แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ผมกลับมาสู่ประเด็นต่ออย่างนั้นเนาะ ว่าอินเดียเนี่ยนะครับ ตามความรู้สึกของนักปราชญ์เยอรมัน ผมเอ่ยชื่อท่านสักคน เมื่อกี๊ผมเอ่ยชื่อถึง โชเพนเฮาเออร์นะ แต่มีคนหนึ่งที่สำคัญมากชื่อแม็กซ์ มึลเลอร์ ถ้าท่านไปเดลีนะครับ จะมีเส้นถนนสายหนึ่งนะครับ ซึ่งปกติคนอินเดียจะไม่ค่อยตั้งชื่อถนนให้ชาวต่างชาตินะครับ จะตั้งชื่อให้เป็นถนนของชาวอินเดียทั้งนั้นน่ะนะ แต่ที่นิว เดลี หรือ เดลี เนี่ยครับ จะมีถนนเส้นนึงตั้งชื่อถนนให้กับคนๆนี้ ชื่อ แม็กซ์ มึลเลอร์ เพราะแม็กซ์ มึลเลอร์ เป็นบุคคลที่สำคัญที่ทำให้อินเดียมี คือเมื่อตอนที่อังกฤษปกครองอินเดียอยู่เนี่ยนะครับ
ผมพูดเมื่อตอนเช้าแล้วใช่มั๊ยครับว่า อังกฤษใช้วิธียึดครองแผ่นดินอินเดียโดยใช้วิธีการกดข่มภูมิรู้เดิมของอินเดีย นั่นก็คือหมายความว่า ก่อนหน้านั้นอินเดียเคยเจริญรุ่งเรืองมีชุดความรู้อย่างไรเนี่ยนะ อังกฤษมาทำ เหมือนกับถ้าบ้านเราก็คือทำพิธีสะกดเลยอ่ะ เขามาตั้งมหาวิทยาลัยด้วยเจตนาที่ปรากฏชัดแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรว่า วัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัยตั้งขึ้นบนแผ่นดินอินเดียนี้ ก็เพื่อสถาปนาคนอินเดียวรรณะใหม่ เพราะในอินเดียเมื่อก่อนมันมีวรรณะพราหมณ์ กษัตริย์ แพศย์ ศูทร ใช่มั๊ยครับ
คนวรรณะใหม่ที่ต้องการสถาปนาขึ้นคือคนที่มีวรรณะมีสีผิวเป็นอินเดีย มีเลือดที่ถ้าเอาไปพิสูจน์ดีเอ็นเอก็เป็นอินเดีย แต่มีรสนิยมและมีค่านิยมนี่เป็นแบบอังกฤษ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ทำก็คือตั้งมหาวิทยาลัย และให้มหาวิทยาลัย คำว่ามหาวิทยาลัยนี้ เข้าใจอย่างหนึ่งก่อนนะครับ มหาวิทยาลัยนี้ควบคุมการศึกษาตั้งแต่ระดับพื้นฐานเบื้องต้นจนกระทั่งจบ ไม่ใช่เหมือนบ้านเรานะครับ เพราะฉะนั้นมหาวิทยาลัยในอินเดียเมื่อตั้งขึ้นมาแล้วเนี่ยจะมีพื้นที่ ที่เขาจะดูแล ที่ผมพูดเมื่อเช้าว่า พื้นที่ของมหาวิทยาลัยบอมเบย์เนี่ยครอบครองแผ่นดินอินเดียภาคตะวันตกทั้งหมด มัทราสครอบครองแผ่นดินอินเดียภาคใต้ทั้งหมด จนไปถึงลังกาด้วยนะครับ มหาวิทยาลัยกัลกาตาครอบครองแผ่นดินภาคตะวันออกทั้งหมดจนไปถึงประเทศพม่าติดพรมแดนไทยเนี่ยนะครับ
ความหมายก็คือต้องให้คนอินเดียเนี่ยมาเรียนหนังสือ และให้คนอินเดียเหล่านี้มีค่านิยมแบบอังกฤษก็คือยอมรับอังกฤษ เพราะฉะนั้นไม่นานเขาก็สามารถทำให้สิ่งที่เรียกกันว่าภาษาสันสกฤตซึ่งเป็นภาษาศักดิ์สิทธิ์ กลายมาเป็นภาษาที่ไม่มีความหมายเลย คัมภีร์ที่ศักดิ์สิทธิ์ๆ ถูกทำให้ด้อยค่า นักวิชาการอังกฤษที่มาปกครองอินเดียเนี่ยนะ เปรียบเทียบความรู้ของชาวอินเดียที่มีอยู่เนี่ยนะครับ ว่าถ้าเปรียบว่าความรู้เนี่ยนะครับมันคือห้องสมุดหนึ่งห้องเนี่ย ประเทศอังกฤษมีห้องสมุดใหญ่โตมาก แต่อินเดียเหมือนกับมีชั้นวางหนังสือเล็กๆ อยู่หัวนอนน่ะครับ ก็คือนิดเดียว ฉะนั้นเขาจึงทำให้สิ่งที่เป็นความหมาย ก็คือคนอินเดียสูญเสียความ สามารถในการที่จะปกป้อง
ซึ่งตรงเนี้ยคือประเด็นที่เดี๋ยวผมจะผูกโยงให้เห็นกับภาคอีสานด้วย ถ้าเป็นอย่างนั้นใช่มั๊ยครับ ว่าทำไม ทำไม ทำไม ผมถามถึงสามครั้งให้เป็น ทุติยัมปิ ตะติยัมปิ พวกเราจึงยอมจำนนกันมากถึงขนาดนี้อะไรงี้นะครับ เพราะว่าเขายึดครองสิ่งที่เรียกว่าความรู้ที่ถูกปรุงรสเสร็จแล้ว เป็นปรุงรส ปรุงรสนิยมเสร็จแล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งนี้มันจึงเป็นปัญหาว่าพออินเดียตกอยู่ภายใต้อำนาจแบบเนี้ย คนอินเดียลืมไปเลยไม่รู้ภาษาสันสกฤต น่า น่า น่าเศร้ามากเลยนะครับที่คนอินเดียที่เคยเชิดชูภาษาสันสกฤตเป็นภาษาสูงส่ง ต่อมาไม่มีใครรู้สันสกฤต
แต่แม็กซ์ มึลเลอร์ เขามาอ่าน เขามาศึกษา จนกระทั่งเขาใช้คำว่า อุทาน เปล่งอุทานเหมือนกับพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วทรงเปล่งอุทานเนี่ยนะครับว่า
ไม่มีความรู้แห่งหนตำบลใดบนผิวโลกใบนี้ ที่จะลุ่มลึกเท่ากับประชาชนชาวอินเดีย เป็นความรู้ที่ลุ่มลึกที่สุดและแกก็ลงทุนแปล ขอโทษนะแกนั่งแปลคัมภีร์ต่างๆ ซึ่งสมัยนั้นคนอินเดียเกือบไม่รู้แล้ว แต่แม็กซ์ มึลเลอร์ ยังสามารถแปลคัมภีร์อุปนิษัท แปลคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา แปลคัมภีร์อะไรอยู่ในภาคภาษาสันสกฤต บังเอิญว่าเราไม่ค่อยชินกับสันสกฤตเพราะเราใช้บาลีใช่มั๊ยครับ ออกมาเป็นจำนวนมากมาย และบุคคลผู้นี้เนี่ยนะครับ ทำให้สิ่งที่เรียกกันว่าอินเดียมีศักยภาพสูงส่งขึ้นมาได้อีกนะครับ เพราะฉะนั้นปัจจุบันบุคคลผู้นี้จึงถูกยกย่องว่าเหมือนกับผู้มาช่วยชุบชีวิตอินเดียให้ฟื้นขึ้นมาได้อีก
ประเด็นที่เราพูดถึงอินเดียตรงนี้เนี่ยนะครับมันเสื่อมลง พอมันเสื่อมลงเนี่ยนะครับ ขอโทษนะครับแม้กระทั่งตอนที่ผมไปเรียนหนังสือที่อินเดียก็อยู่ภายใต้อิทธิพลของอังกฤษแล้ว แม้กระทั่งเราจะเรียนสิ่งที่ คืออินเดียเนี่ยถูกทำให้อะไรเสียหมดเลย และที่น่าเศร้าที่สุดก็คือพวกเราเองด้วยนะครับ พวกเราซึ่งเป็นคนไทยเนี่ย เราเคยรู้จักอินเดียในลักษณะที่ผ่านพระพุทธศาสนา แต่เราไม่ได้รับรู้พระพุทธศาสนาโดยตรงจากอินเดีย เราไปรับรู้ผ่านลังกา เพราะลังกาเขามีรสนิยมยังไงเราก็จะมีรสนิยมแบบลังกา
ขอโทษแต่เราไม่เคยเป็นปัญหากับชาวทมิฬ แต่เวลาเราเรียนหนังสือทางพระพุทธศาสนาเราจะคิดว่าพวกทมิฬหินชาติ เวลามีใครใจคอโหดร้ายก็บอกว่าพวกทมิฬอย่างเนี้ยนะ เพราะอะไร เพราะพวกชาวสิงหลเนี่ยมันทะเลาะกับชาวทมิฬ รบกันมานาน จนกระทั่งว่าชาวลังกาเนี่ยเกลียดทมิฬมาก เพราะว่าเวลาเรานำพุทธศาสนามาจากลังกาเราก็เกลียดทมิฬไปด้วย อ่ะ ยุคทมิฬน่ะ ยุคทมิฬน่ะใช่ คำว่าทมิฬเนี่ยเป็น แต่ถ้าท่านไปอินเดียผมกล้าท้าทาย อาจารย์จะยืนยันเพราะว่าอาจารย์จบจากมัทราสใช่มั๊ยครับ มัทราสนี่คือเมืองหลวงของรัฐทมิฬ ทมิฬนาดูเนี่ย คนทมิฬเนี่ยเขาน่ารัก คนไทยต่อยหน้าไปหนึ่งเปรี้ยงแล้วยังยก ยังถามเลยว่าต่อยผมทำไม ขนาดนั้นเลยอ่ะ คนไทยเนี่ยพูดไม่รู้เรื่องต่อยแม่งมันก่อนเลย เอาก่อนประมาณนี้เนี่ยนะ คือเถียง ขอโทษนะคือปั่นจักรยานไปเฉี่ยวกันจนล้มทั้งคู่เนี่ยแหละ พอล้มทั้งคู่คนไทยโมโหต่อยเลยอ่ะ คนทมิฬยังมีหน้ามาถามอีกว่าต่อยผมทำไม นั่นคือคนทมิฬ
แต่พวกเรามีภาพลักษณ์ที่ไม่เป็นอย่างนั้นครับ ทมิฬต้องโหดร้ายต้องใจดำประมาณเนี้ยนะ เพราะอะไร เพราะเราไปเรียนรู้ผ่านชาวลังกาหรือชาวสิงหลนะครับ ที่ผมพูดเช่นนี้ก็คือกำลังจะบอกว่าเวลาเรารับรู้อะไรผ่านใครเนี่ย ต้องไตร่ตรองให้มากหน่อยนะครับ ทีนี้ตอนหลังเรารับรู้เรื่องอินเดียเนี่ยผ่านทางชาวตะวันตก และชาวตะวันตกที่เรารับรู้ก็เป็นชาวอังกฤษ ชาวฝรั่งเศส อะไรเงี้ยนะครับ เราไม่ค่อยได้รับรู้ผ่านชาวเยอรมันเท่าไหร่ ฉะนั้นภาพลักษณ์ของชาวอินเดียในสายตาชาวอังกฤษจึงเป็นคนโง่ อะไรที่เป็นวัฒนธรรมอินเดียมันล้าสมัยมันคร่ำครึ ต้องเลิกให้หมด เพราะฉะนั้นเราก็เลยจึงเข้าใจตรงนี้อะนะครับค่อนข้างจะมีปัญหา
ผมเองก็ไปเรียนหนังสือกับอินเดียก็จริง แต่ลึกๆ ผมก็ได้รับรสนิยมแบบอินเดียที่มีค่านิยมแบบอังกฤษไปบ้างแล้วนะครับ แต่ก็โชคดีนะครับยังมีโอกาสได้ไปอยู่อินเดียจริงๆ และได้พบคนอินเดียที่ดีๆ อะไรเนี้ยนะครับ ดีๆ คือหมายความยังมีรสนิยมแบบเดิม แต่ก็ไม่ได้รู้อะไรมากในตอนนั้นนะครับ คำว่าก็ไม่ได้รู้อะไรมากในตอนนั้นก็คือหมายว่าศึกษา และบังเอิญเราก็มีทัศนคติแบบชาวพุทธที่มาจากลังกาเหมือนกันนะ มีเจตนาจะหมิ่นแคลนความรู้แบบอินเดียอยู่ไม่ใช่น้อย ถ้าเราทำให้สิ่งที่เป็นความคิดความรู้แบบอินเดียเนี่ยด้อยค่านะครับ เพราะฉะนั้นผมจึงไปอ่านคัมภีร์พระเวทไม่รู้เรื่องหรอก ถ้าตอนสมัยที่ผมยังเป็นนักศึกษาอยู่ที่อินเดียจะให้ผมไปไหว้อุษาเทวี ให้ไปไหว้แม่น้ำผมคงทำไม่ได้หรอกนะครับ นอกจากไหว้ไม่ได้แล้วผมยังรู้สึกว่ามันแย่มากเลยคนอินเดีย เราพูดเสมอใช่มั๊ยครับว่าคนอินเดียมันโง่จังเลย มันเชื่อว่าอาบน้ำในแม่น้ำคงคาแล้วจะชำระบาปได้ โอ๊ย,ป่านนี้ปลามันก็บริสุทธิ์ไปเกิดเป็นเทพบุตรเทพธิดาบนสวรรค์กันหมดแล้วเพราะมันอยู่ในตลอด 24 ชั่วโมงอ่ะ เราไปอาบแค่ 5 นาทีเองประมาณนี้เนี่ยนะครับ
แต่นั้นเราใช้ความคิดไงครับ เพราะจริงๆ มันมีสิ่งที่ลึกไปกว่านั้น เพราะฉะนั้นสิ่งนี้เนี่ยนะครับ จึงเป็นสิ่งที่ผมอยากจะพูดถึงสิ่งที่เรียกกันว่าอินเดีย ในความหมายของผมก็คือ ไอ้ระบบอินเดียปัจจุบันเนี่ยเริ่มฟื้นเยอะนะครับ อินเดียมันมีสิ่งหนึ่งที่พวกเราเองก็เหมือนกับบ้านเรา เช่นสมัยก่อนอินเดียมีระบบดูแลสุขภาพที่เรียกว่า อายุรเวท (Ayurrveda) คือแพทย์แบบอินเดียอ่ะนะ ตอนที่อังกฤษมาปกครองอินเดียเขาทำให้แพทย์แบบอินเดียเนี่ยเลิกหายไปเลย ไม่มีเลยใครจะไปเป็นหมอแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว แต่อินเดียเวลาต่อมามันฟื้นมันเริ่มคิด รัฐที่คิดเรื่องนี้ได้เป็นรัฐแรกคือรัฐเกรละ(Kerala) เนื่องจากรัฐเกรละเมื่อได้รับอิสรภาพจากอังกฤษแล้วเนี่ย ตอนที่มีการเลือกตั้งกันเนี่ยนะ คืออินเดียเค้ามีเป็นรัฐๆ นะครับ รัฐ ๆ หนึ่งก็เหมือนกับประเทศๆหนึ่งนะ มีการเลือกตั้ง แล้วก็มีรัฐสภาของตัวเอง มีผู้ปกครองที่เป็นนายก เขาเรียกว่ามุขมนตรีของตัวเองนะครับ คนละคนกับนายกรัฐมนตรีของประเทศอินเดียนะครับ
รัฐเกรละเนี่ยชนะการเลือกตั้ง แปลกประหลาดมหัศจรรย์ คือพรรคคอมมิวนิสต์ชนะเลือกตั้ง และพรรคคอมมิวนิสต์มันก็แปลก มันมีนโยบายแบบแปลกๆ แต่คำว่าแปลกๆ ของเกรละมันทำสิ่งหนึ่งที่มหัศจรรย์ คือสามารถที่จะชุบฟื้นคืนความแบบรู้การแพทย์แบบอินเดียได้ นั่นก็คือหมายความว่าถ้าเราไปรัฐเกรละเนี่ยนะครับ โรงพยาบาลที่ใหญ่ๆ ของเมืองต่างๆ เนี่ยนะครับ เป็นโรงพยาบาลที่เรียกว่า อายุรเวท คือไม่ได้ใช้ยาซึ่งเป็นเคมีซึ่งนำเข้ามาจากต่างประเทศ แต่ใช้ยาสมุนไพร พวกเราอาจจะรู้จักคนๆ หนึ่งซึ่งมาโด่งดังในเมืองไทยเป็น ดร. เจคอบ ใช่มั๊ยครับ ซึ่งนี้แกมาจากรัฐเกรละเนี่ยครับ แกมีชื่อเสียง แกมาเป็นวิทยากรอบรมการดูแลสุขภาพทางเลือก จนกระทั่งกลายมาเป็นมีลูกศิษย์ลูกหาเยอะแยะในเมืองไทย
รัฐนี้นะครับเป็นรัฐที่มีอะไรที่แปลกๆ แล้วรัฐนี้นะครับนอกจากฟื้นฟูสิ่งที่เรียกว่าการแพทย์แผนอินเดียได้แล้วเนี่ย ก็ยังสร้างปรากฏการณ์อะไรที่ใหม่ๆ จนถึงปัจจุบันเนี้ยนะครับ ใครไปก็จะชื่นชมนะครับ เป็นรัฐที่มีความรู้อะไรต่างๆ ดีๆ หลายอย่าง ทำการเกษตรแบบอินทรีย์ไม่ตกเป็นทาสอาณานิคมของอังกฤษ หรือแม้กระทั่งเวลามีอะไรซึ่งเป็นประเด็นทางการเมือง รัฐนี้จะมีอะไรดีๆ มีนักเขียนดังๆ นะครับ มีนักสร้างหนังที่ดังๆ นะครับ ซึ่งรัฐอื่นนี่ไม่มีสิทธิ์ได้เป็น แต่พอไปอยู่รัฐนี้มีนักสร้างหนังผู้หญิงคนนึงที่ชื่อ มิร่า แนร์ , มิร่า แนร์ เนี่ยเป็นผู้หญิงนะครับ ถ้าไปเกิดอยู่ในรัฐอื่นไม่มีผุดมีเกิดอ่ะ แต่พอมาอยู่ที่นี่เนี่ยนะครับ สามารถเป็นผู้สร้างหนังที่มีชื่อเสียง สร้างมาตอนไหนก็มีคนรอดูครับ เพราะว่าเธอเติบโตมาในสังคมที่เขาไม่เหยียดเพศ เป็นสังคมที่ให้ความสำคัญกับเพศหญิง
เพราะฉะนั้นผมพูดตรงนี้เพียงเพื่อจะบอกความหมายว่า ในการศึกษาอินเดียเนี่ยครับผมศึกษาอยู่ใน 2 ส่วน ส่วนแรกศึกษาตอนที่ยังเป็นไปตามกระแสก็คือ ขอโทษเรามาเริ่มต้นจากการไปอ่านตำราเป็นภาษาอังกฤษนะครับ เห็นเป็นตำราภาษาอังกฤษแสดงว่าเขาเขียนเป็นภาษาของคนอังกฤษแล้ว นี้มันเป็นจุดด้อยของผมนะ ผมยังนึกเศร้าเลยนะ ทำไมผมคิดสั้นขนาดนั้น ไม่เรียนภาษาสันสกฤตหรือเรียนภาษาอินเดียให้มันลึกซึ้ง ปัจจุบันนี้ผมยังด้อยมากเลยนะ ถ้าไปเกิดใหม่แล้วไปเรียนใหม่ ผมจะเริ่มต้นเรียนให้เป็นภาษาอินเดียอะไรเนี้ยนะครับ แต่ว่าโอเคต่อมาแม้จะไม่สามารถเรียนรู้ผมก็เปิดดิกชันนารีอ่าน ผมต้องมีดิกชันนารีสันสกฤตเปิดอ่านอยู่เสมอเวลาอ่านคัมภีร์โบราณเนี่ยนะครับ
แต่ตรงนี้พูดเพียงเพื่อจะบอกว่าปรัชญาอินเดียพอมาถึงจุดๆ หนึ่งเนี่ยนะครับมันเปิดเผยความหมาย และปรัชญาอินเดียที่เราพูดถึงเนี่ยนะครับ อย่าลืมนะครับหัวใจสำคัญคือพุทธศาสนา พุทธศาสนาที่เรานำมาเป็นหลักของเรา เราเองก็ไม่ต่างจากคนอินเดียเหมือนกัน ก็คือเรามีคัมภีร์พระพุทธศาสนา แต่คัมภีร์พระพุทธศาสนาที่เราเก็บไว้ในตู้พระไตรปิฎกตามวัดวาต่างๆ ทั่วประเทศไทยเนี่ย พวกเราคงทราบดีใช่มั๊ยครับว่ามีคนไทยกี่คนที่จะไปเปิดตู้พระไตรปิฎก ไม่มีอ่ะ ใช่มั๊ยครับ ที่สำคัญคือพระไตรปิฎกที่ว่านี้ยิ่งเป็นภาษาบาลีเรายิ่งอ่านไม่ได้ใช่มั๊ยครับ คนอินเดียก็คล้ายๆ อย่างนั้นครับ มีตำรามีคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นสันสกฤต แต่ก็มีอยู่ไม่กี่คนที่สามารถอ่านพอรู้ความได้ แต่ปัจจุบันนี้มันเริ่มรื้อฟื้น พอเริ่มรื้อฟื้นปุ๊บเหมือนกับที่ผมพูดถึงเนี่ยนะครับ แม็กซ์ มึลเลอร์ ก็ถูกตั้งให้เป็นชื่อถนนได้เพราะเขารู้สึกว่าเป็น เป็น เป็นบุคคลที่น่ายกย่องที่สุด ว่าในช่วงที่อังกฤษเข้ามาครอบครองอินเดีย หรืออินเดียตกต่ำเนี่ย บุคคลผู้นี้กลับเป็นฝ่ายเชิดชูให้อินเดียโดดเด่นเนี่ยนะครับ
ผมพูดตรงเนี้ยก็เพื่อกลับไปสู่ประเด็นว่าถ้าเราจะคุยถึงปรัชญาอินเดียในมิติที่ผมอาจจะมีเวลาไม่มากพอ และผมก็ไม่อยากให้ท่านเกิดเป็นความสับสน และถ้าท่านเรียนปรัญชาอินเดียอยู่ก่อนหน้านี้แล้วเนาะ เพราะท่านต้องเรียนท่านใช่มั๊ยครับ ทั้งปริญาตรีและปริญาโทเพราะฉะนั้นถ้ามันมีระบบการเรียนปรัชญาอินเดียอย่างไรอยู่แล้ว ก็อย่าเอาสิ่งที่ผมพูดนี้ไป ไปอะไรนะไปรบกวนนะครับ