แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
เอาล่ะครับ ต่อไปนี้ก็ขอให้พวกเราที่เป็นพระภิกษุสงฆ์ทุกรูปทุกองค์ ไม่ว่าบวชเก่า หรือบวชใหม่ รวมทั้งญาติโยม แม่ชี อุบาสก อุบาสิกานั่งอยู่บริเวณนี้ ขอให้เตรียมตัวตั้งใจที่จะปฏิบัติธรรมในเวลาที่ดีที่สุดคือเวลาหัวรุ่ง เพื่อจะเข้าใจธรรมะ พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ พระองค์ก็ได้บอกหนทางไว้แล้ว เป้าหมายของการปฏิบัติธรรมในพุทธศาสนาสูงสุด คือ เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง ความหมายของพระนิพพานก็คือสิ้นกิเลส หมดความทุกข์นั่นเอง พวกเราอยู่กันที่สวนโมกข์ ซึ่งเป็นวัดของพระเดชพระคุณท่านอาจารย์พระพุทธทาส ท่านมาสร้างเอาไว้ ให้พวกเราได้มาปฏิบัติธรรมสะดวกสบาย แม้แต่อาหารการขบการฉันก็ไม่ลำบาก วันพรุ่งนี้ที่สวนโมกข์เป็นวันทำบุญ ส่งตายาย การทำบุญตายายก็มีอยู่ 2 ครั้ง วันรับและวันส่ง ที่สวนโมกข์จัดก่อนที่อื่น ทั้งวันรับและวันส่ง วันรับก็คือแปดค่ำที่ผ่านมา วันส่งก็คือวันพรุ่งนี้ แปดค่ำเช่นเดียวกัน ที่อื่นวันรับก็แรมค่ำหนึ่ง วันส่งก็สิบห้าค่ำ หลังจากที่สวนโมกข์ไปแล้ว 7 วัน พวกเราที่อยู่สวนโมกข์ก็ออกไปช่วยเหลือวัดนั้นวัดนี้ เพราะการทำบุญตายายเนี่ย คนเข้าวัดมากเป็นพิเศษ เรียกว่าจะทุกครอบครัวก็ว่าได้ ครอบครัวที่เป็นชาวพุทธ ครอบครัวไหนไม่ไปทำบุญตายาย เรียกว่าเหมือนกับเป็นคนนอกศาสนา นี่เป็นวัฒนธรรม เป็นประเพณีการทำบุญตายาย
ในประเทศไทยเราไม่ทราบว่าเหมือนๆ กันรึเปล่า แต่ว่าสามสี่จังหวัดภาคใต้เนี่ย เหมือนๆ กัน ชุมพร โคราช นครศรีธรรมราช สงชลา ก็ได้รับอิทธิพลจากพุทธศาสนาในสมัยศรีวิชัยและก็สมัยต่อๆ มา โดยเฉพาะนครศรีธรรมราชถือว่าเป็นงานใหญ่มาก งานรับตายาย ส่งตายาย พุทธศาสนามาจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้แต่การทำบุญตายายก็เกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนา อย่างที่พวกเราได้ฟัง พระเจ้าพิมพิสาร นี่มีการเปิดเทปฟังเรื่องพระเจ้าพิมพิสารที่ต้องการสร้างบุญสร้างกุศลอุทิศไปให้แก่ญาติผู้วายชนม์ และไปทูลถามพระพุทธเจ้าว่าทำยังไงญาติที่ล่วงลับไปแล้วจะได้รับส่วนบุญส่วนกุศล พระพุทธเจ้าก็ทรงอธิบายให้พระเจ้าพิมพิสารได้ฟัง ดังนั้นการทำบุญตายายเนี่ย เอาเรื่องราวในครั้งพุทธกาลมาปฏิบัติ การทำบุญในพุทธศาสนามันมีหลายอย่าง โดยสรุปก็มีอยู่สามอย่าง ทำบุญด้วยการให้ทาน ทำบุญด้วยการรักษาศีล ทำบุญด้วยการเจริญภาวนา การให้ทานเนี่ยก็เป็นเรื่องสำคัญมาก วัดวาอารามในประเทศไทยเราที่อยู่ได้ ก็เพราะญาติโยมบาทสองบาทที่ช่วยเหลือให้ทานนั่นเอง ทานก็เป็นเรื่องที่สำคัญ เพื่อวัดวาอารามอยู่ได้ แต่ว่าเพียงทานอย่างเดียวมันไม่พอ ต้องเลื่อนขึ้นไปถึงศีล ถึงภาวนา
การทำบุญด้วยการให้ทานก็จะมีผลมาก มีอานิสงส์มาก ต้องประกอบกันสองฝ่าย ฝ่ายทายก คือ ผู้ให้ทาน ฝ่ายปฏิคาหก คือผู้รับทาน พวกเราที่เป็นพระภิกษุสงฆ์ เราเป็นปฏิคาหก คือ ผู้รับไทยทาน ก็ต้องทำหน้าที่ให้ดี ให้เป็นเนื้อนาบุญ พระสงฆ์เราเนี่ยมันเป็นเนื้อนาบุญของโลก ปุญญักเขตตัง โลกัสสะ ถ้าพระสงฆ์เป็นคนทุศีลไม่มีศีล อุบาสก อุบาสิกา ทายกให้ทานก็มีผลน้อย เหมือนกับหว่านพืชลงในนา ที่เป็นดินเค็ม เป็นดินดอน ถ้าไม่ ถ้าไม่มี เป็นที่นาที่ไม่สามารถนำน้ำเข้ามาได้ ระบายน้ำออกได้ ข้าวยากก็มีผลน้อย การทำบุญโดยการให้ทาน พระพุทธเจ้าก็ทรงตรัสเอาไว้ว่า การให้ทานแก่ปุถุชนมันมีผลน้อย ให้ทานแก่ปุถุชนร้อยคนไม่เท่ากับถวายทานแก่พระโสดาบันเพียงองค์เดียว ก็ตรัสอย่างนี้เรื่อย เรื่อยมา จนกระทั่งให้ทานแก่พระโสดาบันก็ไม่เท่าให้ทานกับพระสะกะทาคามี ให้ทานแก่พระสะกะทาคามีก็ไม่เท่ากับให้ทานแก่พระอนาคามี ให้ทานแก่พระอนาคามีก็ไม่เท่ากับให้ทานแก่พระอรหันต์ ให้ทานแก่พระอรหันต์ก็ไม่เท่ากับให้ทานแก่พระปัจเจกพระพุทธะ ให้ทานแก่พระปัจเจกพระพุทธะก็ไม่เท่ากับให้ทานแก่พระสัมมาสัมพุทธะ ให้ทานแก่พระสัมมาสัมพุทธะก็ไม่เท่ากับถวายทานในสงฆ์แต่มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน ก็หมายความว่าได้ถวายทานแก่พระสงฆ์ด้วย ทั้งพระพุทธเจ้าด้วย นี่ก็แสดงให้เห็นว่าพระสงฆ์ผู้รับทานก็ถือว่าสำคัญมาก พวกเราที่รับทานอย่าได้ประมาท
โบราณเขาถือว่าถ้าเราไม่มีศีล ไม่มีคุณธรรม ไปรับปัจจัยที่ของญาติโยมมาบริโภคมันอันตราย เหมือนพระพุทธเจ้าตรัสถามพระภิกษุทั้งหลายว่า กินก้อนเหล็กแดงกับบริโภคข้าวของชาวเมือง อันไหนจะดีกว่า พระภิกษุทั้งหลายกราบทูลพระพุทธเจ้าว่า บริโภคฉันอาหารชาวเมืองดีกว่ากลืนก้อนเหล็กแดง พระพุทธเจ้าตรัสว่า ถ้าไม่มีศีล ทุศีล กลืนก้อนเหล็กแดงยังดีกว่า มันตายแล้วไม่ไปตกนรก อย่างนี้เป็นต้น อย่างเขายกมือไหว้ ถ้าภิกษุไม่มีศีล ญาติโยมยกมือไหว้ มันอันตราย พระพุทธเจ้าท่านว่า มีคนเอาหอกมาแทงที่หน้าอกกับให้เขายกมือไหว้ อันไหนจะดีกว่า ภิกษุก็กราบทูลพระพุทธเจ้าว่า เขายกมือไหว้ดีกว่าให้เขาแทงด้วยหอก ไม่ตายยังดีกว่าให้ยกมือไหว้ พระพุทธเจ้าเตือนภิกษุให้ไม่ประมาท เป็นพระสงฆ์บวชเข้ามา ต้องเคร่งครัดในวินัย สนใจประพฤติธรรม อบรมสมาธิภาวนา เพราะหน้าที่ของพระสงฆ์ต้องปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติเป็นธรรม ปฏิบัติสมควร และเป็นเนื้อนาบุญของโลก การที่ญาติโยมเข้าวัดทำบุญตายายเนี่ย ไม่ใช่ว่าเราจะประมาทได้ ก็ต้องทำหน้าที่ของตน ของตนให้ดี สนใจปฏิบัติธรรมนี่เอง
สำหรับทายกที่เอาของมาถวาย ถ้าไปลักของเขามา มาทำบุญก็ได้ผลน้อย ไปฆ่าสัตว์ตัดชีวิต มาปรุงอาหารเฉพาะเจาะจงถวายพระสงฆ์ก็ได้บุญน้อย นี่เป็นเรื่องทำบุญทำทานในพระพุทธศาสนา วัดวาอารามอยู่ได้ ก็เพราะญาติโยมศรัทธานั่นเอง ในบางประเทศ แม้เคยเป็นชาวพุทธ ในตอนหลังก็เสื่อมไป ไม่เหมือนประเทศไทย ก็น่าสนใจว่าพระที่ไปอยู่ต่างประเทศ ก็ได้อาศัยคนไทยนี่เองไปช่วยเหลือสนับสนุนสร้างวัดสร้างวา ได้เงินจากฝรั่งเนี่ยน้อยมาก ก็เดี๋ยวก็ได้เงินจากคนไทยไปสร้างวัดสร้างวาในต่างประเทศ ไม่ว่า อินเดีย อเมริกา ออสเตรเลีย ก็จากญาติโยมคนไทยนี่เอง
ผมเห็นว่าประเทศไทยเรา เรื่องเทศน์มหาชาติพระเวสสันดรเนี่ย มันปลูกฝังให้คนไทยศรัทธาในการทำบุญ ในการบำรุงพระพุทธศาสนา มีฝรั่งคนหนึ่งชื่อแอนโทนี่ แอนโทนี่เขาเคยบวชเป็นพระมาประมาณสิบกว่าพรรษา และสึกออกไปเป็นฆราวาส คราวก่อนก็มาหาผมที่สวนโมกข์ ผมก็แนะนำให้ไปอยู่เกาะพะงัน ไปอยู่ที่เขาถ้ำ ไปช่วยสอนสมาธิแก่ฝรั่ง มีฝรั่งมาบอกแอนโทนี่มาก แต่บังเอิญว่ามีความเห็นไม่ตรงกับเจ้าของสำนัก แอนโทนี่เขาก็ไปสร้างใหม่ ไปเช่าที่เกาะพะงัน ตอนนี้ทำเสร็จแล้ว กำลังจะเปิด แล้วก็ ลักษณะบอกบุญ ให้คนช่วยกันบริจาค มีคนไทยเยอะช่วยเหลือกัน มาสร้างสถานที่ เนี่ยคนไทยมีนิสัยชอบทำบุญให้ทาน มันเป็นการทำบุญในพระพุทธศาสนาอย่างหนึ่ง การให้ทานอย่าคิดว่าไม่สำคัญ แต่ว่าการให้ทานมันมีระดับให้ทาน การให้สิ่งของ ทานที่สูงกว่านี้ อภัยทาน ธรรมทาน มันเป็นขั้นเป็นตอน การทำบุญในพุทธศาสนาไม่ว่าทำบุญด้วยวิธีไหน เป้าหมายก็คือละกิเลส ละความโลภ ละความโกรธ ละความหลง เพราะว่าคำว่าบุญ แปลว่า ชำระบาป
ตัวบาปก็คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง ในจิตใจของมนุษย์เรานั่นเอง ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าส่วนตัว ส่วนสังคม ส่วนรวม มาจากกิเลส คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลงทั้งนั้น การทำบุญที่ถูกต้องก็เพื่อละความโลภ ละความโกรธ ละความหลง ความโลภเนี่ย อยากได้ ถ้าคนไม่พอ การบริจาคสิ่งของ ปัจจุปัจจัยไทยทานแก่คนยากคนจน โดยเฉพาะพระเจ้าพระสงฆ์ ก็เป็นการละความโลภ มาที่ความโกรธ อภัยทาน ความหลง ก็ละด้วยปัญญา เป็นการปฏิบัติในพุทธศาสนา เมื่อเช้าก็ตรัสเรื่องการทำบุญมาตามลำดับ ตามที่กล่าวมาแล้ว ทำบุญให้ทานแก่ปุถุชนไม่เท่ากับทำบุญแก่พระอริยะเจ้า แล้วตรัสเรื่อยๆ มา พระองค์ตรัสว่าการทำบุญอย่างนี้ แม้ทำบุญถวายทานในสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข แต่ก็ไม่เท่ากับสร้างกุฏิถวายสงฆ์ในจตุรทิศ การสร้างกุฏิให้พระสงฆ์ได้พัก ได้อยู่อาศัย ถือว่าได้บุญมากกว่าให้ทานอย่างธรรมดา แต่ว่าการทำอย่างนี้ ไม่เท่ากับมีศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อันนี้ไม่ได้เกี่ยวเรื่องวัตถุ เกี่ยวกับเรื่องจิตใจ ชาวพุทธเราที่เป็นชาวพุทธต้องมีศรัทธาเลื่อมใสต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มันมีหลายความหมาย อันที่พวกเราได้ฟังกันอยู่เป็นประจำ หัวใจของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็คือจิตใจของเรานี่เอง ใจที่สะอาด สว่าง สงบ เป็นหัวใจของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ การศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็ไม่เท่ากับมีศีล ศีลเป็นเรื่องที่สำคัญ มันสูงกว่า เราเข้ามาบวช เป็นพระอยู่ได้ก็เพราะมีศีล ถ้าไม่มีศีลเมื่อใด ก็ไม่มีใครช่วยเหลือ ไม่มีใครคบ อยู่ไม่ได้ ถ้าบวชเป็นพระ ทีนี้ละเอียด พระพุทธเจ้าสอนว่า สำรวมในพระปาติโมกข์ ถึงพร้อมด้วยอาจาระและโคจร เห็นภัยในโทษไม่ประมาณแม้เล็กน้อย ศึกษาอยู่ในสิกขาทั้งหลาย... (18.19 เสียงไม่ชัดเจน) ก็ต้องมีสติสัมปชัญญะ ปฏิบัติอยู่ในพระปาติโมกข์ ก็คือวินัยของพระสงฆ์ ถึงพร้อมด้วยอาจาระและโคจร อาจาระ คือ มารยาทที่ดีของภิกษุสงฆ์ จะทำอะไรเหมือนอย่างฆราวาสไม่ได้ โคจร ที่ไหนควรไป ที่ไหนไม่ควรไป ก็ต้องรู้ พระสงฆ์เข้าไปในห้าง ไปซื้อของ ไปเที่ยว ไปทำอะไรต่ออะไร แม้แต่ไปเที่ยวถ่ายรูป มันไม่เหมาะสม ก็ไม่ควรจะทำ ตอนนี้ผมเห็นพระส่วนใหญ่ไปไหนก็มีโทรศัพท์มือถือไปเที่ยวถ่ายโน่นถ่ายนี้ ถ่ายคนถ่ายนี้ มันไม่เรียบร้อย และอย่างที่ผมจะพาพวกเราไปเกาะสมุย วันที่ 8 อันนี้ต้องระวัง ไม่ใช่จะเอาโทรศัพท์มือถือไปเที่ยวถ่ายคนที่เห็น มันไม่ได้ ต้องสำรวม ต้องระวัง พระสงฆ์นี่ไปที่ไหนคนเขาก็เห็น เรามีจีวรเหลืองๆ ห่มอยู่ที่ร่างกาย จะทำอะไรต้องระวัง ถ้าทำไม่ถูกต้องมันเสียหายส่วนรวม เสียหายต่อพระพุทธศาสนา ศีลมันเป็นเรื่องที่สำคัญ พระพุทธเจ้าตรัสว่าถ้าศีลดีก็จะไม่มีเรื่องเดือดร้อน ไม่มีวิปะติถา... (ไม่ยืนยันตัวสะกด) ไม่มีความเดือดร้อน จิตใจก็ปราโมทย์ ปิติ ปกติสุข สมาธิ มีจิตเป็นสมาธิ ยถาภูตะ ญาณาทัสสะนะ เห็นสังขารตามที่เป็นจริง นิพพิทา วิราคะวิมุต ศีลรักษาให้ดี ไม่ว่าบวชเก่าบวชใหม่ เหมือนกันหมด พระพุทธเจ้าตรัสว่าการมีศีลบุญก็มาก แต่สูงกว่าศีลยังมีอีก ก็คือเจริญเมตตา พระสงฆ์ต้องมีเมตตาอยู่เป็นพื้นฐาน ในทางรักผู้อื่น รักสัตว์โลก รักเพื่อนเกิด แก่ เจ็บตาย ถ้ามีเมตตา ความโกรธ ความหงุดหงิดในจิตใจมันก็ไม่มี มันลดลง เราโกรธ เราไม่พอใจ ก็คิดว่ามันเป็นเราเป็นเขา มีตัวมีตน คือไม่มีปัญญาที่จะมองให้เห็นตามความเป็นจริง ก็แผ่เมตตา พระพุทธเจ้ามีเมตตา ไม่มี... (21.31 เสียงไม่ชัดเจน)กับสัตว์โลกที่มุ่งร้ายต่อพระองค์ เช่น พระเทวทัต ท่านก็มีเมตตาเสมอกันกับพระราหุล พระนางพิมพา มีการกล่าวเอาไว้ในพระคัมภีร์อย่างนี้ เมตตายังไม่เท่ากับเจริญอนิจธรรมหยาบ อนิจธรรมหยาบคือเห็นว่าสังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง นี่เป็นวิธีทำบุญในพระพุทธศาสนา
ดังนั้นวันส่งตายาย ญาติโยมทั้งหลายจะพาอัฐิกระดูกกันมาให้พระบังสุกุล กระดูกก็คือกระดูกของคนที่ตาย ใส่โกศกันมา ใส่โถ ใส่อะไรกันมา ให้พระมาพิจารณาบังสุกุล พวกเราก็ได้มีโอกาสที่จะได้ทำประโยชน์ ดังนั้นต้องไม่ประมาท ญาติโยมมากันมากๆ เราเป็นพระสงฆ์อยู่ในวัด ต้องให้ญาติโยมเกิดศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา การทำบุญในพระพุทธศาสนาจึงมีหลายแบบ โดยย่อคือ ทาน ศีล สูงสุดก็คือภาวนา พวกเรามาบวชเป็นพระ มีโอกาสได้บำเพ็ญบุญ บำเพ็ญกุศล เรียกว่ามากกว่าฆราวาส เพราะฆราวาสต้องมีภาระหน้าที่ ทำงานทำการ เลี้ยงครอบครัว หาเงินให้เขา เวลาที่เจริญสมาธิภาวนามันน้อย พวกเราอยู่ที่นี่มีโอกาสมาก
งั้นเวลาต่อไปนี้ก็ขอให้ปฏิบัติกัน อบรมสมาธิภาวนา จิตใจมีสมาธิขึ้นมาก่อน เมื่อจิตใจมีสมาธิก็พิจารณาอนิจธรรมหยาบ เห็นว่าสังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง สังขารทั้งหลายทั้งปวงเป็นทุกข์ ธรรมทั้งหลายทั้งปวงไม่ใช่ตัวตน ถ้าใครทำได้ จิตใจว่างจะรู้สึกว่างจากความรู้ว่าตัวตน พระนิพพานก็ปรากฏขึ้นมา นี่คือได้ผลในการเข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา แม้จะเป็นชาวพุทธ อุบาสก อุบาสิกาก็มีเป้าหมายอย่างเดียวกัน คือ ทำให้ทุกข์มันลดลงๆ เมื่อทุกข์มันลดลง อะไรจะเกิด มันก็เกิดความสุขนั่นเอง เป็นความสุขสงบ อันเกิดจากสมาธิ สุขที่เกิดจากเจริญสติปัญญา ในกาลต่อไปก็ปฏิบัติกันเล็กๆ น้อยๆ