แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ญาติโยมที่มาปฏิบัติธรรมทั้งหลาย วันนี้ที่วัดธารน้ำไหลสวนโมกข์เป็นวันทำบุญส่งตายาย ญาติโยมทั้งหลายมาจากที่ต่างๆ มาร่วมทำบุญส่งตายายที่วัดธารน้ำไหลสวนโมกข์แห่งนี้ พระสงฆ์ทุกรูปโดยเฉพาะอาตมาเป็นเจ้าอาวาส รวมทั้งแม่ชี อุบาสก อุบาสิกา ที่อยู่ในสวนโมกข์แห่งนี้ ขอขอบพระคุณ ขออนุโมทนากับบรรดาญาติโยมทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง วันรับตายายของสวนโมกข์ก็ตรงกับวันขึ้น 8 ค่ำ วันส่งตายายก็เช่นเดียวกันขึ้น 8 ค่ำ เพื่อจะไม่ให้ตรงกับที่อื่น เพื่อว่าญาติโยมทั้งหลายจะได้ไปทำบุญตายายในหลายๆ แห่ง หลายๆ วัด
ก่อนหน้านี้ฝนตกติดต่อเกือบทุกวันอาตมาเป็นห่วงมากๆ ว่า ถ้าฝนตกในวันส่งตายายวันนี้จะทำกันที่ไหน ญาติโยมทั้งหลายมากันมาก แต่วันนี้อากาศแจ่มใส ไม่มีฟ้าไม่มีฝน ปู่ย่าตายายเคยพูดไว้ว่า ตายายมาเยี่ยมลูกเยี่ยมหลาน มาขอส่วนบุญ ถ้าลูกหลานไม่สนใจที่จะทำบุญทำกุศลอุทิศไปให้ก็ร้องไห้เสียใจน้ำตาร่วง ก็หมายถึงฝนตก เวลาฝนตกก็ว่าน้ำตาของตายาย ปู่ย่าตายายของเราเคยพูดกันอย่างนี้ ก็เป็นเรื่องที่ดี ถ้าลูกหลานจะสำนึกรู้สึกว่าปู่ย่าตายายเป็นผู้มีพระคุณ แต่วันนี้อากาศแจ่มใสก็หมายความว่า ปูย่าตายายมาเห็นญาติโยมทั้งหลายเป็นลูกเป็นหลานมาทำบุญทำกุศล แผ่ส่วนบุญส่วนกุศลก็ดีใจ หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส สมัยก่อนเป็นเรื่องที่ดี การทำบุญตายายมันเป็นประเพณีที่มีมาแต่ครั้งพุทธกาล ที่สวนโมกข์ ที่อำเภอพิมพิสารของชาวใต้ มีสวดมี … (02.53 เสียงไม่ชัดเจน)
เรื่องราวเล่าว่าในครั้งพุทธกาล พระเจ้าแผ่นดินคือพระเจ้าพิมพิสารได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ทรงถามว่าถ้าต้องการแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลให้ญาติที่ล่วงลับไปแล้วที่ตายไปแล้วต้องทำอย่างไร พระพุทธเจ้าก็อธิบายให้ทำบุญทำกุศลเหมือนอย่างที่ญาติโยมมากระทำอยู่อย่างนี้ แล้วก็แผ่ส่วนบุญส่วนกุศลไปให้ปู่ย่าตายาย อันเป็นการแสดงออกถึงความกตัญญูกตเวที อย่างที่คุณณรงค์ได้เอาเรื่องของพระเดชพระคุณท่านอาจารย์พุทธทาสมาพากย์ให้ญาติโยมฟัง
ท่านอาจารย์พุทธทาสท่านเน้นมากเรื่องกตัญญูกตเวที ท่านพูดอยู่เป็นประจำว่า ถ้าคดสั้น อกตัญญูเสื่อม คดสั้น อกตัญญูเสื่อม เพราะฉะนั้นเราเป็นลูกหลานของปูย่าตายายต้องมีความกตัญญู รู้จักบุญคุณของผู้มีบุญคุณ แล้วก็กตเวทีตอบแทนบุญคุณ ผู้ที่มีบุญคุณมันมากมาย มากมายเหลือเกิน ปูย่าตายาย ญาติพี่น้อง ครูบาอาจารย์ เพื่อนฝูง ที่เราได้รับประโยชน์มาจากเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ก็หมายความว่า มนุษย์ทุกคนที่อยู่บนโลกนี้ล้วนแต่มีบุญคุณซึ่งกันและกันไม่อย่างใดอย่างหนึ่ง นอกจากบุคคลแล้ว แม้แต่สิ่งของก็มีบุญคุณ เช่น บ้านเรือนที่อยู่อาศัย เสื้อผ้าที่เราสวมใส่ แม้แต่รองเท้าที่เราสวม มันก็มีบุญคุณต่อเรา ถ้าเรารู้จักว่าบุคคลก็ดี สิ่งของก็ดีที่มีบุญคุณต่อเรา เราจัดแบ่งให้มันเหมาะสมกัน ส่วนที่เป็นบุคคล เช่น บิดามารดาที่ยังมีชีวิตอยู่ เราก็ดูแลท่านตอบแทนท่าน เพราะท่านเกิดเรามา เลี้ยงเรามา
พระอาจารย์ได้สอนไว้ หน้าที่ของบุตรธิดา ลูกหลานของปูย่าตายาย หนึ่งท่านเลี้ยงเรามาแล้ว ก็ต้องเลี้ยงท่านตอบ สองช่วยทำงานทำการของท่าน สามประพฤติตนให้เป็นคนดี ปู่ย่าตายาย พ่อแม่ ยอมรับมอบมรดกให้ก็จะรักษาไว้ได้ ก็ดำรงวงศ์ตระกูล ถ้าเราเป็นชาวพุทธก็ดำรงวงศ์ตระกูลของชาวพุทธเอาไว้ให้ได้ ถ้าล่วงลับไปแล้วก็ทำบุญอุทิศไปให้ อย่างที่ญาติโยมทั้งหลายท่านทำบุญก็อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้ญาติต่างๆ ปฏิบัติตาม เพื่อมีคุณธรรม มีความกตัญญูกตเวที
ชาวพุทธเราเนี่ยยากจนไม่ได้ ชาวพุทธเราเนี่ยต้องเป็นคนร่ำรวย คำว่าร่ำรวยก็มีอยู่ 2 อย่าง ร่ำรวยโภคทรัพย์ ทรัพย์สินเงินทอง ชาวพุทธเนี่ยต้องไม่ยากจน ที่สำคัญที่สุดต้องร่ำรวยด้วยคุณธรรมเรียกว่า อริยทรัพย์ สำหรับโภคทรัพย์มันไม่แน่ มันจะร่ำรวยเหมือนกันทุกคนมันก็คงเป็นไปไม่ได้ ส่วนอริยทรัพย์นี่ทุกคนสามารถที่จะสร้างขึ้นมาได้ อริยทรัพย์มีอะไรบ้าง ก็คือ ศรัทธานี่เอง
วันนี้ญาติโยมทั้งหลายเป็นผู้มีความร่ำรวย ถ้าญาติโยมไม่มีศรัทธา ไม่มีความเลื่อมใสต่อพระศาสนา ต่อวัดต่อวา ก็คงจะไม่เข้าวัด เพราะฉะนั้นญาติโยมทั้งหลายวันนี้ก็เป็นคนที่ร่ำรวย มีอริยทรัพย์ คือ มีศรัทธา และก็เข้าวัดปฏิบัติก็มีศีล ศีลนี่คืออริยทรัพย์ และก็มีคุณธรรมอื่นๆ หลายอย่าง เช่น การเสียสละเรียกว่าจาคะและปัญญา นี่ก็เป็นอริยทรัพย์ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นชาวพุทธเราจะยากจนไม่ได้ถ้ารู้จักแสวงหา
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาบนโลกนี้ เพื่อประโยชน์เพื่อความสุขของคนจำนวนมากไม่มีใครเสมอเหมือน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ ได้พบหนทาง ได้ช่วยเหลือมนุษย์ให้ออกจากความทุกข์ ออกจากปัญหา พระองค์สอนโดยวิธีต่างๆ มากมาย พระพุทธศาสนาล่วงกาลผ่านมาเป็นเวลา 2500 กว่าปีแล้ว แต่พระพุทธศาสนายังเป็นจริง ยังเป็นอยู่สำหรับโลกปัจจุบัน
โลกปัจจุบันเจริญก้าวหน้าทางวัตถุทางเทคโนโลยี คนประดิษฐ์คิดค้นวัตถุเจริญก้าวหน้ามาก เมื่อก่อนสมัยโบราณคนไม่เคยเห็นเครื่องบิน ไม่เคยนั่งเครื่องบิน สมัยนี้คนนั่งเครื่องบิน ถ้ามีสตางค์ไปไหนก็ได้ ไปต่างประเทศก็ได้ มีรถขับขี่ไปไหนมาไหน ญาติโยมทั้งหลายสามารถเอาโลกทั้งหมดมาอยู่ในฝ่ามือ เมื่อญาติโยมทั้งหลายมีโทรศัพท์มือถือ มีคอมพิวเตอร์ ก็ดูเรื่องราวของโลกมาอยู่ในฝ่ามือ แต่ความเจริญมากมายขนาดนี้บางคนก็มีปัญหา
เดี๋ยวนี้คนทั่วโลกหันมาสนใจความรู้ของพระพุทธเจ้า พวกฝรั่งที่อยู่ทั่วโลกในหลายๆ ชาติ มาสนใจความรู้ของพระพุทธเจ้าที่ชาวพุทธเราเคยปฏิบัติมาเป็นเวลาช้านาน เพราะฉะนั้นวันนี้ญาติโยมทั้งหลายได้มีโอกาสมาแสดงออกซึ่งความเป็นผู้มีความกตัญญูกตเวที เรียกว่าเป็นคนดี พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ นิมิตฺตํ สาธุรูปานํ กตญฺญูกตเวทิตา ” เรียกว่า คนดีคือคนมีความกตัญญูกตเวทีนั่นเอง
วันนี้เรามาทำบุญให้ปู่ย่าตายาย อาตมาเคยพูดไว้แล้วเมื่อตอนที่รับตายายว่า ตายาย หมายถึง บรรพบุรุษของเราที่เคยเกิดมาบนโลกนี้ หากจะนับกันนับเป็นหมื่นๆ ปี เป็นแสนๆ ปี ที่มนุษย์เกิดขึ้นบนโลกนี้ พวกฝรั่งเขาเขียนหนังสือเรื่องชีววิทยา ว่าสิ่งที่มีชีวิตเกิดขึ้นบนโลกนี้ทีแรกไม่ใช่มนุษย์ มันเป็นสัตว์เซลล์เดียวและวิวัฒนาการเรื่อยๆ มาเป็นหมื่นๆ ปีจนกระทั่งเกิดมนุษย์แบบเราๆ ขึ้นมา นี่พวกฝรั่งเขาเขียนหนังสือไว้อย่างนี้ จริงเท็จแค่ไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นถ้าเป็นอย่างนี้ แม้แต่สัตว์เดรัจฉานก็เป็นปู่ย่าตายายของเราเช่นเดียวกัน
ทีนี้ปู่ย่าตายายที่เสียชีวิตไปแล้วก็จำนวนมาก ปู่ย่าตายายที่ยังมีชีวิตอยู่ที่บ้านที่เรือนของพวกเรา ที่เราก็ต้องตอบแทนบุญคุณของท่าน ญาติโยมทั้งหลายที่มาทำบุญตายายวันนี้ ยังอยู่ในฐานะลูกหลานของปู่ย่าตายายที่ล่วงลับไปแล้วก็กลุ่มหนึ่ง อยู่ในฐานะของปู่ย่าตายายของลูกหลานที่อยู่ที่บ้านที่เรือน เพราะฉะนั้นคำว่าตายายก็มีความหมายกว้าง ปู่ย่าตายายสรุปแล้วก็มี 2 ประเภท อาตมาก็เคยพูดไว้แล้วเมื่อตอนรับตายาย ตายายที่เป็นสัมมาทิฏฐิบุคคลมีความคิดเห็นที่ถูกต้อง แล้วก็มีตายายประเภทหนึ่งยังไม่มีสัมมาทิฏฐิที่สมบูรณ์ ตายายประเภทนี้ที่เราต้องแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลไปให้ท่าน เพราะท่านช่วยตัวเองไม่ได้ ตอนที่ท่านมีชีวิตอยู่ก็ไม่ได้สร้างคุณงามความดีให้เพียงพอ ตายแล้วท่านก็ตกระกำลำบาก แต่ก็ดีท่านก็เป็นปู่ย่าตายายของเรา เราก็ต้องตอบแทน ทำบุญทำกุศล อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้นั่นเอง
เพราะฉะนั้นวันนี้พวกเราได้มีโอกาสมาสร้างบุญสร้างกุศล นี่เป็นเรื่องที่สำคัญ คำว่าบุญ แปลว่าความสุข แปลว่าความดี แปลว่าเครื่องชำระบาป บุญเนี่ยไม่ใช่วัตถุสิ่งของ บุญนี้เป็นความรู้สึกในจิตใจของเรา เมื่อไหร่ที่จิตใจของเรามันสบายไม่มีความทุกข์ ไม่มีความเดือดร้อน เมื่อนั้นเราก็อยู่ ได้อยู่กับบุญ ได้อยู่ด้วยบุญ แต่ในบางเวลาบาปมันเกิดขึ้น บาปมันเกิดขึ้นในจิตใจของเรา พอบาปมันเกิด ปัญหาก็เกิด บาปคืออะไร ก็คือความโลภ ความโกรธ ความหลง พอเกิดความโลภ เกิดความโกรธ เกิดความหลง เรียกว่า บาปมันเกิด ปัญหาในชีวิตของเรา ปัญหาที่เกิดขึ้นแก่ครอบครัว ปัญหาที่เกิดขึ้นแก่สังคม ปัญหาที่เกิดขึ้นแก่โลก มาจากบาปมาจากอกุศลทั้งสิ้น บางคนที่มีความโลภ ความโกรธ ความหลง จะพูดก็ดี จะทำก็ดี ก็สร้างปัญหา นำความโลภ ความโกรธ ความหลงมาอยู่ในจิตใจ
เพราะฉะนั้นการทำบุญก็คือการขจัด ป้องกันไม่ให้บาปมาอยู่ในจิตใจของเรา ญาติโยมลองสังเกตดูว่าวันหนึ่งๆ เนี่ยเราไม่ได้คิด เราตื่นนอน ตื่นนอนขึ้นมาก็ว่ามันสบายดี เพราะตอนนี้บาปมันยังไม่เข้ามา มันเป็นจิตเดิม จิตของเราจิตเดิมมันเป็นจิตที่ดี พระพุทธเจ้า เรียกว่า จิตประภัสสร จิตประภัสสรเป็นจิตที่ดี จิตนี้ไม่มีปัญหาแต่เราไม่รักษามันเอาไว้ ปล่อยให้บาปเข้ามาทำลายคืออกุศลทั้งหลาย พอมันเข้ามาในจิตใจ จิตใจของเราก็มีปัญหาทันที เพราฉะนั้นต้องขจัด อย่าปล่อยให้บาป อย่าปล่อยให้อกุศลมาทำลายจิตใจ เพราะฉะนั้นการทำบุญก็เป็นการชำระบาปมีหลายๆ วิธี โดยย่อก็มี 3 วิธี
1.คือการให้ทาน
2.คือการรักษาศีล
3. คือการเจริญภาวนา
ขยายออกไปเป็นเรื่องอื่นก็มีอยู่หลายอย่าง เช่น การอ่อนน้อมถ่อมตัว ก็เป็นการทำบุญอย่างหนึ่งเหมือนกัน เขาเรียกว่า อปจายนมัย “มย แปลว่า สิ่งที่ก่อให้เกิด”, ทานมัย บุญที่เกิดขึ้นจากการให้ทาน, สีลมัย บุญที่เกิดขึ้นเพราะการรักษาศีล, ภาวนามัย บุญเกิดขึ้นเพราะภาวนา, อปจายนมัย บุญเกิดขึ้นเพราะการอ่อนน้อมถ่อมตัว เพราะฉะนั้นญาติโยมทั้งหลายมีลูกมีหลาน หัดสอนลูกสอนหลานให้รู้จักเคารพกราบไหว้บุคคลที่ควรเคารพ ผู้เฒ่าผู้แก่ พระสงฆ์ เมื่อลูกหลานของเราได้เคารพอ่อนน้อมถ่อมตน ลูกหลานของเราเป็นคนมีบุญ บุญจะอยู่ในจิตใจของลูกหลาน เขาก็จะเจริญก้าวหน้า ดังนั้นวัฒนธรรมไทยรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตัว เคารพกราบไหว้ ในต่างสถานที่ ไปที่สถานที่สำคัญ ไปที่พระเจดีย์ สถูป เข้าวัดเข้าวา ก็แสดงความเคารพ หรือจะเป็นการบำเพ็ญบุญด้วยการขวนขวายช่วยเหลือส่วนรวม พวกจิตอาสาที่เสียสละช่วยทำอย่างนั้นอย่างนี้ ก็เรียกว่า เวยยาวัจจมัย บุญเกิดขึ้นด้วยการขวนขวายและช่วยเหลือผู้อื่น
บุญเกิดขึ้นเพราะการให้ส่วนบุญ ญาติโยมทั้งหลายมาทำบุญแล้วก็อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้ บุญก็เกิดเพิ่มขึ้นๆ บุญไม่ใช่วัตถุ วัตถุถ้าเราให้ไปมันจะน้อยลง แต่การให้บุญยิ่งให้ยิ่งได้ เพราะฉะนั้นทำบุญทำกุศลแล้วอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้ผู้อื่นด้วย บุญก็จะเกิด บุญเกิดขึ้นเพราะการอนุโมทนาส่วนบุญ คนอื่นเขาทำคุณงามความดี ชาวพุทธเราก็พลอยยินดีด้วย อนุโมทนาสาธุ รู้ข่าวว่าใครทำดีที่ไหน อย่างน้ำท่วมทางภาคอีสาน มีบางคนเสียสละเงินจำนวนล้านๆ พอรู้ข่าวเราก็อนุโมทนาสาธุ พลอยยินดีด้วย บุญเกิดขึ้นเพราะจิตใจของเราทำดี วิธีการทำบุญมันมีหลายอย่าง บุญเกิดขึ้นเพราะการฟังธรรม บุญเกิดขึ้นเพราะการแสดงธรรม ที่สำคัญที่สุด บุญเกิดขึ้นเพราะทำความเห็นให้ตรง ทำความเห็นให้ตรง คือ มีความเห็นที่ถูกต้อง
เพราะฉะนั้นชาวพุทธเรานี่ พระพุทธเจ้าสอนไว้ว่าให้มี สัมมาทิฏฐิ มีความเห็นถูกต้อง “สมฺมาทิฏฺฐิสมาทานา สพฺพํ ทุกฺขํ อุปจฺจคุ” คนจะพ้นจากความทุกข์ได้เพราะมีสัมมาทิฏฐิ สัมมาทิฏฐิมีอยู่ 2 ระดับ สัมมาทิฏฐิระดับธรรมดา คือมีความเห็นมีความเชื่อว่า โลกนี้มี โลกอื่นก็มี ไม่ใช่มีแต่เฉพาะโลกนี้ พวกโลกอื่นมี โลกหน้ามี ทำบาปมีบาป ทำบุญมีบุญ ทำดีทำชั่วมันมีผล กรรมดีกรรมชั่วมันมี ผลของกรรมดีกรรมชั่วมันมี ถ้าเรามีความเชื่ออย่างนี้ เราจะไม่ทำกรรมชั่ว ถ้าเราไม่ทำกรรมชั่ว ปัญหามันจะไม่มีในชีวิตของเรา ถ้าเราไม่มีความเชื่อแบบนี้ ตายแล้วก็ไม่มีอะไรเลย ก็มัวแต่สนุกสนานไม่สนใจทำบุญทำประโยชน์ คนเหล่านี้ก็จะมีปัญหามาก
อย่างพวกเราก็มีความเชื่อ ความเห็นที่ถูกต้องในขั้นต้นก็เรียกว่า โลกียสัมมาทิฏฐิ แล้วก็เนื่องให้สูงขึ้นไปเป็นโลกุตตรสัมมาทิฏฐิ คือเห็นว่า สังขารทั้งหลายทั้งปวงมันไม่เที่ยง สังขารทั้งหลายทั้งปวงมันเป็นทุกข์ ธรรมทั้งหลายทั้งปวงมันเป็นอนัตตา
วันนี้ญาติโยมบางคนเอาอัฐิของปู่ย่าตายายใส่โกฏิ ใส่โถมาให้พระได้บังสุกุล กระดูกเหล่านี้กระดูกของปู่ย่าตายายของเราที่เคยมีชีวิตแบบเราเนี่ย แต่ว่าท่านไม่มีชีวิตแล้ว ลมหายใจไม่มีแล้ว เนื้อหนังไม่มีแล้ว จิตใจก็ไม่มีแล้ว มีแต่กระดูกเอามาให้พระพิจารณาว่าชีวิตของท่านเป็นแต่เพียงสังขาร พวกเราเป็นลูกเป็นหลานก็เช่นเดียวกัน เกิดมาแล้วก็เดินตามเส้นนี้ เส้นที่จะนำไปสู่ความจบของชีวิต เกิดมาแล้วก็แก่ แก่แล้วก็เจ็บ เจ็บแล้วก็ตาย เพราะมันเป็นสังขาร ญาติโยมทั้งหลายมาทำบุญที่วัดธารน้ำไหลสวนโมกข์ พระเดชพระคุณท่านอาจารย์พุทธทาส ท่านเป็นผู้สร้างขึ้นมา เดี๋ยวนี้ท่านอาจารย์พุทธทาสท่านก็ไม่มีแล้ว มรณภาพไปประมาณ 20 กว่าปีมาแล้ว อัฐิของท่านเก็บไว้ที่ศาลาธรรมโฆษณ์นี่เป็นกฎของสังขาร ถ้าเป็นสังขาร มันก็ต้องไม่เที่ยง เป็นทุกข์และไม่มีตัวตน
ขอให้ญาติโยมทั้งหลายสนใจทำบุญหลายๆ ระดับ และระดับที่สำคัญจะแก้ปัญหาตัวทุกข์ได้ ก็คือเข้าใจกฎของสังขารนั้นเอง สิ่งที่เรามีมันก็สูญสลายหายไป ผู้คนที่เราเคยรักเคยหวงแหนพลัดพรากจากไป ก็มันเป็นสังขาร เพราะฉะนั้นเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นในชีวิตจะทำให้คนไม่เป็นทุกข์ ถ้าเรามีสติ เรามีธรรมะอยู่ในจิตใจ อะไรก็แก้ไขปัญหา สบายใจ ไม่เป็นทุกข์ มีโอกาสทำบุญ ทำบุญคือทำให้ใจสบาย ทำให้ใจเป็นสุข พร้อมกันนั้นเราก็ได้ทำประโยชน์หลายๆ ด้าน ญาติโยมทั้งหลายมาทำบุญตายายที่นี่ ก็ได้มาเห็นวัดวาอารามของสวนโมกข์ ญาติโยมทั้งหลายก็จะได้รู้สึกว่า สวนโมกข์มีพระอยู่ไม่กี่รูป ในพรรษานี้ในสวนโมกข์ประมาณ 70 รูป แต่ว่าในสังกัดนี่ประมาณ 90 รูป โยมก็ได้มาเห็นพระสงฆ์อยู่ประจำ ในสวนโมกข์พิธีต่างๆ มันเป็นผลพลอยได้ ยิ่งไปกว่านั้น ญาติโยมทั้งหลายได้มีโอกาสรู้จักคนนั้นคนนี้ มีเพื่อนมีฝูงที่ดี มีกัลยาณมิตร มีญาติธรรม นี่เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เรื่องของญาติธรรม เพราะทุกคนเขาเป็นญาติกันในทางธรรม ไม่ใช่ญาติพี่น้องก็จริง แต่ว่าทำอะไรเหมือนๆ กัน ไม่ใช่ญาติไม่ใช่เชื้อแต่มีจิตเอื้อเฟื้อ ก็เหมือนเนื้ออาตมา ถึงเป็นชาติเป็นเชื้อไม่มีจิตเอื้อเฟื้อ ก็เหมือนเนื้อต่างป่า นี่เป็นผลพลอยได้หลายๆ อย่างในวันนี้
ดังนั้นอาตมาจึงแสดงความยินดี ขอขอบพระคุณบรรดาญาติโยมทั้งหลายที่มาทำบุญตายายในวันนี้ ขอญาติโยมทั้งหลายจงเชื่อมั่นว่าบุญกุศลนี้เองที่ทำให้เราเจริญก้าวหน้า ไปหาความสุข การทำบุญหลายๆ แบบ รวมทั้งการทำบุญด้วยการให้ทาน อย่างที่นำอาหารคาวหวานมากระทำในวันนี้มาถวายพระสงฆ์ในวันนี้ แล้วก็ปฏิบัติให้ยิ่งขึ้นไป รักษาศีลสูงขึ้นไป เจริญภาวนาที่สวนโมกข์ มีกิจกรรม มีการปฏิบัติธรรมตอนเช้า ตอนบ่ายโมงถึงบ่ายสองโมง วันนี้ก็อยากจะเชิญชวนญาติโยมทั้งหลาย ถ้าไม่รีบร้อนเกินไป มาทำบุญด้วยภาวนาด้วย จะได้บุญมากๆ แล้วก็แบ่งให้ปู่ย่าตายายที่ท่านช่วยตัวเองไม่ได้ ปู่ย่าตายายที่ท่านช่วยเหลือตัวเองได้ ท่านเป็นสัมมาทิฏฐิ ท่านไปสู่โลกที่ดีกว่า ปู่ย่าตายายประเภทนี้ท่านก็อนุโมทนา ให้ศีลให้พรต่อพวกเราที่เป็นลูกเป็นหลาน นี่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า การบรรยายธรรมะของอาตมาก็สมควรแต่เพียงแค่นี้ ขอความสุข ขอความสวัสดี จงมีแก่ญาติโยมทั้งหลายโดยทั่วกัน ทุกท่านทุกคนเทอญ