แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ต่อไปนี้ก็ขอให้พวกเราที่เป็นพระสงฆ์ทุกรูป ทุกองค์ รวมทั้งแม่ชี อุบาสก อุบาสิกา ที่นั่งอยู่ ณ บริเวณนี้ก็ตั้งใจที่จะปฏิบัติธรรมในเวลาที่ดีที่สุด ความหมายของการปฏิบัติธรรม เพื่อปฏิบัติให้เกิดกุศลธรรมเพิ่มขึ้นๆ สูงสุดก็คือ พระนิพพาน นิพพานะปริโยสานา พรหมจรรย์ 10 อย่าง เป็นหัวใจของการปฏิบัติธรรม พระเดชพระคุณท่านอาจารย์พระพุทธทาส ท่านนำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาพูดเรื่องพรหมจรรย์ 10 อย่าง ตั้งต้นจาก ฉันทมูลกา (ฉัน-ทะ-มูน-ละ-กา), มนสิการสัมภวา (มะ-นะ-สิ-กา-ระ-สัม-ภะ-วา), ผัสสสมุทยา (ผัด-สะ-สะ-มุด-ทะ-ยา), เวทนาสโมสรณา (เว-ทะ-นา-สะ-โม-สะ-ระ-นา), สมาธิปมุขา (สะ-มา-ธิ-ปะ-มุ-ขา), สตยาธิปเตยยา (สะ-ตะ-ยา-ธิป-ปะ-เตย-ยา), ปญญตตรา (ปัน-ยุด-ตะ-รา),
วิมุตติสารา (วิ-มุด-ติ-สา-รา), อมโตคธา (อะ-มะ-โต-คา-ทา), นิพพานปริโยสานา (นิพ-พา-นะ-ปะ-ริ-โย-สา-นา) เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก วาการปฏิบัติธรรมจริงๆ เนี่ยต้องปฏิบัติเมื่อผัสสะ ผัสสสมุทยา ผัสสะนี้เป็นแดนเกิดของมนุษย์เราทุกคนที่เกิดมาก็มี ตา หู จมูก ลิ้น กาย และก็ใจ เรียกว่าอายตนะภายใน อายตนะภายในก็ต้องเกี่ยวข้องกับอารมณ์ที่อยู่ข้างนอกหรือ อายตนะภายนอกตั้งแต่รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และ ธรรมารมณ์ พอตาเห็นกับรูปเป็นอย่างก็เกิด เรียกว่า ผัสสะมาเกิด ผัสสะจึงมี 6 ผัสสะ ผัสสะทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ถ้าไม่มีการปฏิบัติธรรม อกุศลธรรมคือกิเลสก็จะเข้ามา เข้ามาในจิตใจของเราและมาทำลายจิตที่ดีคือจิตประภัสสร ให้มันเกิดเศร้าหมอง คือกิเลสนั่นเอง มันทำให้เป็นทุกข์ กิเลสมีมากมายหลายอย่าง แต่ว่าแม่ของกิเลสก็คือ ราคะ โทสะ และก็โมหะ พอเกิดกิเลส ราคะหรือว่าโลภะ โทสะหรือว่าโมหะ จิตใจก็เศร้าหมองมืดมัว เร่าร้อนเป็นทุกข์ จิตใจเป็นทุกข์ แต่นี่จิตมันเป็นนาย พอจิตมันเสีย มันก็สั่งการให้ออกมาเป็นการกระทำ คำพูด ทางกาย ทางวาจาและเกิดปัญหาในชีวิตของมนุษย์เราไม่ว่าส่วนบุคคลหรือว่าหลายๆคนรวมกัน เป็นส่วนสังคม สังคมเล็ก สังคมใหญ่ที่มีปัญหาทะเลาะวิวาท
ลองตั้งใจฟังความคิดของการอภิปรายเรื่องงบประมาณ 2วันมาแล้ว คำพูดของแต่ละคนเป็นคำพูดที่พิจารณาแล้วไม่ก่อเกิดประโยชน์นั้นมากมายเหลือเกิน เพราะว่ามาจากจิตใจที่ถูกครอบงำด้วยกิเลส มีอคติ ลำเอียง เพราะรักลำเอียง เพราะโกรธลำเอียง เพราะกลัวลำเอียง เพราะเขลา จิตของคนเหล่านี้ยังอยู่ในระดับธรรมดา จิตใจยังไม่ได้เลื่อนให้สูงขึ้นๆ ปัญหาต่างๆเกิดขึ้นในหมู่ปุถุชน ไม่ได้เกิดขึ้นในหมู่พระอริยะเจ้า ในปุถุชนคือคนธรรมดา เกิดมามันเป็นปุถุชนกันมาก่อน ถ้าปุถุชนไม่ได้ยินไม่ได้ฟังธรรมะของพระพุทธเจ้าก็ตกอยู่ใต้อำนาจของกิเลส ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในโลกไม่ว่าส่วนตัวหรือส่วนรวมมาจากความเป็นปุถุชนทั้งนั้น แต่อย่างไรก็ดี ถ้าปุถุชนเหล่านี้ได้ยินได้ฟังธรรมะของพระพุทธเจ้า และสนใจปฏิบัติยกจิตใจสูงขึ้น ก็จะกลายเป็นกัลยาณชน
เมื่ออันจะเป็นอริยบุคคลก็ต้องสนใจปฏิบัติ เครื่องมือที่จะปฏิบัติ ก็คือมีความพอใจ ฉันทะ ฉันทมูลกา (ฉัน-ทะ-มูน-ละ-กา) และธรรมะที่สำคัญอันหนึ่ง คือ มนสิการสัมภวา (มะ-นะ-สิ-กา-ระ-สัม-ภะ-วา) มีการใคร่ครวญพิจารณาโดยแยบคาย หาเหตุหาผลว่าทำไมปัญหามันจึงมีอย่างนี้ ที่ผมฟังดูหลายๆคนพูดถึงความยากจนว่าประเทศนี้ยากจน ผมว่าไม่ใช่ทุกคนยากจน บางคนก็ยากจน ความยากจนมาจากหลายสาเหตุ มาจากเหตุภายนอก มาจากตัวนั้นเอง เหตุภายนอกเช่น ดิน ฟ้า อากาศ ขาดทุนทรัพย์ ขาดการช่วยเหลือส่งเสริม และก็ส่วนหนึ่งมาจากตัวเองเป็นผู้กระทำขึ้น ได้ประกอบอบายมุข ดื่มน้ำเมา เที่ยวกลางคืน ดูการละเล่น เล่นการพนัน คบคนชั่วเป็นมิตร เกียจคร้านทำการงาน นี่เป็นเหตุให้คนยากจน แต่ว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้ยินไม่ได้ฟังธรรมะของพระพุทธเจ้า ไม่ได้ฟังคำสอนของศาสนา ไม่ได้เอามาปฏิบัติ ก็เกิดปัญหายากจน คนเสี่ยงที่จะร่ำรวยเล่นหวย เล่นหุ้น เล่นเบอร์ มันมากมายเหลือเกิน แล้วก็เป็นเหตุให้ยากจน มันหลายสาเหตุ บอกว่าการแก้ปัญหาต้องแก้ไขหลายๆอย่าง ทางบ้านเมืองใช้กฎหมาย และที่สำคัญสุดประเทศไทยเราเป็นเมืองพุทธศาสนา ประชากรของคนไทยนับถือพุทธศาสนาตั้ง 80-90 เปอร์เซ็นต์ แต่ว่าชาวพุทธคนไทยขาดการปฏิบัติจริงๆ การปฏิบัติจริงๆมันมีไม่พอ มันต้องพยายามชักชวนกันให้ปฏิบัติธรรมให้มากขึ้น พุทธศาสนา มีคนถามพระพุทธเจ้าว่า ความทุกข์คนอื่นทำให้ใช่ไหม พระพุทธเจ้าตรัสบอกว่า “ไม่ใช่” ตนเองเป็นผู้ทำขึ้นใช่ไหม พระพุทธเจ้าตรัสบอกว่า“ไม่ใช่” ก็สงสัยว่าความทุกข์มันมาจากไหนหรือว่าความทุกข์ไม่มีเหตุ พระพุทธเจ้าตรัสว่า “มี” ก็ถามว่าความทุกข์มาจากไหน พระพุทธเจ้าบอก มาจาก “อวิชชา” เพราะอวิชชานั่นเองทำให้คนมีความทุกข์ ถ้าทำให้อวิชชามันเกิดไม่ได้ ความทุกข์มันก็มีไม่ได้ แม้แต่ความเจ็บความตายก็เอาชนะได้ด้วยธรรมะของพระพุทธเจ้า
ในฐานะพวกเราอยู่กันที่สวนโมกข์ได้ยินได้ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าอยู่เป็นประจำต้องพยายามปฏิบัติในชีวิตประจำวันโดยเฉพาะเมื่อผัสสะมันเกิดในเรื่องนั้นเรื่องนี้ ก็เรามีความพอใจที่จะปฏิบัติ ก็ต้องใคร่ครวญพิจารณา มนสิการสัมภวา (มะ-นะ-สิ-กา-ระ-สัม-ภะ-วา) ปฏิบัติเมื่อผัสสะและธรรมะที่ทำกันคือ สติ สมาธิ และก็ปัญญา นี่เป็นเครื่องมือ สตยาธิปเตยยา (สะ-ตะ-ยา-ธิป-ปะ-เตย-ยา) สติที่เป็นอธิปไตย ปฏิบัติเพื่อได้สมาธิ สมาธิปมุขา (สะ-มา-ธิ-ปะ-มุ-ขา) ถ้าจิตไม่มีสมาธิมันก็จะไม่เห็นสิ่งทั้งหลายทั้งปวงตามที่เป็นจริง เมื่อมีสมาธิก็พิจารณาสิ่งต่างๆ ก็พิจารณาสังขารนั่นเอง ก็สิ่งต่างๆก็คือสังขาร ไม่มีอะไรเลยที่ไม่ใช่สังขาร ยกเว้นพระนิพพานเท่านั้น แล้วสังขารมันก็ต้องไม่เที่ยง เป็นทุกข์เพราะไม่มีตัวตน ก็ปญญตตรา (ปัน-ยุด-ตะ-รา) ปัญญานี้เป็นสิ่งที่เยี่ยม เป็นสิ่งที่สูง ถ้ามีปัญญาก็ อมโตคธา (อะ-มะ-โต-คา-ทา) หยั่งลงสู่อมตะ คือไม่ตาย ความไม่ตายไม่ได้หมายถึงร่างกายไม่ตาย แต่จิตใจไม่รู้สึกว่ามีผู้ตาย ก็เข้าใจเรื่องอนัตตา เรื่องไม่มีตัวตน และก็จะถึง นิพพานปริโยสานา (นิพ-พา-นะ-ปะ-ริ-โย-สา-นา)
นี่คือเป้าหมายของการปฏิบัติธรรม ถ้าเราปฏิบัติธรรม ชีวิตของเรามันจะมีค่า ไม่ว่ายืน เดิน นั่ง นอน คิด นึก มันมีค่า ถ้าเราไม่มีการปฏิบัติธรรม การเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันมันขาดทุน เราเองก็ไม่ได้ ผู้อื่นก็ไม่ได้ ส่วนรวมก็ไม่ได้ อริยาบถต่างๆ ยืน เดิน นั่ง นอน พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์เป็นพระศาสดา คนศรัทธาพระพุทธเจ้า แม้แต่การที่พระองค์นั่งฉัน พระองค์ฉันอาหาร คนศรัทธา ท่านอาจารย์พุทธทาสเนี่ย เวลาท่านฉันอาหาร ท่านฉันเรียบร้อย มีคนบางคนก็ศรัทธาท่านอาจารย์พุทธทาสเมื่อฉันอาหาร ท่านตักอาหารยกอาหารใส่ปาก เคี้ยว กลืน ท่านเรียบร้อย มีสติสัมปชัญญะ จะวางบาตร จะจับถ้วย จับช้อน จับจาน จับบาตร ท่านเรียบร้อย แต่เราไม่มีการปฏิบัติธรรมคือไม่มีสติ ไม่มีสัมปชัญญะ การขบการฉันคนก็นั่งจ้องนั่งมองอยู่ เพราะฉะนั้นการเป็นพระนี่ต้องระวังให้มาก เพราะการฉันของพระ ต้องพิจารณาตั้งแต่ก่อนฉัน กำลังฉัน ฉันเสร็จแล้ว เพื่อเอาชนะกิเลส การยืนก็เหมือนกัน กายเรายืน ยืนพิจารณาธรรมะดู คนมาเห็น เขาเกิดศรัทธา แม้แต่การเดิน อย่างพระเดินจาริกกันไป พระที่ว่าธุดงค์ เขาศรัทธา เนี่ยผมกลับมาจากเกาะสมุย แล้วก็ตามพระไปดู ต้องขอบใจพระพรหมรีตมากๆ ทำให้ความประสงค์ของผมสำเร็จ เพราะมีความประสงค์ มีความมุ่งหมายว่าเมื่อเขามอบที่ดินที่คุระบุรี อันดามันให้แก่สวนโมกข์ หอจดหมายเหตุแล้ว จะทำให้เกิดประโยชน์ แล้วก็บอกให้เขาทำลานหินโค้งเอาไว้ เขาทำมันจะเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็นัดพบปะ ปรึกษาหารือปฏิบัติธรรมกันอย่างน้อยเดือนละครั้ง แล้วผมก็มีความคิดว่า ถ้าพระในสวนโมกข์ได้เดินปฏิบัติธรรมกันไป เรียกว่าธรรมจาริก เรียกว่า ธรรมยาตรา ก็จะเกิดประโยชน์แก่คนที่พบเห็น จะเกิดประโยชน์แก่วัดต่างๆ เกิดประโยชน์แก่พระที่เดินไป ผมตามไปดู ไปพักอยู่ที่วัดนิโคธาราม เป็นวัดของฝ่ายธรรมยุต ท่านเจ้าอาวาสก็ใจดี ท่านให้พักเรียบร้อย ไปพักที่ป่าช้า ไม่ใช่ป่าช้า เป็นที่ปลงศพ พักกันที่เมรุ ผมไปตั้งที่พักเรียบร้อย มีญาติโยมอุบาสิกาเอาน้ำปานะไปถวาย ผมถามดูว่า
เป็นไงมั่ง บอกว่าสบายดี ทำให้ญาติโยมสนใจ สนใจกันมาก นำน้ำมาถวาย นำอาหารมาถวาย
บิณฑบาตรนี่เหลือเฟือ ได้รับประโยชน์ทั้งฝ่ายพระสงฆ์ที่เดิน มีสามเณรของท่านมานพ พึ่งบวชใหม่ตามไปด้วย เท้าบวม เท้าบวมมาก ผมจะนำกลับมา ไม่ยอมกลับ ก็ปล่อยให้ถึงจุดหมายปลายทางไปกับเพื่อน แล้วก็มีสุนัขตัวหนึ่งตามไปจากสวนโมกข์ ตอนนี้ก็ตามหลังพระไปอยู่ สุนัขตัวนี้ก็เดินตามหลังไปเรื่อยๆ มันเป็นบรรยากาศที่คนประทับใจ ผมว่าปีต่อไปเนี่ยอาจจะมีพระจากวัดชลประทานลงมาด้วย หากว่าได้เดินกัน 30-40 รูป เดินกันไป ผมคิดว่าเป็นการเผยแพร่พระพุทธศาสนาที่ได้ผลดี จะไปนั่งเทศน์ ไปนั่งสอน นั่งบรรยาย บางทีชาวบ้านเค้าก็เบื่อ นี่ก็ระวังเหมือนกันพระสงฆ์เรา พระที่สวนโมกข์เนี่ยถูกคนตำหนิว่าพูดนานเกินไป พูดมากเกินไป การฟังคนอื่นพูดเนี่ย 15 นาที คนก็.. เกินกว่านั้นต้องอดทนแล้ว พวกฝรั่งบอกว่าสมาธิของคนที่จะตั้งใจฟังจริงๆไม่เกิน 15 นาที แม้แต่ว่า พวกที่พูดเป็นคนเก่ง เราศรัทธา ก็ฟังได้ ท่านอาจารย์พุทธทาสพูดครั้งนึง ชั่วโมง 3 ชั่วโมง เราก็ฟังได้เพราะเราศรัทธา แต่ว่าถ้าเราไม่ศรัทธา คนฟังมากเกินก็ไม่ได้ พระสงฆ์เราที่สวนโมกข์ก็ต้องระวัง เพราะรู้มาก เรียนมาก แต่ถ้าไม่รู้จักใช้ ก็ไม่เกิดประโยชน์ เหนื่อยเปล่า สูญเปล่า เพราะฉะนั้นก็ต้องปรับปรุงทุกอย่างให้ชีวิตมันมีประโยชน์ มีค่า การนั่งก็เหมือนกัน ลองนั่งสมาธิดูก่อน อย่างที่พวกเรานั่งสมาธิกันตอนบ่ายโมง บ่าย 2 โมง ไม่ต้องทำอะไร มานั่งสมาธิให้เรียบร้อย คนเขามาก็ศรัทธา แต่ว่าถ้านั่งเล่นอย่างอื่นเขาก็ไม่ศรัทธา การยืน การเดิน การนั่ง การนอน ถ้าปฏิบัติธรรมมันเกิดประโยชน์ตั้งแต่ตัวเอง ตั้งแต่ผู้อื่น ก็ปฏิบัติธรรมเพื่อเอาชนะกิเลส เป้าหมายอยู่ที่พระนิพพาน คือทำให้กิเลสมันหมด ทำให้ความทุกข์มันหมด นี่คือเป้าหมายในแต่ละวัน
ในแต่ละวันเราตื่นขึ้นมาบางเวลาไม่ได้ปฏิบัติธรรมเพื่อเอาชนะกิเลสเลย ก็ปล่อยไปตามเรื่อง ปล่อยให้กิเลส ปล่อยอกุศลธรรมมันเข้ามายังจิตใจ อย่างนี้ไม่ได้ มันหมักหมมเคยชิน มันไปไม่รอด ก้าวหน้าไม่ได้ พระพุทธเจ้าสอนตักเตือนสาวกให้ทำประโยชน์ตัวเอง ทำประโยชน์ผู้อื่น ทำประโยชน์ส่วนรวม ผมก็ขอบใจพวกเราทุกคนที่ร่วมมือกัน การเคลื่อนไหววันๆ หนึ่งนี่ จับไม้กวาดมากวาดขยะดู เราก็ได้ทำประโยชน์ มานั่งสมาธินิ่งๆ ไม่ต้องทำอะไร ก็ได้ประโยชน์ ทำทุกอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน ถ้ามีสติ มีสมาธิ ก็มีประโยชน์ทั้งนั้น แล้ววันนี้ ผมก็ตั้งใจว่าตอนบ่ายจะนั่งรถไปเยี่ยมพระบุรีที่ไปพักที่เขาสก เขาสกเป็นอุทยานแห่งชาติ พระเดชพระคุณท่านอาจารย์พุทธทาสท่านสั่งเป็นพินัยกรรมเอาไว้ว่า หลังจากฌาปนกิจศพของท่านแล้วให้เถ้าถ่านไปโปรยที่เขาสก หลังจากเอาเถ้าถ่านไปโปรย ผมไปถึง 13 ปี พาญาติโยมไป ตอนนี้ไม่ได้ไปเกือบ 20 ปีแล้ว แล้วก็แนะนำให้พระ พรุ่งนี้ไปพักที่เขาสกสักคืนหนึ่ง แล้วก็เดินต่อ พร้อมติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ว่าขออนุญาตเข้าไปพักในอุทยาน วันนี้ผมจะตามไปดู ไปให้กำลังใจ ไปขอบใจ ผมนึกไม่ถึงว่ามีพระที่ต้องการสนองเจตนารมณ์ของผม ก็มาจากท่านสินทองด้วย ท่านสินทองก็ไปแนะนำชักชวนให้กำลังใจที่จะไป พระที่นำไป ท่านจักรี และอีกองค์หนึ่งที่เคยเป็นอาจารย์สอนวิทยาลัยเทคนิคที่มาบวช ท่านมาบอกว่าท่านเดินอยู่บ่อยๆ ท่านก็ไปเนี่ยเป็นพระที่นำไป เพราะว่าได้ผลมาก ฉะนั้น การเดินให้ได้ประโยชน์มันก็มี แม้แต่การวิ่ง ก็เหมือนที่คุณตูนเขาวิ่ง ได้เงินเป็นล้านๆ ทำอะไรที่ทำเพื่อเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมันเกิดประโยชน์
ฉะนั้น ขอให้พวกเรามองเห็น และจะจัดการชีวิตของเราให้เกิดประโยชน์ได้อย่างไร วันพรุ่งนี้ผมต้องเดินทางไปเกาะสมุยอีก ก็ไว้บอกเราที่อยู่ที่สวนโมกข์ เป็นปฐม แม้ อุบาสกอุบาสิกา ช่วยกันรักษาวัดของท่านอาจารย์พุทธทาสเอาไว้ อาจารย์พุทธทาส อาจารย์ทำทิ้งเอาไว้ให้เราได้มาปฏิบัติธรรมกัน มาร่วมกันทำประโยชน์ แล้วก็เวลาต่อไปนี้ก็เล็กๆน้อยๆ ก็ปฏิบัติธรรมเพื่อเข้าใจธรรมะสูงสุด เกิดพระนิพพาน ตั้งใจปฏิบัติกันเล็กๆน้อยๆ