แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
เอาละครับ วันนี้เป็นวันที่ 13 ตรงกับขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11เป็นวันพระ วันธรรมสวนะ วันอุโบสถ สำคัญที่สุด วันนี้เป็นวันปวารณา พอดีตรงกับวันที่ 13 เป็นวันคล้ายกับวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 สวรรคต
วันนี้พวกเราจะมีกิจกรรมมาเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระราชกุศลกันที่ลานหินโค้ง วันพรุ่งนี้เป็นวันตักบาตรเทโวโรหณะ มีญาติโยมมาตักบาตรวันออกพรรษา วันนี้ตอนบ่ายขึ้นไปที่บนโบสถ์เขาพุทธทอง ทำพิธีปวารณาซึ่งกันและกัน ผมต้องขอขอบพระคุณ ขออนุโมทนาต่อพวกเราที่เป็นพระสงฆ์ทุกรูป ไม่ว่าเป็นพระเก่าเป็นพระใหม่ ที่มาจำพรรษาร่วมกันเป็นเวลา 3 เดือน รวมทั้งญาติโยมแม่ชีอุบาสกอุบาสิกา ตั้งใจมาปฏิบัติธรรมในพรรษาเป็นเวลา 3 เดือน มาทำประโยชน์ร่วมกัน จนกระทั่งวันนี้เป็นวันปวารณา วันพรุ่งนี้ก็เป็นวันออกพรรษาตักบาตรเทโวโรหณะ สำหรับพระใหม่ที่ลาราชการมาบวช ก็เป็นข้าราชภัฏ ก็คงมีความจำเป็นต้องลาสิกขา
สำหรับพระใหม่บางรูปที่ยังไม่ลาสิกขา ผมก็อยากจะเชิญชวน มีโครงการๆ หนึ่งซึ่งเกิดขึ้นก็ได้ ไม่เกิดขึ้นก็ได้ ก็ไม่แน่อยู่ที่พวกเราจะร่วมมือหรือไม่ร่วมมือเท่านั้น โครงการพระธรรมจาริก เดินธุดงค์กันไปที่สวนโมกขพลาราม ซึ่งวันที่ 29 ที่ผมกำหนดหมายนัดแนะกันไว้ว่าจะจัดสัมมนากันที่นั่น ระหว่าง คุณ กิตชีวะ ได้มอบที่ดินให้มูลนิธิพุทธทาส 200 กว่าไร่ เป็นที่ที่ดี ผมไปมา 2 ครั้งแล้วผมก็ไปแนะนำว่าให้ทำลานหินโค้งไว้ ผมถามคุณกิต ก็รู้สึกว่าน่าจะเสร็จ ก็น่าสนใจมาก โครงการนี้ถ้าทำได้จะมีประโยชน์หลายๆ อย่าง เป็นประโยชน์ต่อพระสงฆ์พวกเรา ได้เดินจาริกไปคล้ายๆ ครั้งพุทธกาล เราอ่านเรื่องราวของพระพุทธประวัติจะเห็นว่าพระสงฆ์ในครั้งพุทธกาล ออกพรรษาแล้วก็จาริกกันไป ติดตามกันไปเป็นร้อยๆ องค์ พระมหากัสสปะมีบริวารตั้ง 500 องค์ เดินตามกันไป พระอื่น ๆก็มีหลายองค์ที่มีสานุศิษย์ติดตามกันเป็นร้อยๆ องค์ ผมคิดว่าการที่พระสงฆ์เดินกันมากๆ อย่างนี้มันเป็นภาพพจน์ภาพลักษณ์ที่ดี ชวนให้ประชาชนศรัทธาเลื่อมใส ไม่เหมือนกับเดินองค์สององค์ก็มีอยู่เป็นธรรมดา ผมนั่งรถก็เห็นบ่อยๆ พระเที่ยวเดินกันแบบนี้ บางองค์ก็พะรุงพะรังดูไม่เรียบร้อย คนไม่เกิดศรัทธา ถ้าเดินให้มันถูกต้อง ผมคิดว่าได้ประโยชน์แก่ผู้เดินเอง แก่คนผู้ที่พบเห็น ที่ผมเคยนำเดินธุดงค์มาสองครั้ง ผมเดินนำหน้า พระสงฆ์ก็เดินตามหลัง ห่างกันประมาณ 2 เมตร ไม่พูดไม่คุยเดินตามหลังกันไป กำหนดสติสัมปชัญญะ จะกำหนดที่เท้าก็ได้ ยก ย่าง เหยียบ เดินไปเรื่อยๆ พอเหนื่อยก็หยุดนั่งสมาธิ ก็ไม่คุยกัน ประมาณ 15 นาที พอหายเหนื่อยก็เดินต่อ มีญาติโยมได้เห็นชวนลูกชวนหลานมานั่งเคารพกราบไหว้ เอาน้ำมาถวาย ได้รับประโยชน์ดีมาก
พอไปที่วัดใหม่ ญาติโยมเขารู้ว่ามีพระสงฆ์มาพักที่วัดมากๆ เขาก็มากัน ชวนลูกชวนหลานมาทำบุญ ก็เป็นโอกาสให้เราได้พูดธรรมะให้ญาติโยมฟัง หรือว่าเจ้าอาวาสท่านก็พูดให้ญาติโยมฟัง ต้องร่วมมือกับเจ้าอาวาสวัดนั้นๆ ต้องมีแผนต้องตระเตรียม ถ้าไปเดินธรรมดาก็ไม่มีอะไร ถ้าเราเตรียมการก็ต้องประสานงาน เจ้าอาวาสก็ดี ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายก อบต. หรือว่านายอำเภอในเขตนั้นๆ ประสานงานกันไป เขาก็ประกาศให้รู้ว่าจะมีพระสงฆ์มาพักที่วัดนี้ ญาติโยมก็ได้มาทำบุญกันออกไปมากๆมัน มีประโยชน์ ผมพาไปเกาะสมุย คุณก็เห็นได้ว่า แต่ละวัน ๆ มีคนมาทำบุญเต็มศาลาหลายสิบคน ผมไปเกาะสมุย กลับมาเมื่อวานวันที่ 11 ทำพิธีเจริญพุทธมนต์ เปิดสำนักงานมูลนิธิทีปภาวันหลังใหม่ ที่โยมสร้างขึ้นไว้ มีญาติโยมมากันเยอะเป็นร้อยคนได้ ทว่ามากันเรียบร้อยดีได้ประโยชน์ดี ถ้าเราทำอะไรจัดการให้ดี ก็มีประโยชน์ ถ้าไม่จัดการมันก็ไม่เกิดอะไร มันธรรมดาดังนั้น การทำอะไรให้คุ้มค่าเป็นเรื่องที่สำคัญ
พวกเราที่บวชในโครงการปีนี้ก็ครบ 5 ปี ผู้ที่ได้บวชส่วนใหญ่ 5 ปี 5 พรรษา 5 พรรษานี่เป็นเจ้าอาวาสได้ นี่ก็เหลืออยู่หลายๆ รูป อยากจะให้พวกเราสนใจ บวชมา 5 พรรษาแล้ว ต่อไปนี้สามารถเป็นเจ้าอาวาสวัดนั้นวัดนี้ได้
ความเป็นเจ้าอาวาสมันต้องเตรียมตัว มันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ท่านอาจารย์พุทธทาสท่านพูดว่า พระนักเทศน์มีความสำคัญสู้ความเป็นเจ้าอาวาสไม่ได้ แม้แต่พระที่เรียกว่าพระนักปฏิบัติก็มีความสำคัญสู้เจ้าอาวาสไม่ได้ เจ้าอาวาสต้องมีอะไรหลายๆ อย่าง ต้องมีความมุ่งมั่นตั้งใจ โบราณเขาพูดไว้ว่า ทุกกษัตริย์ ทุกหัววัด ทุกพ่อเรือน แม่เรือนมันเป็นภาระ พระมหากษัตริย์นี้เป็นภาระ ต้องรับผิดชอบต่อประชาชนพลเมืองทั้งประเทศ เจ้าอาวาสต้องรับภาระหลายเรื่องในวัด เรื่องเสนาสนะ เรื่องพระที่อยู่ในวัด เรื่องคนที่เข้าวัด แม้แต่เรื่องสัตว์เรื่องต้นไม้ เรื่องอะไรต่างๆ มันต้องรับผิดชอบหลายๆ เรื่อง เสนาสนะ กุฏิ จะพาวัดให้มันเจริญได้อย่างไร ถ้าไม่สนใจมันไปไม่ได้ ดังนั้นความเป็นเจ้าอาวาสนั้นมีความสำคัญ
พวกเราอยู่ที่นี่ บวชมา 5 พรรษา คุณลองคิดนึกดูว่า ถ้าเขานิมนต์เป็นเจ้าอาวาสที่วัดใดวัดหนึ่งคุณจะพาวัดไปได้อย่างไร มันก็ต้องมีความตั้งใจ ผมสนใจคำฝรั่งที่เขาพูดว่า “head heart hand” เฮด(head) นี่มันมีหัว มีวิสัยทัศน์มันจะทำให้วัดเจริญมันทำอย่างไร ต้องมีวิสัยทัศน์ มีหัวคิดเรียกว่า head ฮาร์ท (heart) ต้องทำด้วยน้ำใจ มีความตั้งใจทำ ที่สำคัญนี่ แฮนด์(hand) ต้องใช้มือ ต้องลงมือ ไม่ใช่สั่งการแล้วไม่สนใจมันเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นการที่จะเป็นเจ้าอาวาสนี่มันต้องตั้งใจ นี่พวกเรา 5 พรรษากันแล้ว ก็ลองคิดดูว่า ต่อไปข้างหน้าคุณจะทำอย่างไร อยู่กันที่สวนโมกข์ก็ได้ แต่ว่า 5 พรรษา 6 พรรษา 7 พรรษา 8 พรรษา 9 พรรษา 10 พรรษา แต่ไม่คิดทำอะไรอยู่ไปวันๆ หนึ่ง ผมว่าก้าวหน้าไม่ได้ ดังนั้นการทำงานเป็นการปฏิบัติธรรม ก็ลองคิดๆ กันดู นี่ผมเสนอแนะ สวนโมกข์เป็นวัดของพระเดชพระคุณท่านอาจารย์พุทธทาสท่านสร้างขึ้นมาให้เรามาปฏิบัติธรรม ผมก็ต้องขอบใจที่พวกคุณก็เสียสละช่วยเหลือกันด้านนั้นด้านนี้ แต่ว่างานพระพุทธศาสนาก็ทำประโยชน์ตัวเอง ทำประโยชน์ผู้อื่น ก็มีหลักการอยู่อย่างนี้ บางทีถ้าเราไม่สนใจทำประโยชน์เองก็ไม่ได้ ประโยชน์ผู้อื่นก็ไม่ได้ทำ ก็ก้าวหน้าไม่ได้ ชีวิตของเรามีเวลาจำกัด ไม่เท่าไรก็ล้มหายตายจากกันไป มันเป็นอย่างนี้
วันนี้ก็เป็นวันสำคัญหลายๆ เรื่อง มาพร้อมกัน แล้ววันปวารณาที่ว่าเป็นวันหลัก ปวารณานี้อนุญาตให้คนอื่นว่ากล่าวตักเตือนด้วยการได้เห็นก็ดี ด้วยการได้ฟังก็ดี ด้วยการสงสัยก็ดี ว่าเราทำมาถูกต้องขอให้ผู้อื่นมีเมตตาว่ากล่าวตักเตือน นี่เป็นเรื่องอริยวินัย พุทธศาสนาที่อยู่กันมาได้เพราะว่ายอมรับฟังที่ผู้อื่นตักเตือน เพื่อจะได้แก้ไข เพื่อจะได้ปรับปรุง ถ้าเราเป็นคนหัวดื้อหัวรั้น ขี้โมโหโทโส เพื่อนเตือนไม่ได้ คนนี้ก้าวหน้าไม่ได้ คนเราที่ยังไม่ทำผิด มันไม่มี พระอรหันต์เท่านั้นที่ไม่ทำผิด นอกนั้นยังทำผิดทำบกพร่องกันทั้งนั้น ท่านอาจารย์เคยพูดว่า คนที่ไม่ทำผิดคือคนไม่ทำอะไร ยังทำอะไรอยู่ก็มีผิดบ้างถูกบ้าง ต้องมีเพื่อนฝูงคอยมองคอยตามดูคอยแนะนำ สิ่งใดผิดพลาดบกพร่องเราก็แก้ไขให้มันถูกต้อง ท่านอาจารย์พุทธทาสท่านจึงสรุป หัวใจของปวารณาคือห้ามปากตัวเอง ห้ามปากตัวเองเมื่อผู้อื่นตักเตือน อย่าให้โกรธ อย่าให้หงุดหงิด ไม่โกรธไม่ได้ถ้าไม่เตรียมตัวเอาไว้ เพื่อนเตือนนิดเดียว เพื่อนทักนิดเดียวก็โมโหโทโสขึ้นมา กิเลสก็เกิดมันก็หมดเลย พระสงฆ์เราถ้าโกรธเมื่อไรก็หมด ความเป็นพระก็หมดไปชั่วขณะเวลาที่โกรธ มาอยู่ที่สวนโมกข์ก็ต้องใคร่ครวญพิจารณา 5 ปีได้อะไร ก้าวหน้าขนาดไหน ถ้าปลูกต้นไม้ถ้าเป็นไม้ไม่มีแก่นจะโตเท่าไร แก่นมันไม่มี เป็นไม้ที่ไม่มีแก่น ต้องเป็นไม้แก่น อายุผ่านไปหลายปีๆ แก่นก็โตขึ้นๆ ก็ต้องมีแก่นมีสาร
แก่นหรือสาระก็คือเรื่องนี้ ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า สาระ 5 มีศีล มีสมาธิ มีปัญญา มีวิมุติ วิมุติญาณทรรศนะ เรื่องศีลก็เป็นเรื่องสำคัญรักษาศีลเรียกว่าไม่ประมาท ถือศีลถือวินัย เป็นพระสงฆ์ไม่มีศีล ก็ไม่มีคนศรัทธา มีสมาธิก็ต้องฝึกต้องพยายาม มีปัญญา หัวใจสำคัญอยู่ที่วิมุติ วิมุติหลุดพ้น วิมุติญาณทรรศนะ เรียกว่าหลุดพ้นแล้วจริงๆ นี่ก็เป็นหน้าที่ของพวกเราที่อยู่กันที่สวนโมกข์
อย่างไรก็ดี วันนี้เป็นวันที่ว่าปัจจุบัน ตอนเช้าก็มากันที่ลานหินโค้ง ญาติโยมก็มาทำบุญวันพระ วันนี้เป็นวันคล้ายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 สวรรคต ก็มาเจริญพระพุทธมนต์ มาเจริญเมตตาภาวนาถวายพระราชกุศลแด่พระองค์ พอตอนบ่ายขึ้นไปทำปวารณาแทนฟังปาฏิโมกข์ พอวันพรุ่งนี้ก็มาตักบาตร มารับบิณฑบาตเทโวโรหณะชั้นปฐม วันพรุ่งนี้ผมต้องเดินทางไป ต้องไปอีกเพราะมีภาระที่เกาะสมุยเดือนนี้เขามีฝรั่งมาเข้าคอร์สด้วย 30 กว่าคน มีญาติโยมคนไทยก็มาเข้าคอร์สก็คงจะ 20 กว่าคน พอไปจะกลับมาวันที่ 20 ไปๆ มาๆ ก็ขอให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็ช่วยกันทำหน้าที่ของตนๆ วันนี้ผมไม่พูดอะไรมาก ขอแนะนำว่าเรื่อง 5 พรรษาแล้วนะ ก็จะนึกๆ ไว้บ้าง วัดดังๆ ขาดพระสงฆ์เยอะมาก ถ้าสมมุติว่าพวกคุณได้เดินธุดงค์ไป คุณจะเห็นว่าวัดต่างๆ บางทีมีพระเหลือองค์หนึ่ง สององค์ ไม่มีพระอยู่ในวัด วัดนี้เป็นสมบัติของพระพุทธศาสนา วัดอ่อนแอมาก ไม่ว่าเจ้าคณะฝ่ายปกครอง ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เป็นเจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ แม้แต่เจ้าคณะจังหวัดก็ไม่รู้จะจัดการอย่างไร วัดที่ไม่มีพระอยู่ ไม่รู้จะหาคนมาบวชมาอยู่วัดในได้อย่างไร ก็ดีถ้าว่าได้เดินหลายๆ องค์ไปพักที่วัดของท่านสักคืนหนึ่ง ก็จะมีคนเข้าวัดกันมากขึ้น ก็เท่ากับช่วยกันสนับสนุนให้วัดนั้นๆ มีญาติโยมเข้าวัดเข้าวามากขึ้น นี่ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นแก่ผู้อื่น เกิดขึ้นแก่พระพุทธศาสนา สำหรับเราเองก็ได้เดินไปจาริกไป เดินปฏิบัติธรรมก็ได้เห็นว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสังขารทั้งนั้น ชีวิตของเราเป็นสังขาร วัดวาอารามต่างก็เป็นสังขาร วัดบางวัดก็มีอุปัชฌาย์อาจารย์เขาทำรูปหล่อรูปเอาไว้ก็มี ท่านก็มรณภาพไปแล้ว ก็เป็นสังขารทั้งนั้น ถ้าเป็นสังขารก็ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน หัวใจสำคัญของพระพุทธศาสนา คือเรื่อง ไม่ยึดมั่นถือมั่น สัพเพ ธัมมา อนัตตา ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเป็นอนัตตา ไม่มีตัวตน สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ ธรรมทั้งหลายทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ว่าเป็นเราของเรา ก็ต้องปฏิบัติให้เข้าใจธรรมะ ณ บัดนี้ ถ้าเราเข้าใจธรรมะมากขึ้น เพื่อนเตือนเพื่อนแนะนำก็ไม่โกรธ ที่เราโกรธโมโหโทโสก็เพราะตัวตนยังไม่ลดไม่ละ ใครเตือนนิดหน่อยไม่ได้ โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ความเป็นพระก็หมดไป ก็ต้องระวังให้ดี พระแปลว่าประเสริฐ เอาละครับ ต่อไปนี้ก็ปฏิบัติเล็กๆ น้อย ๆ ตามเวลาที่มี