แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
วันนี้เป็นวันตักบาตรเทโวโรหณะ สำหรับพระใหม่หรือว่าพระนวกะ ที่ได้มีโอกาสมาอยู่ร่วมกันที่สวนโมกข์ บางองค์อาจจะลาสิกขา บางองค์อาจจะกลับไปอยู่ที่อื่น เมื่อคืนผมก็ได้พูดไปแล้วว่า การที่พวกเรามาอยู่รวมกันที่สวนโมกข์ในพรรษานี้ ไม่ได้ทำให้ผู้ที่รับผิดชอบคือ เจ้าอาวาส หมายถึงผม มีความหนักอกหนักใจเลยแม้แต่ประการใด ผมก็ขอบอก ขอบใจ ขออนุโมทนาทุกรูป และวันนี้ตักบาตรเทโว กลับไปแล้ว แม้ผมเองก็ต้องเดินทางไปเกาะสมุย เพราะมีภารกิจอยู่ที่นั่น อันว่าพวกคุณ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอยู่ที่นี้หรือจะไปที่ไหน หรือว่าจะเดินธุดงค์กับท่านจักรี ผมก็ยังไม่ทราบ แต่ก็ดีสำหรับผู้ที่จะลาสิกขา ผมก็อยากจะนำคำสอนของผู้ที่จะลาสิกขา ที่พระเดชพระคุณท่านอาจารย์พุทธทาส ท่านเคยอบรมไว้มาพูด เผื่อว่ามีประโยชน์ถึงในที่สุดคือ คำว่าลาสิกขา สิกขานี้มีหลายระดับ สิกขาก็คือศีลนั่นเอง ศีลสำหรับบรรพชิต ที่พวกเราถ้ามาบวชต้องประพฤติปฏิบัติ ศีล 227 สิกขาบท ศีลของแม่ชี อุบาสิกา ที่ต้องถือเป็นประจำ ศีล8 บางคนก็ถือศีล10 เป็นศีลของสามเณร ศีลของชาวพุทธที่เป็นของฆราวาสทั่วไป คือ ศีล5 ศีล5 นี้ถือว่าเป็นศีลสำคัญ เป็นแม่ของศีล10 ศีล227 ศีล311 ศีลของภิกษุณีก็ตั้งอยู่บนศีล5นั่นเอง ในคำว่าลาสิกขาไม่ได้หมายถึงว่าทิ้งไปหมดเลย ไม่สนใจที่จะปฏิบัติศีลใดๆอีกต่อไป ไม่ใช่อย่างนั่น เราออกไปเป็นฆราวาสจะปฏิบัติศีลของพระมันก็ลำบาก ก็ลดลงเหลือเพียง 5 อย่าง คือศีล5 ต้องปฏิบัติในชีวิตฆราวาส พอถึงวันอุโบสถก็สนใจ ต้องการจะให้คุณธรรมยังมั่นคงอยู่ ก็ควรจะเข้าวัดใดวัดหนึ่ง หรือจะมาที่วัดสวนโมกข์ก็ได้ มาถือศีลอุโบสถ ศีลอุโบสถคือ ศีลไม่เอาส่วนเกิน ไม่บริโภคอาหารเกิน ของวิโภชนา เว้นจากการบริโภคอาหาร วิกาลโภชนาในเวลาเที่ยงไปแล้ว ไม่แต่งเนื้อแต่งตัวเกิน ประดับเครื่องตกแต่ง เครื่องหอม เครื่องย้อม เครื่องทา ที่หลับที่นอนมันไม่เกิน นอนบนเสื่อ นอนบนสาด เหล่านี้เรียกว่า ศีลอุโบสถ
เป็นศีลของชาวพุทธที่เป็นคฤหัสถ์ ถ้าปฏิบัติได้อย่างนี้ แม้ออกไปเป็นฆราวาส คุณธรรมที่พระพุทธเจ้าได้ทรงสั่งสอนเอาไว้ในชีวิตของเรา สวนโมกข์เนี่ยเป็นแหล่งธรรมะ พวกเราเข้ามาอยู่ มาศึกษาเรียนรู้พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าและประพฤติปฏิบัติ ผมเชื่อว่าแต่ละองค์ได้รับผลไม่มากก็น้อย ขอให้พวกคุณนำคุณธรรมที่ได้ศึกษาเรียนรู้ไปประกอบอาชีพการงานให้ประสบความสำเร็จ ขอเตือนสำหรับผู้ที่ลาสิกขาว่าต้องประสบความสำเร็จ ท่านเรียกว่า ชนะโลกนี้ ชนะโลกอื่น สูงสุดก็คือเหนือโลก คำว่าชนะโลกนี้ พอคุณออกไปประกอบอาชีพการงานก็ต้องมีทรัพย์ มียศ ชื่อเสียง มีมิตรภาพ ต้องทำให้สำเร็จทุกคน บางคนทำไม่สำเร็จ แม้แต่ทรัพย์สินเงินทอง เรียกว่าไม่สามารถจะหาทรัพย์สินเงินทองให้พอเพียง ไม่ต้องเดือดร้อน ที่ทำไม่ได้ พวกคุณต้องพยายามทำให้ประสบความสำเร็จ มีโภคทรัพย์ การที่จะมีโภคทรัพย์ ต้องเว้นทางเสื่อมแห่งโภคทรัพย์ คืออบายมุข ดื่มน้ำเมา เที่ยวกลางคืน ดูการละเล่น เล่นการพนัน คบคนชั่วเป็นมิตร เกียจคร้านทำการงาน นี่มาบวชอยู่ที่สวนโมกข์ ออกไปเราไม่ประกอบอบายมุข 6 ประการนี้เด็ดขาด และเปิดทางมาโภคทรัพย์ ที่ว่า อุ อา กะ สะ อุฏฐานะสัมปทา ถึงพร้อมด้วยความขยัน ไม่ขี้เกียจแสวงหาโภคทรัพย์ อารักขสัมปทา ได้ทรัพย์มา ต้องรักษาให้ทรัพย์มันอยู่รอดปลอดภัย เพราะว่าเหตุปัจจัยที่จะทำให้ทรัพย์มันสูญเสียหลายอย่าง ไฟไหม้ก็ได้ โจรลักขโมยก็ได้ แม้แต่ปลวกมันมากัดกินทำลายบ้านเรือนสิ่งของก็ได้ ที่สำคัญก็คือตัวเอง ถ้าไปเล่นการพนัน คบคนชั่วเป็นมิตร แล้วก็ทรัพย์สินเงินทองก็จะหมดไป คบคนที่ไม่ได้เป็นมิตรที่แท้จริง คบคนพาลก็เกิดปัญหา อย่างที่มีข่าวเราได้ยินได้ฟังก็บ่อยๆ ไว้ใจเพื่อนคิดว่าเป็นเพื่อนดี เราก็หมดเนื้อหมดตัวเลย ต้องคบแต่คนมีกัลยาณมิตตตา ถ้าเป็นอยู่พอดีสมชีวิตา ถ้ามีมากก็ใช้พอสมควร ถ้ามีน้อยก็ยิ่งประหยัด หาทรัพย์ใช้เวลาคงไม่เกิน 10 ปี จะตั้งเนื้อตั้งตัวได้
ถ้านำหลักธรรมะในพระพุทธศาสนาไปปฏิบัติ เว้นอบายมุขเปิดทางมาแห่งโภคทรัพย์ เรียกว่าสำเร็จ มีทรัพย์ เกียรติยศชื่อเสียง มันมี 2 อย่าง เกียรติยศชื่อเสียง ที่มีการแต่งตั้ง ที่ว่าเรียนจบ มีความรู้ ได้ทำงานรัฐบาล เป็นข้าราชการ ก็ได้รับแต่งตั้งระดับนั้นระดับนี้ เกียรติยศ เกียรติศักดิ์ แต่ว่าเกียรติศักดิ์สำคัญที่สุดคือ คุณงานความดี คุณงามความดีสามรถทำได้ทุกคน มีเมตตา กรุณา เสียสละ มีจิตอาสา ไม่เห็นแก่ตัว เกียรติยศก็จะปรากฏขึ้นมา เพราะฉะนั้น ทุกคนสามารถสร้างเกียรติสร้างชื่อเสียงได้ทั้งนั้น เพราะฉะนั้น แต่ละวันๆ พอตื่นขึ้นมาก็ตั้งใจว่า ชีวิตนี้ต้องมีประโยชน์ ต้องทำอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อเกิดประโยชน์ ประโยชน์ตัวเอง ประโยชน์ผู้อื่น อยู่ที่ไหนทำอย่างนี้ อย่างที่ปู่ย่าตายายท่านสอนไว้ว่า อยู่บ้านท่านอย่าดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น ถ้ามีนิสัยอย่างนี้จะมีคนรักคนชม มีคนสรรเสริญ เกียรติ ชื่อเสียงก็จะเกิดขึ้นเอง เอาไปปฏิบัติทำดู เอาไปปฏิบัติดู มันไม่ยาก และมิตรภาพ มิตรเนี่ยมันมี 3 ระดับ ไม่ได้สูงกว่าเรา มีความรู้ มีฐานะสูงกว่าเรา ก็ต้องรักเรา ส่งเสริมเรา ไม่ตีเสมอกับเรา มีความรู้ความสามารถพอๆกับเรา มิตรที่ต่ำกว่าเรา และมิตรที่ต่ำกว่าเรานี่อย่าดูถูก ว่าเขาไม่มีความสำคัญ
ลองสังเกตดูเดินทางไปที่ไหน จะแวะปั๊มน้ำมัน อันนี้ผมไปเกาะสมุย เดินทางไปๆมาๆ ต้องเข้าห้องน้ำห้องส้วม มีเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดห้องน้ำห้องส้วม ปั๊มน้ำมันก็เหมือนกัน ถ้าไม่มีคนระดับนี้ ผมคิดว่าบริษัทคงอยู่ไม่ได้ ปั๊มน้ำมันไม่มีคนทำความสะอาดห้องน้ำห้องส้วม ก็ไม่มีคนเข้าไปซื้อน้ำมันใช้บริการ แต่ละเที่ยวๆก็ต้องมีพนักงานไปทำความสะอาดห้องน้ำห้องส้วมคอยไปดูไปแล เพราะฉะนั้นอย่าไปคิดว่าคนทำงานแบบนี้ไม่สำคัญ จะว่าสำคัญมาก เป็นยามเฝ้าสถานที่ต่างๆ เป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ผมเนี่ยมีนิสัยสงสารคนประเภทนี้ ที่เขาทำงานระดับธรรมดา มีใครพูดว่า คนมีความรู้มีเกียรติเนี่ยชอบทำสกปรก ไม่สนใจเรื่องความสะอาด สวมรองเท้าเข้าไปในที่ที่ไม่ควรเข้า นั้นก็ทำกันอยู่ ส่วนคนที่ต้องทำความสะอาด ต้องเก็บกวาดต้องทำ กำจัดสิ่งสกปรกปฏิกูล แต่คนประเภทนี้มีความสำคัญ
ผมเคยเอาเรื่องที่ผมเคยได้ยินมาเล่าให้ฟัง ที่นี่ก็เคยเล่าให้ฟัง ว่ามีเพื่อน 2 คน ตอนที่เป็นนักเรียน ก็เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน แต่คนหนึ่งไม่มีทุนที่จะไปเรียน เรียนจบก็แคชั้น ป.4 แต่คนหนึ่งได้ไปเรียนจบมหาวิทยาลัย บ้านอยู่เดียวกันที่เกาะแห่งหนึ่ง ต่อมาคนที่เป็นข้าราชการอยากจะมาเยี่ยมบ้านของตัวเอง ก็นั่งเรือ คนที่เขาเป็นชาวประมงก็ไม่ได้ร่ำไม่ได้เรียนเป็นชาวประมง ก็พอดีเพื่อนที่เป็นข้าราชการกลับมาเยี่ยมบ้านที่เกาะ เขาไม่มีเรือที่มัน...เรือใหญ่มันไม่มีอาศัยเรื่องชาวประมง อาศัยเรือชาวประมงเป็นเพื่อนเดียวกัน เขาขึ้นเรือกันมา เพื่อนที่เป็นข้าราชการก็ถามเพื่อนที่เป็นชาวประมงว่า คุณทำอาชีพอะไร ชาวประมงบอกว่า ก็อย่างที่คุณเห็นนั่นแหละ ผมก็ต้องจับปูจับปลาหาเลี้ยงชีวิต เพื่อนที่เป็นข้าราชการก็พูดขึ้นว่า น่าเสียดาย ถ้าคุณได้เล่าได้เรียนก็คงไม่มาทำอาชีพอย่างนี้ เพื่อนที่เป็นชาวประมงเขาก็ไม่พูดอะไร ก็วิ่งมาวิ่งเรือมาเรื่อยๆ ไม่นานมันมีพายุตั้งเค้าขึ้นมา เพื่อนที่เป็นชาวประมงก็บอกว่า วันนี้พายุน่าจะมาแรง เราคงต้องเตรียมตัวเอาไว้ อาจจะเจอพายุก็ได้ พอไม่นานพายุก็มาถึงเรือจม เรือจมชาวประมงเนี่ยว่ายน้ำเก่ง แต่เพื่อนที่เป็นข้าราชการว่ายน้ำไม่เป็น อาศัยเพื่อนที่เป็นชาวประมงช่วยชีวิตพาขึ้นฝั่งได้ ตอนหลังก็รู้ว่า เนี่ยทุกคนมันมีนะ ความสามารถมีความดี อย่าไปดูถูกเพื่อนที่ต่ำกว่าเรา เอาธรรมะของพระพุทธเจ้าไปใช้
พระพุทธเจ้าก็ได้สอนไว้เสร็จเรียกว่าธรรมะสำหรับที่จะอยู่ร่วมกันในสังคม ให้เพื่อนทุกระดับมารักเรา ส่งเสริมเรา ก็มีหนึ่ง ทาน ปิยวาจา อัตถจริยา สมานัตตา ธรรมะหมดเนี่ย เป็นธรรมะที่สำคัญ เพื่อนบางคนเขายากจนลำบาก เรามีฐานะก็ช่วยเหลือตามสมควร ว่ารู้จักให้ รู้จักแบ่งปัน เพื่อนบางคนเขาไม่ต้องการ เพราะเขามีฐานะดี เขาต้องการคำพูดที่ไพเราะอ่อนหวาน ก็ต้องใช้คำพูดปิยวาจา เมื่อไม่กี่วัน 2-3 วันที่ผ่านมาที่เกาะสมุย ผมพิมพ์หนังสือมาเล่มหนึ่ง เป็นที่ระลึกในการเปิดสำนักงานมูลนิธิทีปภาวัน ผมเอาเรื่องของท่านอาจารย์ที่ท่านพูดไว้บ้าง คำกลอนที่ผมพิมพ์ขึ้นมาบ้าง โดยเฉพาะพระอาจารย์เคยพูดเรื่องการใช้วาจา ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก การใช้คำพูดที่เราพูดกันในชีวิตประจำวัน ต้องรู้จักว่าจะพูดกับคนชนิดไหน พูดอย่างไร เวลาไหน ใช้คำพูดไม่เป็น ปัญหาจะเกิด งั้นเรื่องการใช้คำพูดเนี่ยมันเป็นเรื่องสำคัญ เป็นศิลปะ มีคนหนึ่งเขาไปเรียน จบปริญญาเอก ที่ประเทศอเมริกา เกี่ยวกับจิตวิทยาการใช้ภาษาเนี่ย
ผมได้อ่านก็ได้รับประโยชน์ดีมาก เพราะฉะนั้น เกี่ยวกับเพื่อนเนี่ย ระวังเรื่องคำพูด ปิยวาจา อัตถจริยา บำเพ็ญตนให้เป็นคนมีประโยชน์ อยู่ที่ไหนต้องทำประโยชน์ อย่างที่กล่าวมาแล้ว สมานัตตตา มีตนเสมอกับเขา บางคนอธิบายว่าทำอย่างนี้เสมอต้นเสมอปลาย แต่ว่าในสูตรจริงๆเนี่ย เรามีตนเสมอกับเขา เขามีคุณธรรมระดับนี้ เราก็พยายามยกตัวขึ้น ให้มีคุณธรรมเสมอกับเขา เขาเข้าใจธรรมะ บรรลุธรรมเป็นพระอริยเจ้า เราก็ต้องพยายามพัฒนาตัวเองให้เสมอกับเพื่อน ส่วนสมานัตตตา ถ้าปฏิบัติธรรมหมวดนี้ได้ก็จะได้เพื่อนทั้ง 3 ระดับ เนี่ยคือประโยชน์อย่างโลกนี้ ประโยชน์อย่างโลกนี้มันยังไม่พอ ต้องทำให้สำเร็จ ประโยชน์อย่างโลกอื่น คือโลกสวรรค์ คำว่า สวรรค์ นั้นคือความพอใจ เพราะฉะนั้นในแต่ละวันๆ ต้องทำประโยชน์ให้เกิด เราจะได้มีความพอใจสวรรค์มันเกิด สวรรค์นั่นก็คือความพอใจนั่นเอง สวรรค์ที่อยู่บนฟ้าก็อาศัยปฏิบัติธรรมนั่นเอง ให้ทาน รักษาศีล ภาวนา มันเป็นทางไปสู่สวรรค์
เพราะฉะนั้นตื่นขึ้นมาพยายามมองในแง่ดี อย่ามองแง่ร้าย มองในแง่บวก อย่ามองแง่ลบ จะมองคนมองสัตว์อะไรต่างๆ เหตุการณ์อะไรต่างๆเกิดขึ้น พยายามมองแต่แง่ดี มองแต่ดี มีแต่ได้ไม่มีเสีย พระอาจารย์ได้พูดไว้ เพราะฉะนั้นในบางเรื่องที่เขาบอกว่ามันมีปัญหา ถ้าเราเข้าใจธรรมะ มันไม่มีปัญหา เอาปัญหามาเป็นเครื่องมือ สำหรับไม่มีปัญหา เอาทุกข์มาเป็นเครื่องมือ เพื่อดับทุกข์ เนี่ยเพราะอาศัยธรรมะของพระพุทธเจ้า ท่านอาจารย์พุทธทาส ท่านสอนผู้ที่จะลาสิกขาว่าต้องเอาธรรมะอย่างน้อยหมวดหนึ่งไปปฏิบัติ เรียกว่าฆราวาสธรรม สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ ธรรมบทนี้เป็นธรรมะที่พระพุทธเจ้าสอนแก่ฆราวาส เราท้าทาย ว่าถ้าไปถามสมณพราหมณ์เหล่าใดดูว่า ธรรมะอะไรจะดีกว่าธรรมะที่มี สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 พระองค์ก็ทรงนำธรรมะบทนี้ไปสั่งสอนประชาชนมากทีเดียว เพราะฉะนั้น เราต้องมีสัจจะ ตั้งใจที่จะพัฒนาชีวิตให้ประสบความสำเร็จโลกนี้ โลกอื่น แล้วก็เหนือโลก ธรรมะต้องอดทน ต้องบังคับ ธรรมะที่บังคับตัวเองให้ทำ ต้องใช้ขันติ อดทน แล้วก็ระบายอารมณ์ร้อน อารมณ์ร้าย เรียกว่า จาคะ จาคะมี 2 ความหมาย คือ สละวัตถุสิ่งของ ช่วยเหลือผู้อื่นด้วยจาคะเหมือนกัน แต่ว่าจาคะความหมายที่สูงกว่า คือ สละอารมณ์ร้อนอารมณ์ร้าย แต่ละวันๆอารมณ์ร้อนอารมณ์ร้าย เกิดขึ้นก็สละทิ้งมันไป อย่าเชื่ออะไรง่ายๆ โดยเฉพาะถ้ามีครอบครัว อย่าเป็นคนเชื่อง่าย
บางทีเขายุยงให้แตกแยกครอบครัวก็ได้ ต้องดูให้ดี สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่ามือทำ สิบมือทำไม่เท่าทำไว้ในใจ ดีชั่วอยู่ที่ปาก ทุกข์ยากอยู่ที่มือ อย่างนี้เป็นต้น นี่คือสุภาษิตไทยๆ นี่เตือนเอาไว้ ฉะนั้นขอให้พวกคุณที่มาอยู่ที่สวนโมกข์เนี่ย นำธรรมะของพระพุทธเจ้าไปใช้ ฆราวาสธรรม เนี่ยก็ไปสอบนักธรรมกันแล้ว สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ ที่สุดพยายามสนใจ เพื่อให้อยู่เหนือโลก เหนือโลกก็คืออยู่เหนือความทุกข์นั่นเอง ก็ต้องเข้าใจ ธรรมะระดับนี้ ก็คือเข้าใจเรื่องสังขาร กับวิสังขาร วิสังขารคือไม่ใช่สังขาร ก็ได้แค่พระนิพพาน เป็นเป้าหมายของชีวิต พุทธบริษัทมีเป้าหมายอยู่ที่นิพพานนั่นเอง เนี่ยการที่จะทำพระนิพพานให้แจ่มแจ้งได้ ต้องเข้าใจเรื่องสังขาร ทุกอย่างไม่นั่นเลยที่ไม่เป็นสังขาร สิ่งมีชีวิต สิ่งไม่มีชีวิตเป็นสังขารทั้งหมด ตลอดชีวิตของเราเป็นรูป เป็นเวทนา สัญญา สังขาร วิญาณาน เป็นสังขารทั้งหมด ถ้าเป็นสังขารมันก็ไม่เที่ยง ทุกอย่างเกิดขึ้นมันมีตั้งอยู่ มีการดับไป มันเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาเราก็รู้ว่าอันนี้เพราะมันเป็นสังขาร มันต้องพลัดพรากจากบุคคลที่เรารัก ทรัพย์สมบัติ สิ่งของ มันอาจจะเกิดปัญหาขึ้นได้ ไฟไหม้ก็ได้ โจรลักขโมยก็ได้ น้ำท่วมก็ได้ แต่ว่าจิตใจไม่เป็นทุกข์ถือโอกาสเอาเหตุการณ์อย่างนี้มาเป็นเครื่องมือ เพื่อจะดับทุกข์ ก็คือเข้าใจว่ามันเป็นสังขารนั่นเอง พวกคุณมาอยู่ที่สวนโมกข์ มีโอกาสได้ปฏิบัติธรรม เจริญสมาธิ ภาวนา อานาปานสติ ก็ไปปฏิบัติต่อ
อยากจะแนะนำว่าแต่ละวันๆควรจะนั่งสมาธิอย่างน้อยครั้งหนึ่งหรือว่าสองครั้ง ครั้งหนึ่งไม่ควรน้อยกว่า 15 นาที อยู่กับลมหายใจเข้าออก อานาปานสติ อย่างที่เราปฏิบัติ การที่สวนโมกข์เนี่ยต้องรักษาเอาไว้ แล้วก็ต่อยอดให้มันพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เนี่ยคือสิ่งที่ผมต้องการจะพูดกับพระนวกะในวันนี้ ถือว่าเป็นวันสุดท้ายที่ได้อยู่ร่วมกัน หลังจากนี้พวกคุณก็คงจะออกจากที่นี่ไปส่วนใหญ่ ผมก็ต้องขออภัยอีกอย่างหนึ่งคือ ผมจำพวกคุณไม่ได้ ต่อไปมาที่สวนโมกข์ผมก็จำคุณไม่ได้ ต้องขออภัยล่วงหน้า ผมก็ดีใจที่ว่าพวกคุณมาอยู่มาช่วยทำให้สวนโมกข์มันเข้มแข็งอย่างที่ผมพูดไปเมื่อคืน ถ้าสวนโมกข์ไม่มีพระ อยู่กี่รูปสวนโมกข์ก็อ่อนแอ เนี่ยพวกเรามาอยู่กันมากๆ ก็ทำให้สวนโมกข์เข้มแข็ง พวกคุณออกไปเป็นฆราวาส ก็ธรรมที่พระเดชพระคุณท่านอาจารย์พุทธทาส นำธรรมะของพระพุทธเจ้ามาอบรมสั่งสอน เอาไปปฏิบัติ
หนังสือตำราก็หาได้ไปซื้อที่ธรรมทาน เล่มที่มีประโยชน์เอาไปอ่านเอาไปศึกษา ปรมัตถสภาวธรรม หนังสือที่ดีที่สุดมีหลายๆเล่ม อิทัปปัจจยตา นั่นก็เล่มหนึ่งเอาไปอ่านเอาไปศึกษาดูเพิ่มเติม ที่ออกจากพระโอษฐ์ก็มีหลายๆเล่มเอาไปอ่าน บางคนเป็นฆราวาสเขาเก่ง อ่านหนังสือพวกนี้หมดเลยของท่านอาจารย์ ก็น่าอนุโมทนา เอาล่ะเวลาต่อไปนี้ก็ปฏิบัติธรรมกันเล็กๆน้อยๆ และก็เตรียมตัวจะต้องไปช่วยเหลือในการตั้งเก้าอี้ที่หน้าโลงศพทางวิญญาณ พอประมาณ 7โมงกว่าๆ ญาติโยมก็มากัน ประมาณ 8 ก็ญาติโยมก็มาตักบาตรเทโวโรหณะ ก็ไปช่วยเหลือกัน เราอยู่ที่สวนโมกข์ถ้าไม่ช่วยเหลือกันมันคงไม่เป็นอย่างนี้ แล้วก็ขอบอก ขอบใจที่อุบาสกอุบาสิกาช่วยทำความสะอาดห้องน้ำห้องส้วม ช่วยกันกวาดบริเวณวัด ทำให้ดูสะอาด แล้วก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าผู้ที่อยู่สวนโมกข์ไม่ได้เป็นคนขี้เกียจ ไม่ได้เป็นคนเอาเปรียบ เป็นคนที่มีจิตอาสา เป็นคนเสียสละ นี้ก็เพราะเป็นคนปฏิบัติธรรมนี่เอง อย่างไรก็ดี ทุกสิ่งทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงเรื่อย มันเป็นสังขาร เอาความเปลี่ยนแปลงนี้มาเป็นเครื่องมือที่ทำให้ทุกข์ในจิตใจมันน้อยลงน้อยลง ความทุกข์จริงๆในจิตในใจมันมาจากยึดถือ ว่าเป็นเราเป็นของเรานั่นเอง บางคนก็เอาธรรมของพระพุทธเจ้าไปปฏิบัติแล้วก็เรียนรู้และจะเข้าใจว่าจริงๆไม่มีอะไรเป็นของเรา เข้าใจธรรมะนี้ได้ ความทุกข์และชีวิตมันก็ไม่มี ลำดับต่อไปก็ปฏิบัติเล็กๆน้อยๆ 5 นาที