แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
เอาละครับ วันนี้เป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 เป็นวันอาสาฬหบูชา เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาวันหนึ่ง วันพรุ่งนี้ก็เป็นวันเข้าพรรษา พวกเราตั้งใจจะมาอยู่จำพรรษาที่สวนโมกข์กันหลาย ๆ รูป พระใหม่ที่บวชขึ้นมาที่สวนโมกข์ก็เกิน 20 รูป นอกนั้นที่มาจากที่อื่นมีความมุ่งมั่นตั้งใจจะมาจำพรรษาที่สวนโมกข์ ในฐานะที่ผมเป็นเจ้าอาวาสผมขอขอบพระคุณ ขออนุโมทนากับพวกเราทุกรูป ผมเองผมมาอยู่ที่สวนโมกข์ที่ผ่านมาก็ 55 ปี พรรษานี้ถ้าผ่านได้ก็เป็น 56 ปี ผมตอนนี้อายุ 87 ปี พระเดชพระคุณท่านอาจารย์พุทธทาสท่านมรณภาพเมื่อท่านมีอายุ 87 ปี ผมตอนนี้จะอยู่ไปได้เท่าไรผมก็รู้ไม่ได้ แต่ผมก็ตั้งใจที่จะทำประโยชน์เท่าที่ผมทำได้ในแต่ละวัน ๆ ผมเป็นชาวเกาะสมุย เกิดที่เกาะสมุย เมื่อผมมีอายุ 80 ปี ผมตั้งใจจะลาออกจากเจ้าอาวาส ผมมาเป็นเจ้าอาวาสที่สวนโมกข์โดยไม่ได้นึกไม่ได้คิดไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาก่อนเรียกว่าเพราะเหตุเพราะปัจจัย พระเดชพระคุณท่านอาจารย์พุทธทาสท่านจัดให้ผมเป็นเจ้าอาวาสก็เพราะรับผิดชอบเรื่อยมา พระเดชพระคุณท่านอาจารย์พุทธทาสต้องการให้ผมเป็นเจ้าอาวาสเมื่อท่านมีอายุ 80 ปี ผมก็คิดจะปฏิบัติตามท่านบ้าง 80 ปีก็ลาออกจากเจ้าอาวาส เพราะว่าผมมีภารกิจที่ไปทำที่ปฏิบัติธรรมที่เกาะสมุยที่ผมให้ชื่อว่าทีปภาวัน ประมาณ 15 – 16 ปีที่ผ่านมา พอผมลาออกได้ประมาณ 3 ปี ท่านเจ้าอาวาสองค์ใหม่ ท่านสุชาติ ที่อยู่เป็นเวลานานเหมือนกัน ท่านก็บอกว่าท่านสุขภาพก็ไม่ค่อยดี งานก็หนักสำหรับท่าน ท่านขอลาออก ท่านมาเสนอในที่ประชุมสงฆ์ขอให้ผมมารักษาการณ์ใหม่ ผมเห็นว่าวัดสวนโมกข์เป็นวัดของพระเดชพระคุณท่านอาจารย์พุทธทาสต้องช่วยกันดูแลรักษา ผมก็ยินดี มารักษาการณ์เจ้าอาวาสอยู่ได้ประมาณ 2 ปี พอปีที่ 3 ได้รับแต่งตั้งใหม่จากท่านเจ้าคณะภาคเป็นเจ้าอาวาสเต็มตัวอีกครั้งหนึ่งแต่เป็นครั้งที่สอง แล้วอายุมันก็มากขึ้นๆ แล้วที่ทีปภาวัน เกาะสมุย ก็มีกิจกรรมตลอด อบรมคนตลอด เดี๋ยวนี้อบรมฝรั่งเดือนหนึ่ง 3 ครั้งด้วยกัน อบรมคนไทยครั้งหนึ่ง นอกนั้นก็มีคณะนั้นคณะนี้ขึ้นไปปฏิบัติธรรม ถ้าผมลงไปอยู่ที่เกาะสมุยก็ไปปฏิบัติธรรมร่วมกับเจ้าคณะอำเภอ พระครูสิริทีปคุณากร ปฏิบัติทุกวันก็ว่าได้ แล้วเมื่อวานผมกลับมาค่ำแล้ว วันนี้ก็เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ปกติผมไปเกาะสมุยเดือนละ 2 ครั้ง ถ้าในพรรษาก็ลาพรรษาไป วันที่ 12 กลับมาวันที่ 17 วันที่ 20 กลับมาวันที่ 26 แต่เนื่องจากเดือนนี้วันอาสาฬหคือวันนี้วันที่ 16 ผมก็มาเมื่อวาน วันพรุ่งนี้เป็นวันเข้าพรรษา อธิษฐานพรรษา กิจกรรมวันนี้ก็มีทั้งวัน ตอนเช้าวันนี้มีการตักบาตรสาธิตญาติโยมก็มาทำบุญในวันอาสาฬหบูชากัน บ่ายโมงบ่ายสองโมงก็จะมีการเจริญสมาธิภาวนากันที่ลานหินโค้ง
วันนี้ผมจะลงมาร่วม มานำสมาธิ ตอนบ่ายก็ขึ้นไปฟังธรรมบนเขาพุทธทองซึ่งเป็นเขตพัทธสีมาของวัดนี้ ฟังพระธรรมเทศนาของท่านอาจารย์พุทธทาสที่บันทึกเอาไว้แล้วภาคค่ำก็ฟังอีกกัณฑ์หนึ่งของท่านอาจารย์ แล้วก็ญาติโยมที่มาร่วมก็เสวนาธรรมกันจนกระทั่งเที่ยงคืน พอเที่ยงคืนไปแล้วก็ให้พระสงฆ์มาช่วยกันบรรยายธรรมะ จนกระทั่งตี 3 ก็มีการแสดงธรรมอีกครั้งหนึ่ง ก็หลายปีมาแล้วนิมนต์ท่านสิงห์ทองเป็นผู้แสดงธรรม นี่เป็นกิจกรรมในวันนี้สำหรับในวันอาสาฬหบูชา วันพรุ่งนี้เป็นวันอธิษฐานพรรษา กลางคืนก็มีการเจริญพุทธมนต์ติดต่อกัน 3 คืน แล้วมีการแสดงธรรมสัปดาห์ละ 3 วัน ก่อนวันพระ วันพระ หลังจากวันพระ เป็นเวลา 3 เดือน สำหรับพระใหม่พวกคุณได้เข้ามาอยู่ทีนี่ก็เป็นพระใหม่อยู่ก็มีความจำเป็นต้องศึกษาพระปริยัติธรรม เรียนนักธรรมแล้วมีการสอบนักธรรม นี่เป็นภาคบังคับ แล้วในพรรษาปีนี้ผมคิดว่าจะพาพระใหม่ที่ไม่เคยไปเกาะสมุยไปพักปฏิบัติธรรมที่เกาะสมุยอย่างน้อย 2 – 3 วัน จวน ๆ จะออกพรรษา พวกเรามาอยู่กันที่สวนโมกข์ สวนโมกข์นี้มาจากพระเดชพระคุณท่านอาจารย์พุทธทาส ถ้าไม่มีท่านอาจารย์พุทธทาสสวนโมกข์ก็มีไม่ได้ ท่านอาจารย์พุทธทาสท่านพูดว่าถ้าไม่มีพระพุทธเจ้าท่านก็มีไม่ได้ ฉะนั้นบุคคลเอกที่ได้อุบัติขึ้นมาบนโลกนี้ก็คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้เกิดพุทธบริษัท ทำให้เกิดศาสนวัตถุวัดวาอารามเต็มไปหมดทั่วโลก ทำให้เกิดศาสนพิธีที่เกี่ยวกับพุทธศาสนา ทำให้เกิดศาสนธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ทำให้มีวิธีปฏิบัติ ทำให้ได้เข้าใจธรรมะที่พระองค์ตรัสรู้ ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ มาจากพระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสไว้ว่าในโลกมนุษย์นี้ถ้าไม่มีพระอาทิตย์ไม่มีพระจันทร์ก็จะไม่มีกลางวันกลางคืน มีแต่ความมืด ไม่มีกลางคืนและกลางวัน แต่พอพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาในโลกก็เหมือนกับมีพระอาทิตย์ปรากฏขึ้นมาก็มีกลางวัน กลางคืนก็มีพระจันทร์ส่องแสง หมายความว่ามีคนสามารถเข้าใจธรรมะที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ได้จิตใจก็สว่างไสวเอาชนะกิเลสได้คือพระอริยเจ้าสูงสุดคือพระอรหันต์ แต่มีบุคคลจำนวนมากแม้พระพุทธเจ้าจะอุบัติขึ้นบนโลกนี้แล้วก็ยังเหมือนกับกลางคืนอยู่ จิตใจยังมืดบอดด้วยอำนาจของกิเลส อวิชชาความไม่รู้ ตัณหาความอยาก อุปาทานความยึดมั่นถือมั่นอยู่ ก็ยังมีอยู่ในโลกนี้ อย่างไรก็ดีธรรมะของพระพุทธเจ้ายังส่องสว่างตลอดเวลา ปุถุชนคนธรรมดาดำเนินชีวิตผิดหนทางก็เป็นทุกข์เดือดร้อนแต่ก็ไม่แน่อาจจะกลับมาหาแสงสว่างคือธรรมะของพระพุทธเจ้า ในครั้งพุทธกาลก็มีหลาย ๆ คนที่เคยมีปัญหาชีวิตต้องอาศัยธรรมะของพระพุทธเจ้าทำให้พบหนทาง พระพุทธเจ้าได้ตรัสว่าธรรมะที่พระองค์ทรงแสดงเหมือนกับหงายของคว่ำ เหมือนดั่งเปิดของที่ปิด เหมือนอย่างส่องแสงสว่างไปในที่มืดบอกทางแก่คนหลงทาง เพราะฉะนั้นพวกเรามาอยู่ที่สวนโมกข์ต้องมีความมุ่งมั่นตั้งใจรู้จักเข้าใจธรรมะของพระพุทธเจ้า วันอาสาฬหบูชาเป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงธรรมะที่พระองค์ตรัสรู้แก่พระปัญจวัคคีย์ครั้งแรกคือปฐมเทศนา ตามเรื่องราวของพุทธประวัติหลังจากพระองค์ตรัสรู้แล้วพระองค์เสวยวิมุตติสุขเป็นเวลาหลายวัน รอบๆ ต้นโพธิ์
พระองค์ไปประทับที่นั่นที่นี่เสวยวิมุตติสุขแล้วพระองค์ก็มาพิจารณาว่าธรรมะที่พระองค์ตรัสรู้ลึกซึ้งเหลือเกินยากที่คนทั่วไปจะเข้าใจได้ พระองค์ก็น้อมพระทัยในการที่ไม่แสดงเพราะรู้สึกว่าจะเหนื่อยเปล่า แล้วเพราะอาศัยพระมหากรุณาธิคุณในพระทัยของพระองค์ พระองค์ก็พิจารณาใหม่ ทั่วไปพูดกันว่าพรหมมาอาราธนา แต่ว่าโดยธรรมาธิษฐานก็คือพระหฤทัยของพระพุทธเจ้านั่นเอง พรหมก็คือเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา พรหมที่เป็นเทวดาเป็นพรหมนี้ก็พูดแบบบุคคลาธิษฐาน ธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแบบบุคคลาธิษฐานคือเอาบุคคลเป็นที่ตั้ง แบบธรรมาธิษฐานคือเอาความรู้สึกในจิตใจเป็นที่ตั้ง เมื่อพระองค์พิจารณาใหม่ก็เห็นว่าบางคนอาจจะเข้าใจได้ บางคนอาจจะเข้าใจไม่ได้ เหมือนอย่างบัว 4 เหล่า ดอกบัวที่เกิดในสระน้ำ บางประเภทอยู่เหนือน้ำแล้วพร้อมที่จะบานเมื่อถูกแสงอาทิตย์ก็บานได้ทันที ดอกบัวบางเหล่าโผล่ขึ้นเหนือน้ำแล้วก็พร้อมที่จะบานในวันต่อไป ดอกบัวบางเหล่ากำลังอยู่ในน้ำอย่างนี้เป็นต้น พระองค์ก็ตัดสินพระทัยว่าจะแสดงธรรม ก็นึกถึงคนนั้นคนนี้ว่าใครบ้างที่จะเข้าใจธรรมะของพระองค์ได้ ก็นึกถึงอาฬารดาบสกับอุทกดาบสที่พระองค์เคยไปอยู่อาศัยศึกษาได้รับความรู้จากดาบส 2 ตนนี้แต่ปรากฏว่าได้ตายไปเสียแล้ว อาฬารดาบสตายไปแล้ว 7 วัน อุทกดาบสตายแล้วเมื่อวาน พระองค์ก็ทรงอุทานว่าน่าเสียดายถ้าดาบส 2 ตนนี้ได้ฟังธรรมของพระองค์ก็คงจะเข้าใจได้ ก็มานึกถึงปัญจวัคคีย์ที่เคยเฝ้าปรนนิบัติพระองค์ตอนที่พระองค์บำเพ็ญทุกรกิริยา อัตถกิลมถานุโยค ทรมานร่างกาย แล้วพระโพธิสัตว์สิทธัตถะพิจารณาเห็นว่าการทรมานร่างกายไม่มีประโยชน์พระองค์ก็ทรงเลิกแล้วหันมาเสวยพระกระยาหารตามปกติ พวกปัญจวัคคีย์เหล่านี้เห็นว่าพระโพธิสัตว์สิทธัตถะเป็นคนมักมากอย่างใหญ่คงไม่มีทางที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าก็หนีไปอยู่เสียที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ทำไมปัญจวัคคีย์ 5 รูป โกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ และอัสสชิ ได้บวช ก็เพราะว่าโกณฑัญญะเป็นพราหมณ์หนุ่มตอนที่พระโพธิสัตว์สิทธัตถะราชกุมารยังทรงพระเยาว์ที่พระเจ้าสุทโธทนะเชิญพราหมณ์ให้มาดูลักษณะแล้วก็ทายลักษณะของพระราชกุมารคือพระโพธิสัตว์สิทธัตถะ พราหมณ์หนุ่มคือโกณฑัญญะพยากรณ์ว่ามีทางเดียวคือพระโพธิสัตว์สิทธัตถะต้องออกบวชต้องเป็นพระพุทธเจ้าแน่นอน ส่วนพราหมณ์คนอื่นเขาพยากรณ์เป็น 2 อย่างว่าถ้าออกบวชก็เป็นพระพุทธเจ้าแต่ถ้าอยู่ครองฆราวาสจะเป็นจักรพรรดิ์ แต่พราหมณ์หนุ่มโกณฑัญญะพยากรณ์ว่าพระโพธิสัตว์สิทธัตถะต้องออกบวชเป็นพระพุทธเจ้าแน่นอน
ดังนั้นพอทราบข่าวว่าพระโพธิสัตว์สิทธัตถะออกบวชก็เลยชักชวนลูกของพราหมณ์ที่มาร่วมพยากรณ์ในครั้งนั้น ได้มา 4 คน วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ และอัสสชิ เรียกว่าปัญจวัคคีย์ มาปรนนิบัติอยู่ ตอนหลังเมื่อพระโพธิสัตว์สิทธัตถะเลิกจากการปฏิบัติทรมานร่างกายก็ไปอยู่ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน พระพุทธเจ้าก็ตามไปโปรด พวกนี้ก็สัญญากันว่าถ้าพระโพธิสัตว์สิทธัตถะมาก็อย่าต้อนรับ ทั้งนี้ก็เพราะเขายังไม่รู้ว่าพระโพธิสัตว์สิทธัตถะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว เป็นโคตมพุทธะแล้ว แต่เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จเข้ามาใกล้พวกนี้ก็ลืมสัญญาเพราะเคยปรนนิบัติมาหลายปี มาต้อนรับแล้วพระองค์ทรงแสดงธรรมให้ฟัง การแสดงธรรมครั้งแรกที่พระองค์แสดงเรียกว่าธรรมจักรกัปปวัฒนสูตร เหมือนอย่างหมุนจักรที่ใครต้านทานไว้ไม่ได้จักรนี้ หัวใจสำคัญคือทางสายกลาง พระพุทธเจ้าแสดงธรรมว่าสิ่งที่ไม่ควรข้องแวะคือทางสุดโต่ง 2 อย่าง กามสุขัลลิกานุโยค หมกมุ่นเมามัวในกามทั้งหลาย ดับทุกข์ไม่ได้ อีกอันหนึ่งอัตตกิลมัตถานุโยคคือการทรมานตนให้ลำบากก็ดับทุกข์ไม่ได้ ต้องปฏิบัติในทางสายกลางมัชฌิมาปฏิปทาจะทำให้เข้าใจความจริงอันประเสริฐเรียกว่าอริยสัจ คือจะเข้าใจเรื่องทุกข์ เหตุให้ทุกข์เกิด ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ ทางถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ พระองค์ก็แสดงธรรมจบ โกณฑัญญะก็เข้าใจธรรมะที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ก็บรรลุธรรมระดับโสดาบัน
พระอริยเจ้านี้มีอยู่เรียกว่าโสดาบัน สกทาคามี อนาคามี พระอรหันต์คือสูงสุด มนุษย์เราเกิดมาตั้งต้นชีวิตที่ปุถุชนกันก่อนทั้งนั้น เป็นพวกที่หนาไปด้วยกิเลส แต่เมื่อปุถุชนได้ฟังธรรมะของพระพุทธเจ้าก็เลื่อนชีวิตขึ้นมาอย่างน้อยก็เป็นกัลยาณชน กัลยาณปุถุชน แล้วเลื่อนอีกทีหนึ่งก็เป็นพระอริยเจ้า พระอริยเจ้าขั้นต้นคือพระโสดาบัน คือขั้นเข้าใจธรรมะว่า ยํ กิญฺจิ สมุทยธมฺมํ สพฺพนฺตํ นิโรธธมฺมนฺติ (ยัง กิญ จิ สมุทะยะธัมมัง สัพพันตัง นิโรธะ ธัมมันติ) สิ่งใดมีการเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา คือเข้าใจกฎพระไตรลักษณ์ คือเรื่องอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นั่นเอง อนิจจังคือความไม่เที่ยง ทุกขังคือความเป็นทุกข์ อนัตตาคือความไม่มีตัวตน มันอยู่ในชีวิตของทุกคนคืออยู่ในชีวิตของเรานั่นเอง เพราะฉะนั้นวันนี้เป็นวันสำคัญเป็นวันประวัติศาสตร์ของพระพุทธศาสนา เพราะหลังจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วก็แสดงธรรมเป็นครั้งแรก ถ้าสมมติว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วแต่ไม่แสดงธรรมพุทธศาสนาจะมีอย่างนี้ไม่ได้ เหมือนอย่างพระปัจเจกพุทธะที่เข้าใจธรรมะแล้วไม่แสดงธรรม คนก็ไม่ได้รับประโยชน์ แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วพระองค์ก็แสดงธรรมให้คนอื่นเข้าใจได้ด้วย เพราะฉะนั้นวันนี้ขอให้พวกเราตั้งใจเตรียมตัวที่จะรับแสงสว่างจากธรรมะที่พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงเอาไว้ คือเข้าใจว่าทุกข์เป็นอย่างไร เหตุให้ทุกข์เกิดเป็นอย่างไร ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์เป็นอย่างไร ทางถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์เป็นอย่างไร ก็คือเป็นการปฏิบัติบูชา วันนี้ญาติโยมเอาดอกไม้ธูปเทียนมาเวียนประทักษิณเป็นอามิสบูชา แต่พระพุทธเจ้าสรรเสริญการปฏิบัติบูชา โดยเฉพาะวันพรุ่งนี้ก็เข้าพรรษาขอให้พระใหม่ที่เตรียมตัวจะมาอยู่ในพรรษาก็เตรียมจิตเตรียมใจไว้ เข้าพรรษาเป็นเวลา 3 เดือน ฤดูฝนก็เพื่อจะปฏิบัติธรรม ประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ตัวพรหมจรรย์ก็คือตัวอริยมรรค สัมมาทิฏฐิ เห็นชอบ สัมมาสังกัปโป ดำริชอบ สัมมาวาจา พูดจาชอบ สัมมากัมมันโต การงานชอบ สัมมาอาชีโว เลี้ยงชีวิตชอบ สัมมาวายาโม เพียรชอบ สัมมาสติ ระลึกชอบ สัมมาสมาธิ ตั้งใจมั่นชอบ นี่คือตัวพรหมจรรย์ หัวใจสำคัญก็คือศีล สมาธิ ปัญญา นั่นเอง สัมมาวาจา พูดจาชอบ สัมมากัมมันโต งานชอบ สัมมาอาชีโว นี่คือพวกศีล สัมมาวายาโม เพียรชอบ สัมมาสติ ระลึกชอบ สัมมาสมาธิ นี่เป็นพวกสมาธิ สัมมาทิฏฐิ เห็นชอบ สัมมาสังกัปโป ดำริชอบ นี่เป็นปัญญา
ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นสิ่งที่เรามาบวชในพุทธศาสนาต้องปฏิบัติให้เคร่งครัด หัวใจสำคัญของทางสายกลางคือสมถะและวิปัสสนา ดังที่พระพุทธเจ้าท่านว่า สมโถ จ วิปัสสนา จ มัชฌิมาปฏิปทา เวลาต่อไปนี้เราก็จะปฏิบัติเจริญสมาธิภาวนา พวกเราเข้ามาบวชในพระพุทธศาสนาโดยเฉพาะมาอยู่ที่วัดสวนโมกข์นี้มีเวลามาก ถ้าสนใจก็จะได้ปฏิบัติเจริญสมถะและวิปัสสนาได้มาก ถ้าเป็นฆราวาสมันยุ่งเรื่องงานอย่างอื่น การปฏิบัติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ถ้าเป็นฆราวาสมันยากเหมือนอย่างเอาหอยสังข์มาขัดให้ขาว มันทำได้ยาก ไม่เหมือนกับมาบวช ขอให้พวกคุณได้ตั้งใจที่จะมาอยู่ที่สวนโมกข์ให้ได้รับประโยชน์ดังเช่นพระเดชพระคุณท่านอาจารย์พุทธทาสให้ชื่อที่นี่ว่าโมกขพลาราม อารามคือสวนป่า พละคือกำลัง โมกขคือจิตใจที่เกลี้ยงเกลาสงบเย็น คือพ้นจากความทุกข์พ้นจากกิเลสนั่นเอ
ธรรมะของพระพุทธเจ้าที่พระองค์ตรัสไว้โดยย่อคือพระองค์สอนให้เข้าใจเรื่องทุกข์แล้วทำให้ทุกข์มันดับ ทำให้ทุกข์มันหมด ส่วนที่สำคัญที่สุดมาจากอวิชชา ตัณหา และอุปาทาน คือมายึดมั่นสำคัญว่าชีวิตที่เรามีนี้เป็นตัวเป็นตน นั่นแหละความทุกข์มันมาที่ตรงนี้ ฉะนั้นเมื่อเจริญสมถะอบรมจิตให้ได้สมาธิแล้วก็มาพิจารณาเห็นตามที่เป็นจริง จิตที่เป็นสมาธิก็จะเข้าใจ ยํ กิญฺจิ สมุทยธมฺมํ สพฺพนฺตํ นิโรธธมฺมนฺติ สิ่งใดมีการเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา คือเรื่องเหตุ เรื่องปัจจัย เรื่องอิทัปปัจจยตา ขอให้พวกคุณเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้วันพรุ่งนี้ตลอดพรรษา 3 เดือน ก็ได้รับประโยชน์จากการมาอยู่ที่สวนโมกข์ จิตใจเกลี้ยงเกลาสงบเย็น เมื่ออยู่กันหลาย ๆ คนต้องมีสติสัมปชัญญะตลอดเวลา ต้องมีขันติอดกลั้นอดทน ต้องมีหิริละอายบาป โอตัปปะกลัวบาป ต้องมีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา อยู่ในจิตใจในชีวิตประจำวัน ตื่นขึ้นมาจนกระทั่งเข้านอนต้องมีที่พึ่งทางจิตใจก็คือพระรัตนตรัย เราเข้ามาบวชเป็นนักบวชในพระพุทธศาสนา ไม่ได้เป็นฆราวาส อุบาสก อุบาสิกา ต้องมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง ความหมายของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ท่านอาจารย์พุทธทาสว่าคือความสะอาด สว่าง สงบ ในจิตใจของเรานั่นเอง นั่นก็คือหัวใจของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ วันหลังถ้าท่านมีโอกาสผมค่อยพูดค่อยบรรยายในฐานะเป็นเจ้าอาวาสต้องรับผิดชอบต่อพวกคุณทุกคนที่เข้ามาอยู่ในวัดสวนโมกข์ มาสังกัดไม่ใช่วัดสวนโมกข์ ปีนี้ผมคิดว่าพระที่สังกัดอยู่ที่วัดสวนโมกข์น่าจะเกือบถึง 100 รูป อยู่ที่นี่จำนวนใหญ่ อยู่ที่พุทธบุตร มาอยู่ที่เกาะสมุย ทีปภาวัน ไม่ได้ขึ้นไปอยู่ที่ตโปทาวัน ที่ผมไปทำที่เอาไว้ในป่าสวนโมกข์นานาชาติก็สังกัดในพรรษาอยู่ที่วัดธารน้ำไหลสวนโมกข์กันทุกรูปทุกองค์ ขอให้พวกคุณตั้งใจมาอยู่ที่นี่ก็ให้มีแต่ความเจริญในธรรมวินัย อย่าทำอะไรให้ผิดพลาดบกพร่องเสียหาย ปัญหาต่าง ๆ มันมาจากกิเลส มาจากราคะความกำหนัด โลภะความโลภ โลหะความโกรธ โมหะความหลง ก็ดูแลจิตใจ จิตเดิมมันเป็นของดี เป็นจิตประภัสสร เป็นจิตผ่องใส ถ้าเรามุ่งมั่นตั้งใจรักษาจิตให้ดีก็ได้รับประโยชน์ ต่อไปก็ปฏิบัติเล็กๆ น้อยๆ ที่นี่ปฏิบัติเจริญสมาธิภาวนาโดยระบบอานาปานสติ ท่านจะมีโอกาสได้ฟังได้อ่านหนังสือต่อไป แล้วก็จะปฏิบัติเล็กๆ น้อยๆ ตอนเช้านี้ อานาปานสติขั้นที่ 1 คือลมหายใจเข้ายาวออกยาว อานะหายใจเข้า อปานะหายใจออก ก็นั่งสมาธิกันอย่างน้อย 5 นาที 10 นาที ตามเวลาที่มี ผมลงไปเกาะสมุยไปนั่งสมาธิกันเกือบทุกวัน ครั้งหนึ่งก็นั่งสมาธิกันครึ่งชั่วโมง ญาติโยมด้วยบางแห่ง 30 คน 40 คน 20 คน 10 คน ก็ปฏิบัติกัน แต่ว่าเราอยู่ที่สวนโมกข์ก็มีเวลาเยอะ กุฏิทั้งหลายเป็นกุฏิกรรมฐานทั้งนั้น
ผมมาอยู่ที่นี่ตั้งใจจะมาช่วยงานท่านอาจารย์เพียง 3 เดือน แต่ตอนนี้อยู่มา 55 ปี ปีนี้ก็ 56 ปี ผมได้รับประโยชน์จากการมาอยู่ที่สวนโมกข์หลาย ๆ อย่าง ได้มาพบกัลยาณมิตรเพื่อนที่ดี ได้มาพบญาติธรรมมากขึ้น ๆ ดังนั้นพวกเรามาอยู่ที่นี่มาเป็นญาติในทางธรรม มาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ พระพุทธเจ้าตรัสว่าถ้าเรามีกัลยาณมิตรเพื่อนที่ดี พรหมจรรย์คือชีวิตประเสริฐก็จะเจริญงอกงาม เอาละครับต่อไปก็ปฏิบัติกัน หายใจเข้าก็ตามลมไป หายใจออกก็ตามลมมา จิตใจมีสมาธิก็ลองพิจารณาถึงบุญคุณของบิดามารดาปู่ย่าตายาย ญาติพี่น้องของเรา เพื่อนเกิดแก่เจ็บตาย ท่านอาจารย์พุทธทาสท่านมีความมั่นคงที่สุดคือเรื่องกตัญญูกตเวที แล้วท่านก็ยังพูดเตือนอยู่ว่า คดสั้น อกตัญญูเสื่อม พวกคุณเข้ามาบวชก็ด้วยมุ่งหวังจะตอบแทนบุญคุณของบิดามารดาก็หลาย ๆ คน ผมเชื่ออย่างนั้น ก็ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบก็จะได้ตอบแทนบุญคุณของบิดามารดา ได้ตอบแทนบุญคุณของญาติพี่น้อง ได้ตอบแทนบุญคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ช่วยกันรักษาพระธรรมวินัยของพระองค์ให้ยังมีอยู่ในโลกนี้ให้เหมือนกับยังมีแสงสว่างส่องให้คนบนโลกได้รู้จักหนทาง เอาละครับปฏิบัติไปกัน หายใจเข้าก็ตามลมไป หายใจออกก็ตามลมมา พอจิตมีสมาธิก็อบรมปัญญาให้พิจารณาเห็นบุญคุณของผู้มีบุญคุณก็เป็นปัญญา แล้วสุดท้ายพิจารณาเห็นว่าบุคคลที่ได้ให้ชีวิตเราคือบิดามารดาปู่ย่าตายายบัดนี้ก็ตายกันไปหมดแล้วเพราะเป็นสังขาร เราเกิดมาก็แก่เจ็บตายเป็นเรื่องของสังขาร สำคัญที่ว่าอย่าไปยึดถือว่าเป็นเราเป็นของเราแล้วความทุกข์มันก็จะน้อยลง ๆ เอาละครับปฏิบัติกันต่อไปนี้