แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ญาติโยมทั้งหลายสำหรับเดือนนี้ คณะญาติโยมที่มาร่วมกันปฏิบัติที่นี่ ก็มีญาติโยมจากที่ต่างๆ มาปฏิบัติร่วมกัน อาตมาตั้งใจฟังที่ญาติโยมทั้งหลายพูดจากความรู้สึกที่ได้มาทำวัตรที่นี่ ก็รู้สึกปลื้มใจ ดีใจ ขออนุโมทนา
วันนี้พวกเราก็ต้องจากที่นี่ไป สำหรับอาตมาเองก็จะต้องเดินทางกลับไปสวนโมกข์ ไชยา อาตมาก็ไปมาๆอยู่อย่างนี้ ข้ามน้ำ ข้ามทะเล อาตมาที่ทำอะไรได้ พอจะทำอะไรได้ เพราะไปอยู่ที่สวนโมกข์กับพระเดชพระคุณท่านอาจารย์พุทธทาสนั้นเอง
อาตมาได้รับการอบรม แนะนำสั่งสอนเป็นเวลา ๓๐ กว่าปี จนกระทั่งพระเดชพระคุณท่านอาจารย์พุทธทาสมรณภาพ ท่านอาจารย์ได้จัดการให้มาทำหน้าที่เจ้าอาวาสดูแลสวนโมกข์อยู่ประมาณ ๒๐ กว่าปี หลังจากที่ท่านอาจารย์พุทธทาสมรณภาพไปแล้ว ตอนหลังเมื่ออาตมามีอายุครบ ๘๐ ปี อาตมาก็พิจารณาเห็นว่าควรจะลาออกได้
อาตมาที่ลาออกจากเจ้าอาวาสก็ต้องการปฏิบัติ ตามที่ท่านอาจารย์พุทธทาสได้เคยปฏิบัติมา ๘๐ ปี ท่านก็มอบภาระให้ผู้อื่นทำหน้าที่ต่อ วัดวาอาราม สิ่งต่างๆ ที่ท่านทำเอาไว้มากมายเหลือเกิน วัดธารน้ำไหล สวนโมกข์ เฉพาะที่ดิน ๓๐๐ กว่าไร่ มีอะไรต่างๆที่ท่านทำไว้ พอท่านมีอายุครบ ๘๐ ปี ท่านก็วางมือ
อาตมาก็อยากจะปฏิบัติเช่นท่านเหมือนกัน อีกอย่างหนี่ง อาตมามามีที่ปฏิบัติธรรมคือทีปภาวัน เกาะสมุยขึ้นแล้ว อาตมาก็ต้องเดินทางไปมาๆ ทิ้งวัดมาหลายๆวัน มอบให้คนอื่นดูแล อาตมารู้สึกว่ามันไม่สมบูรณ์ บางเวลาใครไปใครมา เจ้าอาวาสไม่อยู่ บางคราวเขานัดประชุม อาตมาก็ไม่ได้ไป และประการสำคัญอาตมาคิดว่า เมื่ออาตมาไม่มีแล้ว สวนโมกข์เป็นอย่างไร อาตมาจะได้ดู จะได้รู้ จะได้เห็น จะช่วยแก้ไข
อาตมาอยู่ที่สวนโมกข์ แต่ว่าคอยแก้ปัญหาตลอดเวลา อาตมาถือหลักพระเดชพระคุณท่านอาจารย์พุทธทาสว่า ปลาใหญ่ต้องอยู่น้ำลึก ใครจะวิพากษ์วิจารณ์อะไรอาตมาไม่สนใจ อาตมาช่วยแก้ไขสวนโมกข์ อาตมาก็หาทาง วิธีแก้ปัญหาหลายๆเรื่อง
อาตมาก็ช่วยเหลือพระใหม่ ตื่นเช้าขึ้นมาก็บรรยายทุกวัน อาตมานี่ จึงตั้งใจว่าจะไปที่ไหน แต่สวนโมกข์จะไม่ทิ้งเลย แม้อาตมาจะตาย ก็คิดว่าจะไปตายที่สวนโมกข์ แต่ทำเป็นพินัยกรรมเอาไว้ว่า ถ้าตายลง มรณภาพลงไว้ศพเพียง ๓ คืนเท่านั้น ไม่ขอพระราชทานเพลิงศพ
อาตมาเป็นพระราชาคณะ นิดหน่อย ชั้นสามัญชื่อว่า พระภาวนาโพธิคุณ ที่ได้รับตำแหน่งนี้ ในวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ อาตมาไม่ได้ขวนขวาย ไม่ได้สนใจ ไม่ทราบใครหวังดี พยายามไปขวนขวายให้อาตมามีตำแหน่งอันนี้
ปกติพระราชาคณะเรียกว่า พระสังฆาธิการชั้นพระครูขึ้นไป บางทีก็ขอพระราชทานเพลิงศพ อาตมาเขียนพินัยกรรมจะไม่ขอพระราชทานเพลิงศพ จะปฏิบัติแบบท่านอาจารย์พุทธทาส ตายแล้วไว้ศพไม่เกิน ๓ คืน เผาศพเลย แล้วพากระดูกมาเก็บไว้ที่เกาะสมุย อาตมาทำที่ไว้แล้ว นี่ก็เตรียมตัว อาตมาเตรียมพร้อมหมด ไม่กังวลอะไร ตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่ ก็ตั้งใจ ๒ อย่างเท่านั้น คือ ทำประโยชน์ตัวเอง ทำประโยชน์ผู้อื่น ตั้งใจ ๒ อย่างเท่านั้น
เพราะฉะนั้น การที่ได้ยินได้ฟังญาติโยมพูด ก็รู้สึกดีใจ ญาติโยมก็มีประสบการณ์ต่างๆ เพราะว่าอาชีพที่ญาติโยมทำอยู่ มันก็ต่างหน้าที่กัน แต่สรุปแล้ว ทุกคนยังมีปัญหากันอยู่ โดยเฉพาะปัญหาสุขภาพอนามัย เจ็บไข้ได้ป่วย อันนี้เป็นปัญหาที่ติดมากับชีวิตของเรา
ญาติโยมทั้งหลายได้มีโอกาสมาปฏิบัติธรรมที่ทีปภาวัน ๑.ได้สัมผัสธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมเป็นป่าเขา มองเห็นทะเล ได้อยู่ที่สูง นี่ก็มีโอกาสได้ฟังเทปบรรยายของพระเดชพระคุณท่านอาจารย์พุทธทาส อาตมานี่ก็พยายามที่นำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาพูดให้ญาติโยมทั้งหลายฟัง
อาตมานี่เป็นโรคประจำตัวหลายๆโรค แต่ที่รุนแรง ที่อันตรายที่สุดคือโรคหลอดเลือดหัวใจมันตีบ เรียกว่าเป็นโรคหัวใจก็แล้วกัน Heart Attack บางเวลามันเกิดกำเริบนี่ไปง่ายๆ เป็นมา ๑๐ กว่าปีแล้ว ก็พยายามดูแลสุขภาพอยู่
อาตมาอยู่ที่สวนโมกข์เป็นเวลานาน ก็ได้รู้จัก เป็นญาติธรรมเป็นสหายธรรมเยอะมาก อย่างที่ปฏิบัติธรรมทุกแห่ง จะมีคนมาจากที่ต่างๆ มาอยู่ร่วมกันไม่ว่าที่สวนโมกข์ วัดธารน้ำไหล หรือว่าสวนโมกข์นานาชาติ อย่างทีปภาวันก็เช่นเดียวกัน
การที่เรามาอยู่กันมากๆ ก็ได้รู้จัก ได้คุ้นเคย ได้พูดจากัน ก็เลยเป็นเพื่อนกัน เรียกว่าเป็นสหายธรรม เป็นกัลยาณมิตร เป็นญาติธรรมอันนี้สำคัญมาก
ฉะนั้นการที่ญาติโยมทั้งหลายมาอยู่ที่นี่ อาตมาเชื่อว่า ได้รับประโยชน์ ไม่สูญเปล่าไม่เสียเปล่า มีบางคนเคยพูดให้ฟังที่ผ่านๆมา พูดว่าไม่ค่อยได้อะไร อาตมาบอกว่า โยมอย่าพูดอย่างนั้น จะได้อะไร มาปฏิบัติธรรม ก็ได้ปฏิบัติธรรม สิ่งที่ได้คือได้ปฏิบัติธรรม คือได้ความเพียร ได้สติ ได้สมาธิ ได้ปัญญา ได้ความอดกลั้น อดทน คือได้ปฏิบัติธรรม
แต่ว่าถ้าเราหวังจะได้อย่างนั้นอย่างนี้ อาจจะไม่สมหวังก็ได้ แม้แต่อยากได้จิตสงบ ถ้าอยาก จิตมันสงบไม่ได้ มันต้องไปปรับปรุง อย่างน้อยที่สุดก็ได้ยิน ได้ฟัง ได้แนวทาง ได้วิธีปฏิบัติ
ขอให้ญาติโยมทั้งหลาย นำธรรมะของพระพุทธเจ้าไปปฏิบัติ ไม่ว่าอยู่ที่ไหน อาชีพอะไร ขอให้เอาธรรมะของพระพุทธเจ้าอยู่ที่เนื้อที่ตัว เพราะจริงๆธรรมะก็อยู่ในชีวิตของเราอยู่แล้ว ตั้งแต่เราเกิด ในร่างกายหรือจิตใจเป็นธรรมะ เรียกว่ารูปธรรม นามธรรม และมีอื่นๆ ที่อาตมาพยายามที่จะพูด เช่นขันธ์๕ เช่นอายตนะ๖
โดยเฉพาะธรรมะที่สำคัญที่สุด อยู่ในชีวิตของเราทุกหนทุกแห่ง ถ้าใครเข้าใจธรรมะอันนี้ ความทุกข์ก็จะลดลงๆ เกิดความไม่เที่ยง อนิจจตา ความไม่เที่ยง ทุกขตา ความเป็นทุกข์ อนัตตตา ความไม่มีตัวตน ติดอยู่กับชีวิตของเราตลอดเวลา คือความไม่เที่ยง หายใจเข้าต้องหายใจออก อาหารที่เรารับประทานเข้าไป มันก็เปลี่ยน ก็ต้องกินกันทุกวัน เปลี่ยนเป็นอุจจาระ ปัสสาวะ น้ำที่เราดื่มเข้าไป อยู่กับเราตลอดเวลา เรียกว่าดวงตาเห็นธรรม ดวงตาธรรม คือเห็นอันนี้
สิ่งใดมีการเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นมีการดับไปเป็นธรรมดา ยังกิญจิ สะมุทะยะธัมมัง สัพพันตัง นิโรธะธัมมันติ สิ่งใดมีการเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา ถ้าใครเห็นธรรมชาติอันนี้ หรือว่ากฎธรรมชาติอันนี้ นั่นแหละจะเอาชนะความทุกข์ได้
ทีนี้ สิ่งหนึ่งเหมือนอย่างคอยเข้ามาเป็นครั้งเป็นคราว เหมือนอย่างอาคันตุกะ คือจริงๆ เหมือนอย่างโจรผู้ร้าย ที่คอยเข้ามาบางเวลา ก็คือกิเลสทั้งหลายทั้งปวง คอยอยู่กับเรา คอยเข้ามาทุกเวลา พอหลังจากตื่นนอนแล้ว มันเข้ามา แต่เมื่อเรานอนหลับมันให้โอกาส คอยเข้ามาทำร้าย คอยเข้ามาโจมตี คอยเข้ามาเบียดเบียน ที่เป็นทุกข์ๆกันนี่ เพราะอันนี้นี่เอง แต่ว่าคนทั่วไปไม่รู้จัก ที่เราเป็นทุกข์เพราะกิเลสนี่เอง ไม่ใช่เพราะอื่น เพราะอวิชชา เพราะตัณหา เพราะอุปาทาน เพราะความโลภ ความโกรธ ความหลงนี่เอง ที่เป็นทุกข์
ถ้าใครขจัดกิเลสเหล่านี้ได้ ป้องกันไม่ให้มันเข้ามาได้ ผู้นั้นจะไม่เป็นทุกข์เลย นี่ธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นเครื่องมือ ถ้าจะเปรียบเทียบ ก็เปรียบเทียบได้หลายแง่หลายมุม ถ้าเปรียบเทียบกับยา ก็เป็นยาวิเศษ เรียกว่าธรรมโอสถ ยาทั่วๆไป โอสถทั่วๆไป โอสถคือยา ก็ควรจะนำไปใช้ เพราะว่าชีวิตของเรามันมีโรคประจำตัวเยอะมากทุกคน คนไหนที่ไม่มีโรคนี่ไม่มี
พระพุทธเจ้าตรัสว่าคนไหนที่พูดว่า ฉันไม่มีโรค คือคนไม่รู้ คนไม่ประมาท ระหว่างนั่งนานเกินไป มันก็เจ็บ ยืนนานเกินไป มันก็เมื่อย เดินนานเกินไป ก็เหนื่อย นี่คือโรค คือสิ่งเสียดแทง ทิ่มแทง ทรมานตลอดเวลา
ทีนี้ มีเชื้อโรคเข้ามาเบียดเบียน เข้ามาทำร้าย ก็เห็นได้ชัด โรคบางชนิดรักษาหาย บางชนิดรักษาไม่หาย โรคที่รักษาไม่หาย ก็ยังมีหลายๆโรค มันก็ไม่แน่ จะเจอกับเราหรือเปล่า โรคชนิดนั้น
ฉะนั้นธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นธรรมโอสถ รักษาโรคทุกชนิดให้หายได้ ธรรมะของพระพุทธเจ้านี่สำคัญมาก ถ้าเปรียบกับเป็นอาวุธ ก็เป็นธรรมาวุธ อาวุธทั่วๆไป เขาเรียกศาสตราวุธ ศาสตราวุธที่มนุษย์มีไว้ ก็สำหรับที่จะฆ่ามนุษย์ด้วยกัน ฆ่าคน ฆ่าสัตว์ สร้างอาวุธไว้เพื่อจัดการกับข้าศึกศัตรูภายนอก จะเป็นปืน จะเป็นดาบ จะเป็นมีด จะเป็นอะไร จนกระทั่งสร้างอาวุธมหาประลัย ระเบิดนิวเคลียร์ ระเบิดปรมาณู จรวดอะไรต่างๆ ศาสตราวุธทั้งนั้น ฆ่ากิเลสไม่ได้ เพราะอาวุธเหล่านั้น มาจากกิเลสของคนที่คิดสร้างขึ้นมาว่า ฆ่ายังไงให้ตายกันมากๆ ไม่สามารถสร้างโลกให้สันติภาพได้เลย ไม่เหมือนธรรมาวุธ อาวุธคือธรรมะ คือพระธรรม
ญาติโยมทั้งหลาย ได้มาเรียนรู้ต่อไป ขอให้เรียนไปเรื่อยๆ ปริยัติ โดยเฉพาะหนังสือของพระเดชพระคุณท่านอาจารย์พุทธทาสมากมายก่ายกอง เทป ซีดีต่างๆเอาไปฟัง ใส่ในรถ ขับรถฟังไปก็ได้ ไปหลายๆคน ใส่รถขับรถ ฟังธรรมะไปเรื่อยๆ มีคนบอกว่าขับรถในกรุงเทพ เครียดมาก บางทีรถมันติด เอาซีดีพวกนี้ใส่ เทปใส่ แล้วก็เปิดฟังสบายใจ ไม่เครียด เรื่องธรรมะ เรื่องปริยัติ
สำคัญที่สุดต้องพยายามปฏิบัติ ใช้ธรรมาวุธตลอดเวลา ธรรมะของพระพุทธเจ้า เอาไปใช้ไม่รู้จักหมด ไม่รู้จักสิ้น เป็นอริยทรัพย์ ทรัพย์ที่คนทั่วไปแสวงหา เขาเรียกว่าโภคทรัพย์ ทรัพย์สินเงินทอง แสวงหากันจนตัวตาย ก็ไม่รู้จักพอ เป็นของหลอก ของปลอม ของสมมติ ทำให้คนเหน็ดเหนื่อย แสวงหาโภคทรัพย์ แต่ได้ทรัพย์มา แทนที่จะเป็นทรัพย์ มันไม่ใช่ทรัพย์ เพราะทรัพย์แปลว่าเครื่องปลื้มใจ เครื่องทำให้สุขใจ ความหมายของทรัพย์ ถ้ามีแต่โภคทรัพย์ วัตถุ สิ่งของ ที่ดิน ทรัพย์สิน เงินทอง
ถ้าไม่มีอริยทรัพย์ ก็จะทำให้หนักอกหนักใจ ไม่ทำให้ปลื้มใจ เป็นห่วง กลัวโจรจะขโมย หรือว่ากลัวจะอันตรายจากภัยพิบัติตามธรรมชาติ
ฉะนั้นโภคทรัพย์มันไม่พอ ต้องมีอริยทรัพย์ อริแปลว่าไกลจากข้าศึก อริยทรัพย์คือทรัพย์ที่ไกลจากข้าศึก ก็ทำให้สบายใจ ปลื้มใจ มีอริยทรัพย์ โจรลักก็ไม่ได้ ไฟไหม้ก็ไม่ได้
ฉะนั้น ญาติโยมมาอยู่ที่นี่ มาแสวงหาอริยทรัพย์ มาแสวงหาธรรมาวุธ อาวุธคือธรรมะ มาแสวงหายาวิเศษ ธรรมโอสถ จะต้องเอาไปใช้ให้เป็นอริยทรัพย์ อยู่ที่เนื้อที่ตัวโดยเฉพาะอยู่ที่จิตใจ แต่ว่าธรรมะเหล่านี้ไปไว้ที่เนื้อที่ตัว ไม่รู้จะไปอยู่ที่ตรงไหน เพราะเนื้อตัวมันก็เป็นธรรมะอยู่แล้ว ต้องไปไว้ที่ใจ ฉะนั้นใจต้องสนใจ
ทีนี้ธรรมะที่ได้ยินได้ฟังทั้งหมด ท่านอาจารย์พุทธทาสท่านสรุปแล้ว คือมีสติ มีสัมปชัญญะ มีปัญญา มีสติ มีปัญญา มีสัมปชัญญะ มีสมาธิ ธรรมะ ๔ เกลอ ขอให้โยมเอาไป กลับเนื้อกลับตัว คือทำอะไรให้มีสติ เห็นอะไรสติต้องมาก่อน แล้วก็ปัญญา สติกับปัญญาต้องคู่กัน
ถ้าญาติโยมต้องการศึกษาธรรมะ ไม่ยากเลย เพราะเหลียวไปทางไหนธรรมะทั้งนั้น จะเป็นดิน เป็นน้ำ เป็นอากาศ เป็นดวงดาว เป็นภูเขา เป็นทะเล เป็นคน เป็นสัตว์ ธรรมะทั้งนั้น
พระพุทธเจ้าสอนพระราหุล เป็นสามเณร สอนเรื่องดิน เรื่องน้ำ เรื่องลม เรื่องไฟ เรื่องอากาศ พระพุทธเจ้าสอนเรื่องธาตุ๖ ธาตุ๖ อยู่ในชีวิตของเรา ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ธาตุอากาศ ธาตุวิญญาณ ธาตุเหล่านี้อยู่ข้างนอก
พระพุทธเจ้าบอกว่า ตรัสว่า ให้ปฏิบัติให้เหมือนกับแผ่นดิน ใครจะไปขุด ไปถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ เทของโสโครก ดินไม่อึดอัด ไม่เดือดร้อน เป็นแผ่นดินอยู่อย่างนั้น ให้เหมือนกับน้ำ ใครจะทำอะไรกับน้ำ น้ำก็ไม่ได้โกรธ ไม่ได้อึดอัดขัดใจ เหมือนกับไฟ ใครที่เอาอะไรมา ทำหน้าที่เผาอย่างเดียว เหมือนกับลมพัดไปทุกหนทุกแห่ง ไม่เลือกบ้านคนรวยคนจน อากาศว่าง
เพราะฉะนั้น พวกฝรั่งที่มาเรียนพุทธศาสนาหลังๆ เขารู้จักเอาไปใช้ไปเขียนเป็นหนังสือ อย่างที่อาตมาออกชื่อ Dr.John เป็นคนมีชื่อเสียง เป็นคนอเมริกัน เขาก็เอาสิ่งเหล่านี้มาสอน มานั่งสมาธิให้เหมือนกับภูเขา ภูเขาที่มองเห็น มันก็เป็นอย่างนั้น กี่ปี กี่ร้อยปี ภูเขาก็เป็นภูเขา อย่างภูเขาหิมาลัยมาคู่โลก มันก็ตั้งอยู่อย่างนั้น ฤดูกี่ฤดูผ่านไป มันก็อยู่อย่างนั้น จะเป็นแดด เป็นลม เป็นฝน ผ่านภูเขามันก็เป็นอย่างนั้น
เพราะฉะนั้น การปฏิบัติธรรมมันไม่ยาก จะต้องปฏิบัติในปัจจุบัน อดีตมันผ่านไปแล้ว อนาคตไม่มา ให้ปฏิบัติอยู่กับปัจจุบัน เมื่อผัสสะเกิด นี่สำคัญมาก โยมก็กลับไปปฏิบัติ ธรรมะที่ต้องมีในชีวิตประจำวัน
อาตมาอยากจะเสนอ ถ้าโยมมีธรรมะเหล่านี้ ปัญหาจะมีน้อย คือพรหมวิหาร มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา แต่ถ้าไม่อบรม มันมีไม่ได้ มีเมตตาเกิดขึ้นในจิต ต้องอบรม มีกรุณาสงสารผู้อื่น ก็ต้องอบรม มุทิตายินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี
โลกที่มีปัญหาเพราะคนริษยากัน ไม่ยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี เพราะอะไร เพราะไม่เข้าใจธรรมะในระดับโลกุตระ เพราะไม่เข้าใจเรื่องไม่มีตัวตน ที่สมมติกันว่า มีนั่นมีนี่ ตำแหน่ง ชื่อเสียง แล้วก็อิจฉากัน ทรัพย์สินเงินทอง เขาคิดว่าสิ่งเหล่านี้สำคัญ สิ่งของสมมติ คุณอยากจะมีก็มีไปเถอะ อนุโมทนาด้วย คุณไม่เหนื่อย คุณก็ทำไปเถอะ ไม่ต้องไปอิจฉาเขา มันเป็นเรื่องสมมติ คนที่อิจฉาคนอื่น หาความสบายใจลำบาก ฉะนั้นอนุโมทนา มุทิตา
ทีนี้ อุเบกขามันมี ๒ ความหมาย คือ ๑. เพ่งหาโอกาสที่จะช่วยเหลือผู้อื่น ทีนี้ช่วยเหลือไม่ได้ ก็วางเฉย เรียกว่าสัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตัว นี่ธรรมะของพระพุทธเจ้าเหมือนอย่างอาวุธ เหมือนอย่างทรัพย์ อาวุธที่คนมี ก็มีหลายชนิด ตั้งแต่มีด แต่ปืน แต่ลูกระเบิด อะไรต่างๆ เหมือนอย่างทหารที่ไปรบ เตรียมพร้อมเลย อาวุธทุกชนิด มีดสั้น มีดยาว ปืนผาหน้าไม้ บางเวลาใช้อาวุธชนิดนี้ บางเวลาใช้กับอาวุธชนิดนั้น ยาก็เหมือนกัน มีหลายๆชนิด เราก็รู้หลายๆอย่าง ยาสมุนไพร ยาแผนปัจจุบัน ใช้กับโรคต่างๆ
ทีนี้ สิ่งที่เราจะต้องปฏิบัติ อาตมามองเห็น มีไม่มาก มีไม่กี่อย่าง ปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ๑.เรื่องร่างกาย ๒.เรื่องจิตใจ ๓.เรื่องสังคม ๔.เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องอารมณ์ เรื่องสิ่งแวดล้อม ก็ทำเพียงเท่านี้ ร่างกายต้องดูแลเอาใจใส่ อิริยาบทต่างๆ อาหารการกิน ต้องทำอย่างมีสติ อย่างมีสัมปชัญญะ
เรื่องจิตใจสำคัญที่สุด ต้องให้อาหารทางใจทุกวัน ฝึกสมาธิ โยมกลับไปอยู่ที่ไหน ฝึกสมาธิทุกวัน อย่างน้อยวันละ ๑๕ นาที ก็ได้พิสูจน์มาแล้ว พวกฝรั่งพิสูจน์มาแล้วว่า ฝึกสมาธิ ๑๕ นาที มันจะคลายเครียดได้
ถ้าจิตใจไม่เครียด โรคทางร่างกายก็จะลดลง อย่างโยมที่เล่าให้ฟัง เขาไปหาหมอ หมอรักษาไม่ได้ มารักษาด้วยตนเองทางจิตใจ ก็เอาชนะมันได้ นี่ก็ฝึกสมาธิ
อานาปานสติทำได้ง่ายที่สุด หายใจเข้าหายใจออก ฝึกแบบลัดก็ได้ ลมยาวนี่ขั้นเดียวเท่านี้ก็พอเพียง จากวิ่งตาม จนกระทั่งเฝ้าดู จนกระทั่งสร้างมโนภาพ ปรับปรุงมโนภาพ จิตมีสมาธิ ในจิตที่มีสมาธิ มันก็มีปีติ มีความสุข เป็นหมวดที่ ๒ หมวดเวทนา มันก็มาอยู่ในจิตใจแล้ว
ดูจิตใจในขณะนี้ ก็เป็นจิตกุศลทั้งนั้น จิตปราโมทย์ จิตตั้งมั่น จิตปล่อย จิตวาง พอจิตอย่างนี้ ก็มาเจริญวิปัสสนา เห็นอนิจจัง เห็นความไม่เที่ยง เห็นความไม่เที่ยง พอเห็นความทุกข์ เห็นความไม่มีตัวตน กิเลสก็อยู่ไม่ได้ ก็คลายออกๆ นี่ปฏิบัติเอาเฉพาะหัวใจของมันก็ได้
แต่ถ้ามีเวลาก็ปฏิบัติแต่ละขั้นๆ ให้สมบูรณ์มากขึ้น และทุกขั้นต้องปฏิบัติ ทั้งสมาธิและวิปัสสนา สมถะและวิปัสสนา เป็นทางสายกลาง
ทีนี้ เรื่องเศรษฐกิจก็สำคัญ ธรรมะของพระพุทธเจ้า มองให้ดี ถ้าจะเปรียบเทียบ
๑.เหมือนอย่างเป็นยาม ป้องกัน สร้างภูมิป้องกัน ฉีดวัคซีนป้องกันให้ต่อสู้กับโรคได้
๒.เป็นยาแก้ โรคมันเกิดขึ้นแล้ว เอาธรรมะมาแก้ไขได้ ธรรมะของพระพุทธเจ้าอัศจรรย์ที่สุด เราก็ป้องกันไว้ก่อน
คนส่วนใหญ่มีปัญหาเนื่องจาก เศรษฐกิจไม่พอดี เศรษฐกิจไม่พอเพียง ดังนั้นก็พยายามปรับปรุงเรื่องความเป็นอยู่ การกินการอยู่ประหยัดมัธยัสถ์ นี่ธรรมะนี้ ระดับโลกียธรรม แต่ก็มีประโยชน์จะส่งเสริมให้ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องมีปัญหา ต่อไปข้างหน้าก็เลือกทำมาหากิน ที่ไม่ผิดศีลผิดธรรม ไม่ผิดกฎหมาย
เรื่องสังคม เราจะอยู่คนเดียวไม่ได้ ต้องอยู่กับคนอื่น ถ้าอยู่กับสังคม ต้องมีเมตตาจิต พรหมวิหารนี่สำคัญที่สุด และสิ่งแวดล้อมก็ต้องช่วยกันดูแลรักษา อาตมาก็พยายามตั้งใจทำอย่างนี้ ดูแลสิ่งแวดล้อมด้วย บนภูเขา ชักชวนกันรักษาป่า พื้นราบก็ชักชวนกันปลูกต้นไม้ อาตมาก็ทำอย่างนี้
ชีวิตของเรามันเป็นสังขาร วันหนึ่งมันก็จะเจอภัยหนัก แก่มากขึ้น ต่อไปก็จะเจ็บมากขึ้น ต่อไปก็จะตายแล้ว นี่เมื่อถึงตอนนี้ จะต้องธรรมะระดับไหนมาช่วย ระดับศีลก็ยังช่วยไม่ได้ ทำบุญ ทำทานก็ยังช่วยไม่ได้ ต้องระดับหัวใจของพุทธศาสนานี่แหละ คือปัญญา
ปัญญาสูงสุดคือเห็นว่าสังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง เอามาใช้ ถ้ามีปัญญา มีวิชชา ธรรมะระดับโลกุตระ นี่จะแก้ปัญหาได้ ธรรมะของพระพุทธเจ้าจะเป็นคลัง เป็นคลังแห่งธรรมะ เป็นอริยทรัพย์ แล้วก็ต้องสะสม เอามาใช้ในชีวิตประจำวัน พัฒนาชีวิตให้เป็นประโยชน์แก่ตัวเอง เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น นี่คือหน้าที่
อาตมาขอขอบพระคุณ บรรดาญาติโยมทั้งหลายทุกคน หน้าที่ที่เราทำต่างกัน เพื่อนร่วมงาน ทำงานเผยแพร่พุทธศาสนา
ต่อไปนี้ ก็ขอให้ปฏิบัติก่อนที่จากกันไป โยมจะเห็นว่าความไม่มี มันมีอยู่ก่อน ความมีมันมีทีหลัง ก่อนหน้าที่โยมมาที่นี่ว่าง ไม่มีอะไร พอโยมมา มันก็มีพวกเราอยู่ที่นี่ศาลาหลังนี้ พอเราไป ศาลาหลังนี้ มันก็ว่าง
ฉะนั้น ความว่างมันมีอยู่เป็นพื้นฐาน ความวุ่น ความมี มันมีทีหลัง ถ้าโยมทำใจ เข้าใจ ไม่มีอะไร ไม่เป็นอะไร ใจจะไม่เป็นทุกข์ จะเอาชนะทุกข์ได้ทุกชนิด ถ้าเข้าใจว่าไม่มีอะไร อย่างนั้นเอง ตถาตา อย่างนั้นเอง คนไทยเอามาพูดในชีวิตประจำวัน ไม่มีอะไร ไม่เป็นอะไร แต่ว่ามีแต่คำพูด จิตใจยังเข้าไม่ถึง
อาตมาก็พูดสรุปรวมหลายๆอย่าง ต้องขออนุโมทนา ญาติโยมทั้งหลายทุกคน ขอให้ตั้งใจปฏิบัติให้เป็นประโยชน์แก่ตัวเอง เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น และมาช่วยกันรักษาพระพุทธศาสนาให้อยู่ที่เนื้อที่ตัว ทุกหนทุกแห่ง ถ้าสามารถแนะนำได้ ก็แนะนำเด็กๆ ลูกหลานอยู่ที่บ้านที่เรือน ค่ำคืนก็ได้อยู่กับครอบครัว คนที่มีครอบครัว มีลูกมีหลานชวนกันนั่งสมาธิประจำวัน ๕ นาที ๑๐ นาที แล้วอบรมสั่งสอนเขา นี่เป็นหน้าที่ของบิดามารดา เป็นพระของลูก เป็นพรหมของลูก เป็นอาจารย์คนแรกของลูก ของลูกของหลาน ต้องช่วยกันทำ ต่อไปก็ปฏิบัติกันนิดหน่อย ตั้งใจปฏิบัติกัน ๕ นาที ๑๐ นาที