แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
เอาละครับ ต่อไปนี้ก็ขอให้พวกเราที่เป็นพระภิกษุสงฆ์ ญาติโยม แม่ชี อุบาสก อุบาสิกา ที่นั่งอยู่บริเวณนี้จงเตรียมตัวตั้งใจที่จะปฏิบัติธรรมในเวลาที่ดีที่สุดคือเวลาหัวรุ่ง การปฏิบัติธรรมคือการทำที่พึ่งให้แก่ตัวเองนั่นเอง ที่จริงชีวิตของเรามันก็คือตัวธรรมะเป็นตัวธรรมชาติ เป็นสังขารธรรม เป็นสังขตธรรม แต่ว่าถ้าเราไม่มีการอบรมฝึกฝนจิตใจมันก็มีแต่บาปธรรม กิเลสธรรม เข้ามาอยู่ในจิตใจ จิตก็มีปัญหาเลยไม่มีที่พึ่งที่เข้มแข็งที่ถาวร ดังนั้นทำไมคนจึงฆ่าตัวตายกัน เพราะว่าเขาไม่มีที่พึ่ง ชีวิตเป็นสิ่งที่มีค่าแต่ว่าคนมาทำลายชีวิตของตัวเองเสียเพราะว่าจิตใจมันมีบาปมีกิเลสเข้ามาอยู่
เพราะฉะนั้นการปฏิบัติธรรมคือการทำที่พึ่งให้แก่ตัวเอง แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้ตรัสรู้ธรรมแล้วพระองค์ก็ยังเอาธรรมะเป็นที่พึ่ง เคารพธรรม พระองค์ไม่มองเห็นว่าบุคคลใดเลยที่พระองค์ควรเคารพ พระองค์ก็พิจารณาว่าธรรมะที่พระองค์ตรัสรู้นี่แหละเป็นที่เคารพของพระองค์ ดังนั้นธรรมะเป็นสิ่งสำคัญ ชีวิตของเรามันเป็นตัวธรรมะ ถ้าเราไม่เคารพตัวเองเราจะก้าวหน้าได้อย่างไร การที่เราไม่ปฏิบัติธรรมพอพิจารณาแล้วขยะแขยงตัวเองมันก็ไปไม่รอด คนที่เบื่อต่อชีวิตพอพิจารณาถึงชีวิตของตัวเองแล้วรู้สึกขยะแขยงน่าเกลียดน่าชัง ไม่น่าอยู่ ก็ฆ่าตัวตายเพราะว่าเขาไม่ได้สนใจปฏิบัติธรรมนั่นเอง ปล่อยให้กิเลสเข้ามาอยู่ ปัญหาก็เกิด การปฏิบัติธรรมตัวเองก็ได้รับประโยชน์ ผู้อื่นก็ได้รับประโยชน์ ชาวพุทธก็เชื่อกันว่าพอเราปฏิบัติธรรมมีเทวดา พรหม ที่ชอบบุญชอบกุศลจะมาแวดล้อม จะอนุโมทนาสาธุ แต่ว่าถ้าเราปล่อยให้กิเลสพวกภูติผีปีศาจยักษ์มารก็จะเข้ามาอยู่ ชีวิตของเราจะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวของเราเอง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ได้บอกหนทางไว้แล้ว พระองค์สอนสาวกว่าพวกเธอทั้งหลายจงทำตนให้เป็นเกราะ จงทำตนให้เป็นที่พึ่ง ก็คือเจริญสติปัฏฐาน 4 นั่นเอง
การปฏิบัติธรรมที่สำคัญที่สุดคือสติปัฏฐาน 4 สำนักปฏิบัติธรรมต่าง ๆ ที่สอนกันวิธีอย่างนั้นวิธีอย่างนี้ ทุกสำนักปฏิบัติธรรมทุกนิกายของพุทธศาสนา ถ้าสอนเรื่องปฏิบัติธรรมแล้วก็ไม่พ้นจากสติปัฏฐาน 4 ชีวิตของเรามันมีฐานของสติอยู่แล้วแต่ว่าถ้าเราไม่ฝึกให้มีสติสัมปชัญญะสติปัฏฐานมันก็ไม่มี เพราะฉะนั้นเราอยู่กันที่สวนโมกข์เป็นวัดที่พระเดชพระคุณท่านอาจารย์พุทธทาสสร้างขึ้นมาเพื่อให้ภิกษุ อุบาสก อุบาสิกา ได้ปฏิบัติธรรม ถ้าเรามาอยู่ในสวนโมกข์แล้วอยู่อย่างธรรมดาเหมือนอย่างอยู่บ้านอยู่เรือน แต่ละวันแต่ละเวลาปล่อยให้กิเลสเข้ามาอยู่ มันก็ไม่ก้าวหน้าอะไร ฉะนั้นขอให้ทุกคนอย่าได้ประมาทเพราะชีวิตมันเดินทางไปสู่ความแตกดับตลอดเวลา เอาละครับวันนี้ผมไม่ต้องการพูดให้มาก ต้องการใช้เวลาให้มากขึ้นในการอยู่กับสติปัฏฐาน 4 เมื่อเจริญสติปัฏฐาน 4 ก็จะทำให้โพชฌงค์ทั้ง 7 มันเจริญ
โพชฌงค์คือองค์แห่งการตรัสรู้ ก็คือการเข้าใจสิ่งที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ คือเรื่องทุกข์ เรื่องดับทุกข์ เข้าใจเรื่องอริยสัจ ทุกข์ เหตุให้ทุกข์เกิด ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ ทางถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ ทุกข์มันมีอยู่แล้ว เหตุให้เกิดทุกข์มันคอยเกิดตลอดเวลา ความดับทุกข์ถ้าไม่ปฏิบัติในหนทางที่จะทำให้ทุกข์ดับทุกข์ก็ดับไม่ได้ สติปัฏฐาน 4 นี้มันเป็นมัชฌิมาปฏิปทา เป็นทางสายกลาง เมื่อเจริญสติปัฏฐาน 4 คุณธรรมอย่างอื่นก็เกิดขึ้นมา เป็นศีล เป็นสมาธิ เป็นปัญญา ก็จะเกิดตามมา ฐานของสติมันก็มีอยู่แล้วคือตามเห็นกายในกาย ตามเห็นเวทนาในเวทนา ตามเห็นจิตในจิต ตามเห็นธรรมในธรรม ตามเห็นกายหมายถึงการตามลม กายลม คำว่ากายแปลว่าหมู่ แปลว่าพวก กายเนื้อหนังประกอบด้วยธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม กายลมก็มีหลายชนิด หายใจเข้า หายใจออก สั้น ยาว หยาบ ละเอียด ก็ตามดูตามรู้ อย่าทำความรู้ว่าเราเป็นผู้ปฏิบัติ ให้มีสติสัมปชัญญะพิจารณาให้เห็นว่านามรูปชีวิตนี้มันเป็นแต่เพียงสังขาร ลมหายใจเข้าออกนี้ก็เป็นกายสังขาร จิตที่คิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ก็เป็นจิตสังขาร ทุกอย่างเป็นสังขารทั้งหมด แต่ว่าถ้าได้อาศัยจิตที่มีสมาธิก็พิจารณาสังขารให้เห็นตามที่เป็นจริงว่าสังขารมันก็ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้จริง ๆ ก็คือเรื่องอนัตตานี่เอง ถ้าใครเข้าใจอนัตตาได้ความทุกข์มันก็ดับลง ๆ พระอรหันต์คือผู้ที่ไม่มีความทุกข์เพราะไม่ยึดมั่นถือมั่นนั่นเอง
เพราะฉะนั้นธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นสิ่งประเสริฐที่สุด ไม่มีอะไรดีกว่านี้ แต่ว่าคนทั่วไปมองไม่เห็นโดยเฉพาะฆราวาสครองเรือน มุ่งมั่นแต่ที่จะหาเงินหาทรัพย์ แล้วการได้ทรัพย์มาก็เป็นของธรรมดา ก็ไม่ได้ว่าร่ำรวยกันทุกคนไม่มียากไม่มีจนไม่มีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจเรื่องสังคม แต่ว่าปัญหาในจิตใจก็ยังมีอยู่ แม้เป็นเทวดาก็ยังดับทุกข์ไม่ได้ถ้าไม่เข้าใจเรื่องสังขารตามที่เป็นจริง ทราบเรื่องสังขารมันก็ต้องไม่เที่ยง ต้องเป็นทุกข์ เพราะไม่มีตัวตน เอาละครับต่อไปนี้ก็ปฏิบัติกัน ตามเห็นกายในกาย ตามเห็นเวทนาในเวทนา ตามเห็นจิตในจิต แล้วในที่สุดก็ตามเห็นธรรมในธรรม ที่ว่าตามเห็นธรรมในธรรมคือตามเห็นสังขาร ลมหายใจเข้าก็เป็นสังขาร เวทนาต่างๆ จะเป็นสุขเวทนาทุกขเวทนาก็เป็นสังขาร ความคิดนึกต่างๆ คิดดีคิดชั่วก็เป็นสังขารทั้งนั้น เพราะสังขารเขาไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน นี่คือตามเห็นธรรมในธรรม เอาละครับตั้งใจปฏิบัติกันต่อไปนี้