แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
แล้วก็ต่อไปนี้ก็ขอให้พวกเราที่เป็นภิกษุสงฆ์ทุกรูปทุกองค์ ไม่ว่าบวชเก่าหรือบวชใหม่ก็ตั้งใจที่จะปฏิบัติธรรม เพื่อจะเข้าใจธรรมะที่พระพุทธเจ้าได้ทรงค้นพบที่เรียกว่าพระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ ก็คือเรื่องความทุกข์กับความดับทุกข์โดยย่อ ก็คือเรื่องอริยสัจ 4 นั่นเอง เรื่องทุกข์ เรื่องเหตุแห่งทุกข์เกิด เรื่องความดับไม่เหลือทุกข์ เรื่องธรรมถึงความดับไม่เหลือทุกข์ นี่คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าได้ทรงค้นพบ โดยเราทุกคนเกิดมาก็พาความทุกข์ติดตัวกันมาทุกคน แต่ว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจว่าความทุกข์มันมาจากอะไร ความทุกข์จริงๆมาจากชาติ ถ้าไม่มีชาติ ความทุกข์ก็ไม่มี แต่ว่าชาติมีสองอย่าง ชาติทางเนื้อทางหนังคือร่างกายเกิดมาจากครรภ์มารดา เกิดมาก็พาความทุกข์มาด้วย มีความแก่ มีความเจ็บ มีความตาย
มีปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับร่างกาย ที่สำคัญที่สุด ชาติทางความรู้สึก จิตใจนั่นเอง รู้สึกว่านี่เรา นี่ของเรา ความทุกข์ก็เกิดขึ้นมา พระอริยเจ้าทั้งหลาย ท่านเกิดมาเหมือนกับคนทั่วไป มีร่างกายเนื้อหนังแล้วก็มีความทุกข์อย่างธรรมดาอย่างธรรมชาติ ท่านเข้าใจธรรมะพระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ ท่านก็ละตัวตนคือชาติ ความนึกว่าตัวตนถ้าละได้ ท่านละความมีตัวตนได้ความทุกข์ก็ไม่มี ผู้ใดถึงอมตธรรม ธรรมะที่อยู่เหนือความตาย เป้าหมายของพุทธบริษัทจริงๆก็คืออมตธรรม อีกชื่อหนึ่งที่เรียกว่านิพพานนั่นเอง
นิพพานนี่เป็นอมตธรรม ถ้าใครได้บรรลุจริงๆ ผู้นั้นก็จะอยู่เหนือความตาย ก็ร่างกายเนื้อหนังมันเป็นสังขาร ก็ต้องแตกต้องดับเป็นธรรมดา พวกเรามาอยู่ที่สวนโมกข์ เป้าหมายอยู่ที่โมกข์นั้นเอง โมกขะก็คำเดียวกับคำว่านิพพาน คือจิตใจหลุดพ้นจาก กิเลส ตัณหา อุปาทาน ฉะนั้นก็ต้องพยายามขวนขวายปฏิบัติ ผมได้พูด ได้นำเอาธรรมะของพระพุทธเจ้ามาพูดตามลำดับมา ยังไม่จบ วันนี้จะถือโอกาสพูดต่อเรื่อง นาถกรณธรรม
ธรรมะสำหรับทำที่พึ่ง ธรรมะบทนี้มี 10 ข้อด้วยกัน ถ้าใครปฏิบัติได้สำเร็จ ก็จะเข้าใจธรรมะบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ได้เช่นเดียวกัน ธรรมะที่พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ เป็นหมวดๆ ตั้งแต่หมวดหนึ่งหมวดสองหมวดสามหมวดสี่ เป้าหมายเพื่อทำให้ทุกข์มันดับนั่นเอง เช่นหมวดหนึ่ง คืออะไร ก็คือความไม่ประมาท ความไม่ประมาทเป็นธรรมะหมวดหนึ่งอย่างเดียว รวบเอาธรรมะอื่นๆทั้งหมดมาอยู่ในความไม่ประมาท อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าบรรดารอยเท้าของสัตว์ที่เที่ยวบนพื้นแผ่นดิน ไม่มีรอยเท้าชนิดไหนที่ใหญ่กว่ารอยเท้าของช้าง
ฉันใดก็เหมือนกัน ธรรมะทั้งหมดที่พระองค์ทรงแสดง มาสรุปลงในความไม่ประมาท อยากขออธิบายเรื่องไม่ประมาทเป็นอย่างไร ก็ครอบคลุมด้วยธรรมะ อย่างธรรมะหมวดอื่นทุกหมวด เพราะธรรมะของพระพุทธเจ้าที่พระองค์ได้ตรัสไว้เป็นสิ่งที่อัศจรรย์มาก มีลักษณะสามัคคี ร่วมมือกัน งั้นเราก็ควรจะสนใจธรรมะของพระพุทธเจ้าให้กว้างขวางมากขึ้น แต่ว่าจะเป็นประโยชน์ในการแนะนำสั่งสอนคนอื่น เพราะบุคคลบางคนสามารถเข้าใจธรรมะด้วยหัวข้อธรรมอันนี้ คนบางคนจะเข้าใจธรรมะด้วยหัวข้อธรรมข้ออื่น ก็ศึกษาเรียนรู้วันละหลายอย่าง อย่างนาถกรณธรรม มีถึง 10 อย่าง ตั้งต้นจากศีล อุทธัจจะ กัลยาณมิตตตา โสวจัสสตา กิงกรณีเยสุ ทักขตา ธัมมกามตา วิริยารัมภะ สันตุฏฐี สติ ปัญญา ก็ได้พูดมาตามลำดับ วันนี้มาถึงธรรมะที่เรียกว่า สันตุฏฐี คือสันโดษ นี่ก็มีความเข้าใจผิดกันมากเหมือนกันเมื่อหลายปีมาแล้ว
รัฐบาลหนึ่งก็เคยขอร้องท่านอาจารย์พุทธทาสว่าอย่าให้พูดเรื่องสันโดษเพราะบ้านเมืองต้องการจะพัฒนา ถ้าพูดเรื่องสันโดษทำให้คนไม่สนใจพัฒนา ท่านอาจารย์อธิบายให้เข้าใจว่า ความสันโดษไม่ได้หมายถึงหยุดพัฒนา สันโดษนี่คือความพอใจ เราทำอะไรได้อะไรมา ถ้าไม่พอใจ ความสุขจะไม่มี สันโดษนี่เป็นทรัพย์ สันตุฏฐี ปรมัง ธนัง สันโดษมันเป็นทรัพย์อย่างยิ่ง สันโดษคือพอใจในสิ่งที่เรามีแล้วก็แสวงหาพัฒนาต่อไป และพอใจเมื่อได้สิ่งนี้ ก็พอใจได้เรื่อยๆ ความพอใจมันเป็นความสุข แต่ว่าถ้าคนไม่มีความสันโดษ ได้มาก็รู้สึกพอใจ จะหาความสุขไม่ได้ ก็มีคำอยู่คำหนึ่งที่ว่ามักน้อย มักน้อยนี่มันต้องการ... (08.40 เสียงไม่ชัดเจน) แต่น้อย ถ้าใครปฏิบัติเป็นคนมักน้อย มันมีกถาวัตถุ ถ้อยคำที่ควรจะพูด พระพุทธเจ้าสอนสาวกว่าอย่าพูดเรื่องเดรัจฉานกถา เรื่องบ้านเรื่องเมืองเรื่องธรรมชาติดินฟ้าอากาศ มันไม่เป็นไปเพื่อความดับทุกข์ ให้พูดในกถาวัตถุ อัปปิจฉกถา ผู้ใดมักน้อย สันตุฏฐิกถา ผู้ใดสันโดษ อสังสัคคกถาพูดเรื่องการไม่คลุกคลี ปวิเวกกถา พูดเรื่องวิเวก วิริยารัมภกถา พูดเรื่องปรารภความเพียร เป็นต้น ฉะนั้นคำว่ามักน้อยนี่ก็มีความสำคัญเหมือนกัน ถ้าคนมักมากอยากใหญ่ มันก็ยากที่จะมีความสุขเรียกว่าก่อให้เกิดปัญหา
อย่างพระสงฆ์เรานี่ ถ้าเป็นคนมักน้อย ผู้นี้ก็จะก้าวหน้า แต่ว่าบางคนเนี่ยมันหาเลศ ทำตนเป็นคนมักน้อย จริงๆ จิตใจมันมักมาก มีการกล่าวใน กุหนวัตถุ พระสงฆ์ที่มักมาก หลอกลวงประชาชน ประชาชนเอาปัจจัยมาถวายเป็นจีวรก็ดี อาหารก็ดี มาถวาย อาตมาไม่รับหรอก อาตมาถือผ้าบังสุกุล ถือบิณฑบาต เป็นวัตร ญาติโยมก็เห็นว่าพระองค์นี้เป็นคนมักน้อย เป็นคนเรียกว่าต้องการอยู่ง่ายๆ ก็เอาของมาถวาย เท่านี้ก็บอกว่า จริงๆนี่ อาตมาไม่ต้องการอย่างนี้แต่เพื่อเห็นแก่โยม อาตมาจึงรับเพราะบุญจะเกิดขึ้นก็ หนึ่งประกอบด้วยผู้ให้เรียกว่าทายก สองผู้รับคือปฏิคาหก จิตของผู้ให้ที่มีศรัทธา นี่โยมมีศรัทธา โยมก็พร้อมแล้วถ้าอาตมาไม่รับโยมก็ไม่ได้บุญ
ฉะนั้นอาตมาก็รับ ลักษณะอย่างนี้เค้าเรียกว่ามีเลศ หาวิธีหลอกชาวบ้าน เค้าเรียกว่า กุหนวัตถุ วัตถุที่หลอกลวง ความจริงจิตใจมันมักมาก อยากจะได้มากๆก็วางแผน ฉะนั้นความมักน้อยไม่ว่าอยู่ที่ไหนมันจะสบายไปหมดเลย ไม่ว่าอยู่ที่ไหน ไม่ว่าไปที่ไหน ชีวิตมันไม่มีปัญหา มักน้อยนี่มันเป็นคุณธรรมที่สำคัญ สันโดษนี่มันคือยินดีตามมีตามได้ ไม่ใช่ว่าพอใจเพียงแค่นี้ พระพุทธเจ้าได้กล่าว เรื่องฆราวาสครองเรือน มีครอบครัวแล้วต้องพอใจในครอบครัวของตนโดยเฉพาะผู้ชายสามี ถ้ามีภรรยาแล้ว สถานะสันโดษ ยินดีเฉพาะภรรยาของตัวเองเท่านั้น นี่ก็คุณเป็นพระใหม่บางคนยังไม่มีครอบครัวมาบวชในพระพุทธศาสนา
ต่อไปอาจจะมีครอบครัวนี่ก็เป็นเรื่องสำคัญเหมือนกัน ในชีวิตของฆราวาส พระพุทธเจ้าได้สอนเรื่องการมีครอบครัวมีคู่ครอง ก็จะรู้เหมือนกัน พระพุทธเจ้าตรัสว่าผู้ชายก็ดีผู้หญิงก็ดี มีคุณสมบัติอยู่สามอย่าง หนึ่งกำลังรูป สองกำลังทรัพย์ สามกำลังศีล คนบางคนรูปสวยรวยทรัพย์คือเกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวย และก็มีศีลมีคุณธรรม ถ้าใครประกอบด้วยคุณสมบัติสามอย่างรูปสวยรวยทรัพย์ มีศีล ผู้นั้นเรียกว่าเลิศ ถ้าใครได้แต่งงานกับบุคคลเช่นนี้ ชีวิตของครอบครัวจะไม่มีปัญหาเลย มีรูปสวย ร่ำรวย รวยทรัพย์ แต่ไม่มีศีลใช้ไม่ได้ รูปสวยรวยทรัพย์แต่ไม่มีศีล ใช้ไม่ได้ ให้รูปไม่สวยทรัพย์ไม่รวยแต่มีศีลนี่ใช้ได้ ต้องการที่จะมีครอบครัวก็ต้องนึก
แต่ว่าได้ทั้งสามอย่างรูปสวยรวยทรัพย์มีศีลมันก็ดี แต่มีรูปไม่สวยทรัพย์ไม่รวยแต่มีศีลก็เรียกว่าใช้ได้ ในเมื่อมีครอบครัวแล้วก็ต้องพอใจในครอบครัวของตนเรียกว่าสันโดษถ้าเป็นผู้ชายสันโดษในภรรยาของตนก็ได้สถานะสันโดษ ปัญหาครอบครัวจะไม่มี ในฆราวาสทั่วไปมันไม่มีความสันโดษ แต่งงานแล้วนานๆมันก็เบื่อ นี่เป็นเรื่องปัญหาครอบครัวปัญหาสังคม ผู้หญิงปกติก่อนจะมีครอบครัวแต่งเนื้อแต่งตัวให้สวยให้งาม พอมีครอบครัวแล้วปล่อยเนื้อปล่อยตัวก็โดนผู้ชายมันก็เบื่อก็ไปหาคนใหม่ ปัญหาก็เกิดขึ้นในครอบครัว แต่ว่าถ้ามีคุณธรรมก็จะเป็นเพื่อนด้วยกัน เมื่อพระพุทธเจ้า ได้สอนเรื่องภรรยา 7 จำพวก ภรรยา 7 จำพวกมีเรื่องราวว่า
ครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าไปที่บ้านอนาถบิณ ไปฉันอนาถบิณฑิกเศรษฐีนิมนต์ไปฉันวันนั้นไม่ปกติ ภายในครัวเสียงดังลักษณะทะเลาะกันไม่สงบ พระพุทธเจ้าก็ถามอนาถบิณว่าเกิดเรื่องอะไรวันนี้มีถกเถียงกันภายในบ้าน อนาถบิณก็บอกว่า สะใภ้ใหม่ เพิ่งได้สะใภ้ใหม่เข้ามาอยู่ในครอบครัวยังไม่เข้าใจธรรมะยังไม่ศรัทธาต่อพระพุทธเจ้า ก็มีเสียงทะเลาะกัน พระพุทธเจ้าก็สั่งให้มาหา นางก็มาหา พระพุทธเจ้าถามว่าภรรยา 7 จำพวกนี่ เธอเป็นภรรยาชนิดไหน
นางก็ตอบไม่ได้ ภรรยา 7 จำพวกเป็นภรรยาชนิดไหนตอบไม่ได้ พระพุทธเจ้าก็อธิบายว่า หนึ่งภรรยาเหมือนเพชฌฆาต สองภรรยาเหมือนอย่างโจร สามภรรยาเหมือนอย่างนาย ภรรยาเหมือนอย่างน้อง ภรรยาเหมือนอย่างแม่ ภรรยาเหมือนอย่างเพื่อน ภรรยาเหมือนอย่างทาส ภรรยาอย่างเพชฌฆาตหมายความว่าสามีหาเงินหาทองมา วัฒนธรรมโบราณของอินเดีย ผู้หญิงอยู่ที่บ้านดูแลงานภายในบ้าน ส่วนนอกบ้านเป็นหน้าที่ของสามี สามีไปหาเงินหาทองมาภรรยาเหน็บ นอกใจคิดฆ่าสามี ภรรยาชนิดนี้ภรรยาอย่างเพชฌฆาต ภรรยาอย่างโจรชอบเล่นการพนัน ขโมยทรัพย์ที่หามา สามีหามา ไปเล่นการพนัน ภรรยาอย่างโจร ภรรยาอย่างนายดุด่าสามีเยี่ยงนายดุด่าคนใช้ ไพร่ อย่างนี้ภรรยาอย่างนาย ภรรยา 3 ชนิดนี้ตายแล้วจะไปตกนรก เพราะว่าชีวิตมีปัญหา ประพฤติตนอย่างนี้ ภรรยาอย่างเพื่อนจะรักสามีอย่างกับเพื่อนรักเพื่อน ภรรยาอย่างแม่ รักสามีอย่างแม่รักลูก ภรรยาอย่างน้อง พี่รักน้อง ภรรยาอย่างทาสไม่ว่าสามีจะดุด่าเท่าใดก็ไม่โกรธ
พระพุทธเจ้าแสดงอย่างนี้ นางก็ตอบว่า ต่อไปจะเป็นภรรยาอย่างทาส เพราะฉะนั้นชีวิตครอบครัวนี่จะอยู่เย็นเป็นสุขต้องมีคุณธรรม เพราะฉะนั้นถ้าพวกคุณต้องการจะมีครอบครัว ก็พยายามที่จะเลือกเอาคุณธรรม รูปสวยรวยทรัพย์มันก็ดี แต่ว่ามันจะหาพร้อมทุกอย่างมันหายาก รูปสวยรวยทรัพย์ถ้าไม่มีศีลใช้ไม่ได้ รูปไม่สวยทรัพย์ไม่รวยแต่มีศีล ใช้ได้ เมื่อมาอยู่กับเราแล้ว ต้องพอใจ สถานะสันโดษ ผู้หญิงก็เหมือนกัน พอใจเฉพาะสามีของตนเท่านั้น มีเรื่องเล่าในพระไตรปิฏก เกิดผู้ที่เข้าใจธรรมะ รู้สึกว่าสามีภรรยาคู่หนึ่ง เรียกว่าเป็นผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนา ต่อมาสามีป่วย ป่วยหนัก มีอาการหนัก ภรรยาก็ไปเตือนสามีว่า ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ก็ให้เตรียมจิตใจให้ดี ทำจิตใจให้สงบ เพราะว่าการตายในใจที่ไม่สงบมันมีทุกขคติเป็นที่หวัง ก็เตรียมตัวให้จิตใจสงบ ท่านไม่ต้องห่วงว่าเมื่อท่านตายไปแล้ว ดิฉันจะหาเลี้ยงครอบครัวไม่ได้ ท่านอย่าคิดอย่างนั้น ดิฉันมีความสามารถในการต่อทอหูกในการปั่นฝ้าย ปั่นฝ้ายหาทรัพย์มาเลี้ยงครอบครัวได้ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงว่าท่านตายไปแล้วดิฉันจะมีสามีใหม่ อย่าไปคิดอย่างนั้น ตั้งแต่อยู่มาไม่เคยคิดแม้แต่ครั้งเดียวคิดจะไปหาชายอื่น ท่านอย่าเป็นห่วงเรื่องนี้ว่าท่านตายไปแล้วดิฉันจะมีสามีใหม่ ท่านอย่าเป็นห่วงว่าดิฉันไม่มีศีล ท่านอย่าเป็นห่วงว่าดิฉันไม่เข้าใจธรรมะ ถ้าไม่เชื่อก็ไปถามพระพุทธเจ้าดู พระพุทธเจ้าก็ได้พยากรณ์ไว้แล้วว่าว่าดิฉันเข้าใจธรรมะคำนี้ๆ สามีพอฟังภรรยาพูดอย่างนั้นหายจากโรคเลย
ที่ป่วยหายดีด้วยความอิ่มใจด้วยความพอใจ สามีภรรยาที่ดีเขาเป็นอยู่กันอย่างนี้ สังคมปัจจุบันมันคนละอย่าง ไม่อบรมลูกหลานให้มีคุณธรรม เด็กๆลูกหลานของเราจึงเป็นคนที่ไม่มีคุณภาพ มีปัญหาในชีวิตเยอะ งั้นหน้าที่ของพุทธบริษัทต้องอบรมให้ลูกหลานมีคุณธรรม มีศีลมีธรรม เพราะฉะนั้นธรรมะของพระพุทธเจ้านี่ประเสริฐ ที่พระองค์สอนแต่ละอย่างๆ ล้วนแต่มีประโยชน์ เพราะฉะนั้นธรรมะเรื่องสันโดษนี่เป็นธรรมะที่สำคัญ งั้นพอเรามาบวชในพระพุทธศาสนา ต้องรู้จักใช้สันโดษ พอใจในสิ่งที่เรามี แล้วก็พยายามพัฒนาให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ มีศีล พอใจในศีล แล้วก็ปฏิบัติสมาธิ พอใจในสมาธิ ปฏิบัติปัญญา พอใจในปัญญา ถ้ามีสันโดษอย่างนี้ก็จะก้าวหน้าไปสู่อมตธรรม เป็นธรรมะที่อยู่เหนือความตาย สำหรับเวลาต่อไปนี้ ก็ปฏิบัติเล็กๆน้อยๆ