครับยังมีโอกาสได้ไปอยู่อินเดียจริงๆ และได้พบคนอินเดียที่ดีๆ อะไรเนี้ยนะครับ  ดีๆ คือหมายความยังมีรสนิยมแบบเดิม  แต่ก็ไม่ได้รู้อะไรมากในตอนนั้นนะครับ  คำว่าก็ไม่ได้รู้อะไรมากในตอนนั้นก็คือหมายว่าศึกษา และบังเอิญเราก็มีทัศนคติแบบชาวพุทธที่มาจากลังกาเหมือนกันนะ  มีเจตนาจะหมิ่นแคลนความรู้แบบอินเดียอยู่ไม่ใช่น้อย  ถ้าเราทำให้สิ่งที่เป็นความคิดความรู้แบบอินเดียเนี่ยด้อยค่านะครับ เพราะฉะนั้นผมจึงไปอ่านคัมภีร์พระเวทไม่รู้เรื่องหรอก  ถ้าตอนสมัยที่ผมยังเป็นนักศึกษาอยู่ที่อินเดียจะให้ผมไปไหว้อุษาเทวี ให้ไปไหว้แม่น้ำผมคงทำไม่ได้หรอกนะครับ  นอกจากไหว้ไม่ได้แล้วผมยังรู้สึกว่ามันแย่มากเลยคนอินเดีย เราพูดเสมอใช่มั๊ยครับว่าคนอินเดียมันโง่จังเลย  มันเชื่อว่าอาบน้ำในแม่น้ำคงคาแล้วจะชำระบาปได้ โอ๊ย,ป่านนี้ปลามันก็บริสุทธิ์ไปเกิดเป็นเทพบุตรเทพธิดาบนสวรรค์กันหมดแล้วเพราะมันอยู่ในตลอด 24 ชั่วโมงอ่ะ  เราไปอาบแค่ 5 นาทีเองประมาณนี้เนี่ยนะครับ 

    แต่นั้นเราใช้ความคิดไงครับ  เพราะจริงๆ มันมีสิ่งที่ลึกไปกว่านั้น  เพราะฉะนั้นสิ่งนี้เนี่ยนะครับ  จึงเป็นสิ่งที่ผมอยากจะพูดถึงสิ่งที่เรียกกันว่าอินเดีย ในความหมายของผมก็คือ  ไอ้ระบบอินเดียปัจจุบันเนี่ยเริ่มฟื้นเยอะนะครับ  อินเดียมันมีสิ่งหนึ่งที่พวกเราเองก็เหมือนกับบ้านเรา เช่นสมัยก่อนอินเดียมีระบบดูแลสุขภาพที่เรียกว่า อายุรเวท (Ayurrveda) คือแพทย์แบบอินเดียอ่ะนะ  ตอนที่อังกฤษมาปกครองอินเดียเขาทำให้แพทย์แบบอินเดียเนี่ยเลิกหายไปเลย  ไม่มีเลยใครจะไปเป็นหมอแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว  แต่อินเดียเวลาต่อมามันฟื้นมันเริ่มคิด รัฐที่คิดเรื่องนี้ได้เป็นรัฐแรกคือรัฐเกรละ(Kerala)  เนื่องจากรัฐเกรละเมื่อได้รับอิสรภาพจากอังกฤษแล้วเนี่ย  ตอนที่มีการเลือกตั้งกันเนี่ยนะ  คืออินเดียเค้ามีเป็นรัฐๆ นะครับ  รัฐ ๆ หนึ่งก็เหมือนกับประเทศๆหนึ่งนะ  มีการเลือกตั้ง แล้วก็มีรัฐสภาของตัวเอง มีผู้ปกครองที่เป็นนายก เขาเรียกว่ามุขมนตรีของตัวเองนะครับ  คนละคนกับนายกรัฐมนตรีของประเทศอินเดียนะครับ 

    รัฐเกรละเนี่ยชนะการเลือกตั้ง แปลกประหลาดมหัศจรรย์  คือพรรคคอมมิวนิสต์ชนะเลือกตั้ง  และพรรคคอมมิวนิสต์มันก็แปลก  มันมีนโยบายแบบแปลกๆ แต่คำว่าแปลกๆ ของเกรละมันทำสิ่งหนึ่งที่มหัศจรรย์  คือสามารถที่จะชุบฟื้นคืนความแบบรู้การแพทย์แบบอินเดียได้ นั่นก็คือหมายความว่าถ้าเราไปรัฐเกรละเนี่ยนะครับ  โรงพยาบาลที่ใหญ่ๆ ของเมืองต่างๆ เนี่ยนะครับ  เป็นโรงพยาบาลที่เรียกว่า อายุรเวท  คือไม่ได้ใช้ยาซึ่งเป็นเคมีซึ่งนำเข้ามาจากต่างประเทศ แต่ใช้ยาสมุนไพร  พวกเราอาจจะรู้จักคนๆ หนึ่งซึ่งมาโด่งดังในเมืองไทยเป็น ดร. เจคอบ ใช่มั๊ยครับ  ซึ่งนี้แกมาจากรัฐเกรละเนี่ยครับ แกมีชื่อเสียง แกมาเป็นวิทยากรอบรมการดูแลสุขภาพทางเลือก  จนกระทั่งกลายมาเป็นมีลูกศิษย์ลูกหาเยอะแยะในเมืองไทย

    รัฐนี้นะครับเป็นรัฐที่มีอะไรที่แปลกๆ แล้วรัฐนี้นะครับนอกจากฟื้นฟูสิ่งที่เรียกว่าการแพทย์แผนอินเดียได้แล้วเนี่ย  ก็ยังสร้างปรากฏการณ์อะไรที่ใหม่ๆ จนถึงปัจจุบันเนี้ยนะครับ ใครไปก็จะชื่นชมนะครับ  เป็นรัฐที่มีความรู้อะไรต่างๆ ดีๆ หลายอย่าง ทำการเกษตรแบบอินทรีย์ไม่ตกเป็นทาสอาณานิคมของอังกฤษ  หรือแม้กระทั่งเวลามีอะไรซึ่งเป็นประเด็นทางการเมือง รัฐนี้จะมีอะไรดีๆ มีนักเขียนดังๆ นะครับ มีนักสร้างหนังที่ดังๆ นะครับ ซึ่งรัฐอื่นนี่ไม่มีสิทธิ์ได้เป็น แต่พอไปอยู่รัฐนี้มีนักสร้างหนังผู้หญิงคนนึงที่ชื่อ มิร่า แนร์ , มิร่า แนร์ เนี่ยเป็นผู้หญิงนะครับ ถ้าไปเกิดอยู่ในรัฐอื่นไม่มีผุดมีเกิดอ่ะ  แต่พอมาอยู่ที่นี่เนี่ยนะครับ สามารถเป็นผู้สร้างหนังที่มีชื่อเสียง  สร้างมาตอนไหนก็มีคนรอดูครับ  เพราะว่าเธอเติบโตมาในสังคมที่เขาไม่เหยียดเพศ เป็นสังคมที่ให้ความสำคัญกับเพศหญิง 

    เพราะฉะนั้นผมพูดตรงนี้เพียงเพื่อจะบอกความหมายว่า  ในการศึกษาอินเดียเนี่ยครับผมศึกษาอยู่ใน 2 ส่วน ส่วนแรกศึกษาตอนที่ยังเป็นไปตามกระแสก็คือ ขอโทษเรามาเริ่มต้นจากการไปอ่านตำราเป็นภาษาอังกฤษนะครับ เห็นเป็นตำราภาษาอังกฤษแสดงว่าเขาเขียนเป็นภาษาของคนอังกฤษแล้ว นี้มันเป็นจุดด้อยของผมนะ  ผมยังนึกเศร้าเลยนะ ทำไมผมคิดสั้นขนาดนั้น  ไม่เรียนภาษาสันสกฤตหรือเรียนภาษาอินเดียให้มันลึกซึ้ง  ปัจจุบันนี้ผมยังด้อยมากเลยนะ ถ้าไปเกิดใหม่แล้วไปเรียนใหม่  ผมจะเริ่มต้นเรียนให้เป็นภาษาอินเดียอะไรเนี้ยนะครับ  แต่ว่าโอเคต่อมาแม้จะไม่สามารถเรียนรู้ผมก็เปิดดิกชันนารีอ่าน  ผมต้องมีดิกชันนารีสันสกฤตเปิดอ่านอยู่เสมอเวลาอ่านคัมภีร์โบราณเนี่ยนะครับ

    แต่ตรงนี้พูดเพียงเพื่อจะบอกว่าปรัชญาอินเดียพอมาถึงจุดๆ หนึ่งเนี่ยนะครับมันเปิดเผยความหมาย  และปรัชญาอินเดียที่เราพูดถึงเนี่ยนะครับ อย่าลืมนะครับหัวใจสำคัญคือพุทธศาสนา  พุทธศาสนาที่เรานำมาเป็นหลักของเรา  เราเองก็ไม่ต่างจากคนอินเดียเหมือนกัน ก็คือเรามีคัมภีร์พระพุทธศาสนา  แต่คัมภีร์พระพุทธศาสนาที่เราเก็บไว้ในตู้พระไตรปิฎกตามวัดวาต่างๆ ทั่วประเทศไทยเนี่ย  พวกเราคงทราบดีใช่มั๊ยครับว่ามีคนไทยกี่คนที่จะไปเปิดตู้พระไตรปิฎก  ไม่มีอ่ะ ใช่มั๊ยครับ  ที่สำคัญคือพระไตรปิฎกที่ว่านี้ยิ่งเป็นภาษาบาลีเรายิ่งอ่านไม่ได้ใช่มั๊ยครับ  คนอินเดียก็คล้ายๆ อย่างนั้นครับ  มีตำรามีคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นสันสกฤต แต่ก็มีอยู่ไม่กี่คนที่สามารถอ่านพอรู้ความได้ แต่ปัจจุบันนี้มันเริ่มรื้อฟื้น พอเริ่มรื้อฟื้นปุ๊บเหมือนกับที่ผมพูดถึงเนี่ยนะครับ  แม็กซ์ มึลเลอร์ ก็ถูกตั้งให้เป็นชื่อถนนได้เพราะเขารู้สึกว่าเป็น เป็น เป็นบุคคลที่น่ายกย่องที่สุด ว่าในช่วงที่อังกฤษเข้ามาครอบครองอินเดีย หรืออินเดียตกต่ำเนี่ย บุคคลผู้นี้กลับเป็นฝ่ายเชิดชูให้อินเดียโดดเด่นเนี่ยนะครับ 

    ผมพูดตรงเนี้ยก็เพื่อกลับไปสู่ประเด็นว่าถ้าเราจะคุยถึงปรัชญาอินเดียในมิติที่ผมอาจจะมีเวลาไม่มากพอ  และผมก็ไม่อยากให้ท่านเกิดเป็นความสับสน  และถ้าท่านเรียนปรัญชาอินเดียอยู่ก่อนหน้านี้แล้วเนาะ เพราะท่านต้องเรียนท่านใช่มั๊ยครับ ทั้งปริญาตรีและปริญาโทเพราะฉะนั้นถ้ามันมีระบบการเรียนปรัชญาอินเดียอย่างไรอยู่แล้ว  ก็อย่าเอาสิ่งที่ผมพูดนี้ไป ไปอะไรนะไปรบกวนนะครับ 

logo

  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • จดหมายข่าว
  • Privacy Policy
  • Terms of Service